Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
30 พ.ค. 2022 เวลา 11:58 • ไลฟ์สไตล์
“ความชั่วเล็กๆ น้อยๆ อย่าไปทำเลย อดทนเอา
อยากได้ดีก็ต้องสู้เอา
ไม่สู้ก็ต้องแพ้ แพ้กิเลส”
“ … ค่อยๆ ดูไปเราก็จะเห็น รูปธรรมทั้งหลายมันก็มีเหตุ นามธรรมทั้งหลายก็มีเหตุ
1
อย่างจิตเราเดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์
เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย มันก็มีเหตุ
มันกระทบอารมณ์ที่พอใจมันก็มีความสุข
กระทบอารมณ์ที่ไม่พอใจมันก็มีความทุกข์
มีผัสสะขึ้นมา เกิดเวทนา แล้วจิตก็เกิดตัณหา อุปาทาน เกิดชาติ เกิดภพ เกิดทุกข์ขึ้นมา
เพราะฉะนั้นมีขบวนการ ทั้งรูปทั้งนามก็มีเหตุเกิด
เฝ้ารู้เฝ้าดูแล้วเราจะค่อยๆ เห็นทุกอย่าง
ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม
มีเหตุก็เกิดหมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ จะเห็น
แต่ตรงนี้ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา เป็นปัญญาเบื้องต้น
พอเราแยกรูปแยกนามได้แล้ว แล้วค่อยๆ ดูไป
รูปแต่ละรูปเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
นามแต่ละนามเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เราไม่คิดเรื่องไตรลักษณ์แล้วตอนนี้ แต่เราเห็นจริงๆ
อย่างความโกรธ บางคนขี้โกรธ
เราก็จะเห็นความโกรธมันผุดขึ้นมาได้เอง
เราไม่ได้สั่งให้โกรธ อยู่ๆ ความโกรธมันก็ผุด
ที่จริงก็คือจิตมันไปกระทบอารมณ์ที่ไม่ชอบใจโทสะมันก็เกิด
พอโทสะมันเกิดเราก็เห็นมันผุดขึ้นมาแล้วมันก็ดับ
ตัวอื่นๆ ก็เหมือนกันเกิดขึ้นแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ
ความสุขในใจเราเกิดแล้วก็ดับ
ความทุกข์ในใจเราเกิดแล้วก็ดับ
กุศลเกิดแล้วก็ดับ
โลภ โกรธ หลงเกิดแล้วก็ดับ เฝ้ารู้เฝ้าดู
ถึงจุดหนึ่งจิตมันจะปิ๊งขึ้นมา
สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ ทุกสิ่งที่เกิดมันดับทั้งสิ้น
ตรงนี้มันเป็นปัญญาชั้นยอด เป็นปัญญาอย่างดีเลย
ถ้าใจเข้าใจตรงนี้ได้ ใจก็ได้ธรรมะแล้ว
เรียกมีดวงตาเห็นธรรม มันจะรู้
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นทั้งหมดดับเป็นธรรมดา”
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเรียกว่าสังขาร
มีเหตุแล้วก็เกิดขึ้นมาเรียกว่าสังขาร
สังขารมีทั้งรูปธรรม
อย่างร่างกายเราก็เป็นสังขารอย่างหนึ่ง
ความรู้สึกนึกคิดจิตใจก็เป็นสังขารอีกอย่างหนึ่ง
เกิดแล้วก็ดับๆ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป
สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ คือมันทนอยู่ตลอดไปไม่ได้
มันถูกบีบคั้นให้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา
มีสิ่งที่ไม่ใช่สังขาร วิสังขาร วิสังขารคือพระนิพพาน
พระนิพพานไม่มีการเกิดขึ้น
ฉะนั้นพระนิพพานไม่มีการดับไป ไม่ใช่สังขาร
เราเรียนสังขารนี้ให้ดี พอเรียนสังขารได้ดีแล้ว
วันหนึ่งเราจะเห็นวิสังขาร สิ่งที่เหนือการเกิดดับ
ส่วนธาตุขันธ์อะไรนี่มันเป็นสังขาร อย่างไรก็เกิดดับ มีได้เสื่อมได้
ถ้าเราภาวนาจิตมันถึงวิสังขาร มันคล้ายๆ ครูบาอาจารย์สมัยโบราณท่านเปรียบ เหมือนเราเคี่ยวกะทิ เคี่ยวจนกระทั่งมันเป็นน้ำมันขึ้นมา แยกชั้นออกมา น้ำมันก็ไม่กลับเข้าไปรวมกับน้ำกะทิที่เหลือแล้ว
ฉะนั้นจิตที่มันเรียนรู้สังขารแจ่มแจ้ง
มันจะถอดถอนตัวเองขึ้นเหนือสังขารเป็นวิสังขาร
เมื่อจิตมันเข้าถึงวิสังขาร มันจะไม่กลับเข้าไปรวมกับสังขารอีก
ส่วนสังขารก็แก่ไป เจ็บไป ตายไป เป็นธรรมชาติธรรมดา
สิ่งเหล่านี้พวกเราต้องค่อยๆ ภาวนาไป
พากเพียรไป ตั้งใจให้เด็ดเดี่ยว
ทุกวันๆ เตือนตัวเองชีวิตของเราสั้นนิดเดียว
จะอยู่ได้อีกสักกี่ปีก็ไม่รู้
ก่อนจะตายต้องหาสิ่งที่ดีที่สุด ให้ติดเนื้อติดตัวเราไป
ไม่เคยรักษาศีลก็รักษาเสีย
ไม่เคยฝึกสมาธิก็ฝึกเสีย
ไม่เคยทำวิปัสสนาก็ทำเสีย
ค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นไปเป็นลำดับๆ จนเกิดปัญญา
ปัญญาขั้นต้นก็จะเห็นว่า “สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ”
ปัญญาขั้นกลางก็จะเห็น “รูปทั้งหลายนั้นคือตัวทุกข์”
ปัญญาขั้นสูงก็จะเห็น “นามทั้งหลายนั้นเป็นตัวทุกข์”
พ้นจากรูปพ้นจากนามไป ก็จะไปรู้จักวิสังขาร
เวลาภาวนาเบื้องต้นก็ล้มลุกคลุกคลาน ก็เป็นอย่างนั้นทุกคน
อย่าว่าแต่พวกเราเลย เจ้าชายสิทธัตถะท่านออกจากวังมาบวช ท่านก็ล้มลุกคลุกคลาน ภาวนาตึงไปบ้างหย่อนไปบ้าง ค่อยๆ เรียนค่อยๆ รู้ วันหนึ่งก็แจ้งก็พ้นทุกข์ไป
ศีลอัตโนมัติมันจะเกิด ถ้าไม่มีเจตนาจะทำผิดศีล
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจตนาทำผิดศีล
ฉะนั้นจิตก็ตั้งมั่นโดยไม่เจตนาให้ตั้งมั่น
มองสิ่งทั้งหลายมันจะเห็น มันว่างเปล่า มันว่าง
ดูลงที่ใจตนเองมันก็ว่าง
ขยายความรับรู้มาที่ร่างกาย ร่างกายก็ว่าง
ขยายความรับรู้ออกไปสู่โลกข้างนอก
โลกข้างนอกก็ว่าง
มันเป็นความว่างที่เสมอกันหมด ไม่มีอะไร
เพียรฝึกทุกวัน เบื้องต้นรักษาศีลให้ดี
อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์แล้วทำผิดศีล
อย่าเห็นแก่ความสนุก ความสบายแล้วทำผิดศีล สู้เอา
ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
มีพระพุทธเจ้าเป็นองค์แรก
เราดูประวัติท่าน ท่านสู้มาทั้งนั้น
ไม่มีหรอกได้ง่ายๆ อยู่ๆ ก็ได้ปิ๊งขึ้นมา ไม่มี
มีแต่ลำบากต่อสู้มาแล้วทั้งนั้น
ถ้าเราไม่สู้เราก็แพ้ แพ้อะไร แพ้กิเลส แพ้แน่นอน
เพราะธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำตลอดเวลา
ถ้าไม่สู้ก็ไหลลงต่ำไปเรื่อยๆ
ทีแรกไหลลงต่ำไม่มาก เวลาจะทำชั่วยังรู้สึกละอาย
พอทำหลายๆ ทีเข้าไม่ละอายแล้ว เฉยๆ แล้ว
เคยชินกับความชั่วแล้ว
อย่างคนโกหก โกหกทีแรกใจสั่นเลย หน้าร้อนเลย โกหก
พอโกหกหลายๆ ทีหน้าไม่ร้อนแล้วเพราะหน้าด้าน เฉยๆ
ฉะนั้นความชั่วเล็กๆ น้อยๆ อย่าไปทำเลย อดทนเอา
อยากได้ดีก็ต้องสู้เอา
ไม่สู้ก็ต้องแพ้ แพ้กิเลส . …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
21 พฤษภาคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.dhamma.com/importace-of-precepts/?fs=e&s=cl
เยี่ยมชม
dhamma.com
ศีล 5 มีประโยชน์มาก
ความชั่วแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ อะไรก็อย่าทำ ศีล 5 มีประโยชน์มาก ใจที่ไม่เบียดเบียนใจมันร่มเย็น สมาธิมันก็เกิดง่าย
Photo by : Unsplash
1 บันทึก
9
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อ่านธรรม : อ่านใจ
1
9
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย