25 มิ.ย. 2022 เวลา 12:19 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ “กัญชา”
ข่าวกฎหมายปลดล็อคกัญชาของไทยเป็นข่าวที่โด่งดังไปทั่วโลก และมันก็ได้สร้างข้อถกเถียงกันในหมู่คนด้วยว่า การกระทำนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่?
เครดิตภาพ : Hash Marihuana & Hemp Museum
หนึ่งวิธีที่ช่วยตอบคำถามนี้ได้ คือ การมองย้อนกลับไปในอดีต
ซึ่งก็มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอย่างยิ่งข้อหนึ่งว่า ในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 นั้น แทบไม่มีประเทศใดในโลกเลยที่ประกาศห้ามใช้กัญชาอย่างเบ็ดเสร็จ
แล้วการห้ามใช้กัญชาเกิดขึ้นเมื่อใด? เหตุผลใดหรือใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้ คือ สิ่งที่ Bnomics จะนำมาเล่าในบทความนี้ครับ
📌 จุดเริ่มต้นด้านการรักษาและความเชื่อ
ในช่วงเริ่มต้น ต้นกัญชาถูกใช้โดยมนุษย์ เพื่อเป็นเพียงเส้นใยในการถักทอเส้นเชือก และนำมาเป็นส่วนประกอบของเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น
ซึ่งหลักฐานที่มีการค้นพบบางชิ้นสามาถสืบย้อนอายุไปได้มากกว่าหมื่นปี เช่น เส้นเชือกที่ทำมาเส้นใยต้นกัญชาในสาธารณรัฐเช็ก
แต่ส่วนของการนำกัญชามาเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ที่มีการบันทึกเป็น
ลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนครั้งแรก เกิดขึ้นที่ประเทศจีน ในสมัยของจักรพรรดิเสินหนง (Shen Nen) ประมาณ 2700 ปีก่อนคริสตกาล
โดยมีการบันทึกเอาไว้ในตำรายาจีนว่า กัญชาถูกนำมาใช้รักษาโรคเก๊าท์ และโรคสมองเสื่อมได้
ความนิยมในการใช้กัญชา ค่อยๆ ถูกแพร่ขยายออกไปช้าๆ จากจีนไปสู่ดินแดนเอเชียใต้ มีการนำกัญชาไปทำเป็นยาที่เรียกว่า “Bhang” ซึ่งนำมาใช้ในแง่จิตวิญญาณ เพื่อให้สามารถเข้าพบกับพระเจ้าตามความเชื่อ
ในศาสนาฮินดู พระศิวะก็มีอีกสมญานามว่า “The Lord of Bhang” เนื่องมาจากตำนานที่กล่าวว่า “กัญชาคืออาหารโปรดของพระองค์”
การใช้ประโยชน์จากทั้งสองดินแดนจึงทำกัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการซื้อขายกันไปมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ และก็ค่อยๆ แพร่กระจายไปส่วนอื่นของโลก
📌 การใช้เพื่อความบันเทิงและการแพร่กระจายของกัญชาไปทั่วโลก
ในขณะที่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และความเชื่อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนก็เริ่มรู้จักการนำกัญชามาใช้ประโยชน์เพื่อความบันเทิงมากขึ้นเช่นกัน
กลุ่มชาติพันธ์ุแรกๆ ที่มีถูกบันทึกโดยชาวกรีกว่า มีการนำกัญชามาใช้ เพื่อมอบความบันเทิง คือ กลุ่ม Scythians ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในดินแดนตะวันออกกลาง
และทางกรีกกับโรมันเองก็ได้มีการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทั้งในทางการแพทย์และความบันเทิง
ในส่วนของการแพทย์นั้น ถึงขนาดถูกบันทึกลงไปในตำราของหมอชาวกรีก ผู้วางรากฐานการศึกษาทางการแพทย์หลายสาขา อย่าง “Galen” เลยด้วยซ้ำ
กัญชายังถูกแพร่กระจายต่อเนื่องไปอย่างมั่นคงในทุกๆ ภูมิภาคของโลก ผ่านการแลกเปลี่ยนและการเข้าไปยึดอาณานิคม
ดินแดนอเมริกาก็ได้รับอานิสงส์จากอังกฤษและฝรั่งเศส ที่มีการนำกัญชาไปปลูก เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง เพราะไม่ใช่ว่ามันจะใช้ได้กับประโยชน์สำหรับการบริโภคอย่างเดียว ประโยชน์จากการนำเส้นใยมาทำเป็นเชือกก็ยังถูกใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง
สถานะของกัญชาในรูปแบบที่ใช้เพื่อเสพและบริโภค นั้นคงอยู่ต่อเนื่องมาเป็นพันปี จนกระทั่งเริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่า อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับผู้เสพได้
สองกรณีสำคัญ เกิดขึ้นกับกองทัพของนโปเลียนที่ติดนิสัยการสูบกัญชาตอนไปทำสงคราม จนต้องถูกสั่งห้าม
และตอนที่อังกฤษแสดงความกังวลว่า อาณานิคมของตัวเองอย่างอินเดีย ประชาชนอาจจะติดกัญชามากจนเกินไป จนได้ทำการศึกษาผลกระทบอย่างจริงจัง
ซึ่งได้ผลสรุปที่น่าสนใจว่า “การสูบกัญชาในปริมาณที่ไม่มากไป ไม่ก่อผลเสียต่อร่างกายมากอย่างมีนัยยะ”
แต่เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทาง ให้ทั่วโลกหันมาควบคุมกัญชาอย่างเข้มข้น เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ต่างหาก
📌 การเริ่มแบนกัญชาในสหรัฐในศตวรรษที่ 20 นำมาสู่การแบนจากทั่วโลก
ที่แม้จะมีการใช้ประโยชน์จากกัญชามาอย่างเนิ่นนาน แต่ก็ต้องยอมรับว่า การใช้กัญชาส่งผลให้ผู้ใช้ไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่
และในมุมมองและประสบการณ์ของบางคน ก็อาจจะเห็นภาพที่เลวร้ายกว่าแค่การที่ใช้สมองได้ไม่เต็มที่อย่างมาก ทำให้มีกระแสที่ไม่ชอบคนที่ใช้กัญชามาตลอด
แต่การเคลื่อนไหวสำคัญที่สุด เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยมีชายตัวตั้งตัวตีคนสำคัญชื่อว่า “Harry Anslinger” ที่เขาได้ขึ้นเป็น director ของ the Federal Bureau of Narcotics ซึ่ง
1
ซึ่งเมื่อมีกระแสการแบนขึ้นมาในสหรัฐฯ ก็มีอิทธิพลต่อเนื่องไปให้ทั่วโลกทำการแบนกัญชาไปด้วย
1
อย่างไรก็ดี การแบนกัญชาที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อเวลาผ่านไป ก็ถูกตีความออกมาเพิ่มในอีกแง่มุมว่า การแบนที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงจากข้อเสียทางด้านสุขภาพของมัน แต่เป็นเรื่องของการเหยียดชาติพันธุ์ด้วย
1
เพราะในสุนทรพจน์ของคุณ Anslinger หลายครั้ง มีการเชื่อมโยงการสูบกัญชาเข้าไปกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะ กลุ่มผู้อพยพชาวเม็กซิโกและคนนิโกร
ประกอบกับในช่วงนั้น ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่มากในอเมริกา ซึ่งก็มียาเสพติดชนิดอื่นที่มีโทษรุนแรงกว่าระบาดด้วยอย่างเฮโรอีนและโคเคน เป็นส่วนหนึ่งที่ให้กฎหมายการควบคุมกัญชาได้รับการยอมรับอย่างไม่ยากนัก
ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาหลายสิบปี นับตั้งแต่ช่วงปี 1930 จนถึงประมาณปี 2000 ที่ทางสหรัฐฯ มีการแบนการใช้กัญชา โดยมีกฎหมายฉบับสำคัญที่เป็นร่างควบคุมเริ่มต้นอย่าง “The Marijuana Tax Act of 1937”
📌 การกลับมายอมรับกัญชา เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลักฐานที่บ่งชี้ว่า กัญชามีโทษน้อยกว่ายาเสพติดอีกหลายประเภทก็ปรากฎเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประโยชน์ในด้านการแพทย์ ที่หากใช้อย่างพอดี จะช่วยรักษาได้หลายโรค/ภาวะ
แต่การสูบกัญชาเพื่อความบันเทิงก็ยังไม่ได้ถูกยอมรับโดยคนหมู่มาก มาอีกเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน
ประเทศที่เปิดโอกาสให้มีการครอบครองกัญชา เพื่อความบันเทิงที่เปิดกลับมาคนแรกในปี 1976 อย่าง “เนเธอร์แลนด์” ก็มีการออกกฎหมายออกมาอย่างระมัดระวัง
มีการสร้าง “CoffeeShop” ที่เป็นร้านขายกัญชาถูกกฎหมาย ที่สามารถสูบกัญชาในร้านได้ก็จริง แต่ก็มีกฎควบคุมไม่ให้โฆษณา ห้ามขายให้เด็ก และห้ามครอบครองกัญชาส่วนตัวเกินปริมาณที่กำหนด
1
แต่ด้านประโยชน์ในการแพทย์นั้น ทั่วโลกก็เปิดรับมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเสมอมาว่า หากใช้อย่างเหมาะสม กัญชาเป็นพืชที่สามารถใช้เพื่อการแพทย์ได้
และเมื่อเวลาผ่านไป หลักฐานและแนวคิดของผู้คนยอมรับกัญชามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มมีประเทศที่ออกกฎหมายสำหรับให้ใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง เป็นมาตราพิเศษเพิ่มขึ้นมาโดยเฉพาะมากขึ้น
โดยตอนนี้ประเทศที่เปิดเสรีเรื่องนี้มากที่สุดสองประเทศนอกจากเนเธอร์แลนด์และหลายรัฐในอเมริกาแล้ว ก็น่าจะเป็นอุรุกวัยและแคนาดา
1
แต่ทุกๆ คนก็ยังต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น โดยสองข้อที่เฝ้าระวังใกล้ชิดแทบจะเหมือนกัน คือ การใช้กัญชาในเด็กและการควบคุมมาตรฐานการผลิตของสินค้าจากกัญชา
แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะอย่างที่บอกไป การใช้กัญชาในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะสร้างปัญหาได้อยู่
และบริบทของสังคมแต่ละสังคมก็อาจจะยอมรับหรือควบคุมการใช้กัญชาอย่างเหมาะสมได้ไม่เท่ากัน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องปรับให้พอดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมนั้นๆ…
1
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
เครดิตภาพ : Hash Marihuana & Hemp Museum

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา