Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิกิกับพี่พิม
•
ติดตาม
20 ก.ค. 2022 เวลา 05:00 • การศึกษา
Ep. 21 ดูแหล่งผลิตแม่พิมพ์ของชาติและศูนย์สุขภาพ
มหาวิทยาลัยการศึกษา คิม เฮียง จิ๊ก
ฝนตอนบ่ายแผลงฤทธิ์มากกว่าเมื่อเช้า แต่รถก็มารับเราตรงเวลาเมื่อบ่าย 2 โมงครึ่งตามกำหนด เราจะไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยการศึกษา “คิม เฮียง จิ๊ก”
(Kim Hyong Jik University of Education) ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกอบรมครูในอนาคตทุกระดับ ตั้งขึ้นตามนามท่านบิดาของประธานาธิบดี คิม อิล ซุง... ตุ้ยนุ้ยทำหน้าเบ้ บอกไม่อยากพาไปหรอกที่มหาวิทยาลัยนี้น่ะ เพราะแม่ผมเองแหละ อธิการบดี แม่ไม่เคยเห็นผมเวลาทำงานนอกบ้านเลย แล้วก็ชอบบ่นว่าผมเป็นลูกไม่เอาไหน...
ระหว่างอยู่ในรถ ตุ้ยนุ้ยมีเรื่องเศร้าสำหรับเขามาเล่าให้เราฟัง เกี่ยวกับการที่เกาหลีใต้ 84 คนเดินทางมาประชุมที่เปียงยาง โดยการประสานงานขององค์การกาชาดสากลเมื่ออาทิตย์ก่อน
ตุ้ยนุ้ยเล่าว่า ฝ่ายใต้วอล์คเอ้าท์ออกจากสนามกีฬา ระหว่างการแสดงโชว์กายกรรมกลางแจ้ง ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเรา ทำให้การประชุมตึงเครียดและไม่ก้าวหน้าเท่าที่น่าจะเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายจริงๆ เพราะโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะเจอกัน แบบ ‘ตัวเป็น ๆ’ อย่างนี้หายากมาก
(ฟองน้ำมาทราบทีหลังว่า เป็นเพราะการแปรอักษรที่สนามกีฬาวันนั้น มีถ้อยคำอันไม่เป็นที่สบอารมณ์ฝ่ายใต้เขาน่ะ)... และเมื่อกลับไปถึงกรุงโซล พวกที่มาประชุมก็ยังไปแถลงข่าวกับหนังสือพิมพ์ว่าเปียงยางไม่มีอะไรดีเลย... ตุ้ยนุ้ยจบการเล่าด้วยท่าทางระโหยโรงแรงและผิดหวังระคนเจ็บช้ำหน่อย8ๆ ประโยคท้ายเขาชวนเราให้ช่วยคิดกันหน่อยว่า แล้วอย่างนี้ เกาหลีจะมี “การรวมประเทศโดยสันติ” ได้อย่างไร?
“คนนอก” อย่างเราๆ ท่านๆ ล่ะ คิดอย่างไรเอ่ย?
เราฝ่าสายฝนวิ่งขึ้นบันไดตึกบริหาร อธิการบดี มาดามลี ผู้เป็นมารดาของตุ้ยนุ้ย แต่งตัวทันสมัยในสูทน้ำเงินเข้มยืนรอรับอยู่ แค่เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นแม่ลูกกันกับตุ้ยนุ้ย เพราะหน้าเหมือนกันยังกับแกะ แถมใส่แว่นเหมือนกันอีกด้วย
1
มาดามลีผู้นี้ จัดว่าเป็นคนงามคนหนึ่ง รูปร่างขาวท้วมผิดกับหญิงเกาหลีคนอื่นๆ ที่เคยเห็น (ซึ่งผอมกันเป็นส่วนใหญ่) นับว่าเป็นผู้หญิงที่มีบุคคลิกดี พูดจาเข้มแข็ง มีลักษณะผู้นำ เธอกล่าวว่า ยินดีเป็นพิเศษที่ได้ต้อนรับชาวอาเซียด้วยกัน และเป็นครั้งแรกที่ได้ต้อนรับคณะใหญ่อย่างนี้...
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1946 เนื่องจากท่านประธานาธิบดีต้องการให้มีการผลิตครูเพื่ออบรมสั่งสอนยุวชนรุ่นหลังเอง โดยไม่ต้อง “ยืมวิธีการจากคนอื่น” ทั้งนี้ ท่านได้มาเยี่ยมชม ให้กำลังใจ และติดตามงานของมหาวิทยาลัย 14 ครั้งแล้ว ตั้งแต่เปิด จนถึงปัจจุบันนี้ มีคนระดับกุญแจของประเทศจบจากที่นี่ถึง 35 คน
มหาวิทยาลัยมี 44 ภาควิชา 14 คณะ ได้แก่ คณะวิชาวรรณคดี ประวัติศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี นิติศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ ดนตรี วิจิตรศิลป์ พลศึกษา และอีก 2 คณะที่มีลักษณะเฉพาะ คือ คณะ “การปฏิวัติของคิม อิล ซุง” กับ “คณะการศึกษาซ่อมเสริม” (Faculty of Re-Education) ซึ่งคณะหลังสุดนี้ ฟองน้ำจะขอเล่าละเอียดหน่อย
คณะการศึกษาซ่อมเสริมนี้ เพิ่งเปิดใหม่หลังสุด ตามคำแนะนำของท่าน คิม จอง อิล โดยมีจุดประสงค์ให้ครูอาจารย์ที่สอนมาแล้วเป็นเวลานานได้มาฟื้นฟูความรู้และรับวิทยาการใหม่ๆ ที่ทันสมัย ทุก 5 ถึง 6 ปี
หลักสูตรมี 2 ประเภท คือ หลักสูตรระยะสั้น อบรม 6 เดือน– 1 ปี (รวม 1,000 คาบ) และหลักสูตร 3 ปี เทียบเท่าระดับปริญญาโท มาดามลีอ้างคำพูดของประธานาธิบดีว่า “ครูที่สอน 1 วิชา ต้องมีความรู้ 10 วิชา” หลักสูตรระดับหลังปริญญาตรีนี้มีสอนในทุกสาขา รวมทั้งมีการสอนระดับปริญญาเอกด้วย ปัจจุบัน มีอาจารย์ประจำ 700 คน นักเรียน 2,500 คน “คิม เฮียง จิ๊ก” จึงเป็นมหาวิทยาลัยแม่ของวิทยาลัยครูทั่วประเทศ 35 แห่ง
เราจะไปชมตึกต่างๆ ก่อน แล้วจึงกลับมาอภิปรายกลุ่มย่อยกับอาจารย์ของเขา (รายการนี้เป็นไปตามที่เราขอกับคุณหลัง) มาดามลีแบ่งกลุ่มไว้ให้แล้ว 3 กลุ่ม คือ กลุ่มประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ กลุ่มปรัชญา กับกลุ่มภาษาและวรรณคดี
เราแวะเป็นจุดแรกที่ตึกบริหาร ซึ่งเขาเรียกชื่อว่า ตึกปฏิวัติ เขาพาชมห้องโชว์เหรียญต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยได้รับ มาดามลีอวดว่า จากผลการสอบหลายๆ ปีติดกัน นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ได้เป็นที่หนึ่งของประเทศ ทางการจึงมอบเหรียญประกาศเกียรติคุณให้แก่มหาวิทยาลัย ในห้องเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของท่านผู้นำ รวมทั้งตารางแสดง วัน เดือน ปี ที่ท่านมาเยี่ยมมหาวิทยาลัย และตามมุมห้องก็ประดับดอกแมกโนเลียและอาเซเลียด้วย
ตึกต่อมาคือ ตึกชีววิทยา เป็นตึกเก่าแก่มาก เราได้ชมสัตว์ป่าจากเขาเป้กตูอันศักดิ์สิทธิ์สตั๊ฟไว้ในท่าต่างๆ กัน มีอัลบั้มดอกไม้ป่าทับแห้งทุกชนิด มีแคตตาล้อกที่บอกแหล่งที่มาและสถิติต่างๆ
มาดามลีเป็นคนหัวไวมาก เวลาใครพูดอะไร เธอจะแซวกลับได้ทันควัน ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียกเสียงเฮฮาได้ทุกครั้ง (นี่ขนาดต้องแปลอีกทอดนะ) อย่างเช่น เราเห็นแมวน้ำสตั๊ฟไว้ในตู้กระจก แล้วมีใครคนหนึ่งในคณะของเราร้องว่า “ตัวนี้หน้าเหมือนแมวน้ำที่สวนสัตว์เมืองไทยเลย” พอตุ้ยนุ้ยแปลเสร็จ มาดามลีก็โต้กลับทันทีว่า “ที่จริง นั่นเป็นแมวน้ำเกาหลีต่างหาก แต่มันว่ายไปเมืองไทย เพราะมันไม่รู้ว่าพรมแดนอยู่ที่ไหน!”
ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นฉันใด ตุ้ยนุ้ยก็เป็นฉันนั้น!
ที่ตึกดนตรี อึกทึกไปด้วยเสียงซ้อมของเครื่องดนตรีนานาชนิด และในห้องซ้อมเปียโนซึ่งเป็นห้องเดี่ยวแคบๆ และเก็บเสียง เราพบว่า สาวน้อยที่กำลังซ้อมเปียโนอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจนั้น มาจากปักกิ่ง หาใช่สาวเปียงยางไม่
ในห้องซ้อมดุริยางค์เต็มวง ผู้เล่นต่างปรบมือต้อนรับเมื่อเราก้าวเข้าไป วงดุริยางค์เล่นเพลงเกาหลีเพราะๆ ให้เราฟัง และมีนักศึกษาโชว์การร้องเพลงประสานเสียง 3 คน จบด้วยการร้องเดี่ยวเสียงโซปราโนของครูซึ่งร้องได้เนี้ยบจริงๆ ไพเราะและได้อารมณ์มาก
คณะพลศึกษามีการฝึกกีฬาทั้งลู่และลานทุกชนิด และมีนักเรียนมาทำการแสดงยิมนาสติคประเภทฟลอร์ให้ชม มาดามลีอวดว่า เราชนะเลิศในการแข่งขันทั่วประเทศมาแล้วนะ!
Kim Hyong Jik University of Educational ในอดีตและปัจจุบัน
ตุ้ยนุ้ยคงดีใจและพอใจที่เราชื่นชอบแม่ของเขา จึงนินทาแม่อย่างเอ็นดูให้พวกเราฟังหลายเรื่อง พอจับความจากการเล่าแบบใส่สีใส่ไข่นิดๆ ได้ว่า ตัวเขาเป็นลูกชายคนโต มีน้องชายอีกเพียงคนเดียว พ่อเป็นนายพลที่ใหญ่แต่เพียงนอกบ้าน ส่วนในบ้านนั้น แม่คือ ‘จอมเผด็จการ’ ผู้มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียว...
เราออกมาจากมหาวิทยาลัย คิม เฮียง จิ๊ก เมื่อเวลา 6 โมงเย็น ฝนยังตกพรำๆ เล็กน้อย และเป็นครั้งที่ 2 ที่เราเจอรถติดจริง ๆ (เพราะทหารอีก!) ปกติแล้ว บนท้องถนนจะมีรถยนต์เพียง 4 ประเภทคือ รถทหาร รถข้ารัฐการชั้นผู้ใหญ่ รถติดดาวของแขกต่างประเทศ และรถเมล์ของรัฐ รถบรรทุกจะแล่นแต่ตอนกลางคืน ทั้งรถเมล์และรถบรรทุกจะติดเลขทะเบียนตัวโตๆ ไว้บนตัวถังด้านหลังอีกที่หนึ่ง เพิ่มจากป้ายด้านหน้าและด้านหลังที่มีอยู่ตามปกติ
ปรากฏการณ์รถติดครั้งนี้ เป็นเพราะรถทหาร ทั้งนี้เนื่องจากทหารเขายกขบวนกันมาดูกีฬา ที่สนามกีฬาใกล้ๆ กับรถเราที่ถูกบล้อคอยู่ รถทหารมีทั้งหมดราว 100 คันเห็นจะได้ ตุ้ยนุ้ยเห็นรถทหารที่จอดรอตรวจก่อนเข้าสนามกีฬาทีละคันๆ แล้ว คงทนรอไม่ไหว จึงลงไปเจรจากับคุณจ่าที่กำลังวุ่นเป่านกหวีดให้สัญญานรถคันอื่นๆ หยุด เพื่อเปิดทางให้ขบวนรถทหารวิ่งตามกันไป
คุณจ่าทำหน้าเคร่งเข้าใส่ แต่เมื่อตุ้ยนุ้ยชี้มาที่รถติดป้ายดาวแดง คุณจ่าก็ผ่อนสีหน้าลง พยักหน้ายอมให้รถเราผ่านไปทั้ง 3 คันเสียก่อน แล้วจึงเริ่มต้นเป่านกหวีดหยุดรถคันอื่นใหม่
วิวน้ำพุ.. หน้าศูนย์สุขภาพ จาง กวาง
ที่ตุ้ยนุ้ยต้องใจร้อนก็เพราะว่า สถานที่ที่เราจะไปนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เพียงเลี้ยวรถข้ามถนนไปอีก 100 เมตรก็ถึงแล้ว นั่นคือ ศูนย์สุขภาพชื่อว่า “จางกวาง” (Changgwang Health Complex) คุณอย่าเพิ่งเข้าใจว่าที่นี่คือ โรงหมอหรือโรงซ่อมสุขภาพอย่างที่ฟองน้ำคิดนะ ที่แท้แล้ว ที่นี่คือสถานบริการสร้างเสริมสุขภาพและความงามดี ๆ นี่เอง เป็นศูนย์ที่ใหญ่โตและทันสมัยหนึ่งเดียวของเปียงยาง
ศูนย์สุขภาพ จาง กวาง
ศูนย์สุขภาพ จางกวาง เป็นตึกทรงกลม ล้อมด้วยอาคารสูง 3 ด้าน ด้านหน้าเป็นสระน้ำซึ่งมีน้ำพุพวยพุ่งขึ้นสูงประมาณตึก 3 ชั้น ก่อนเข้าไปชมในตัวอาคาร เราต้องถอดรองเท้าฝากไว้ แล้วใส่รองเท้าแตะที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เสียก่อน จุดแรกเป็นแผนกผม แยกชาย – หญิงคนละส่วน ตรงผนัง มีป้ายบอกราคาค่าบริการไว้ นายไปยืนอ่าน พลางคิดคำนวนเอา 12 คูณ เพื่อเทียบกับราคาบ้านเรา
ตัดสั้น 10 วอน
ตัดยาว 12 วอน
สระ 2.5 วอน
นวดหน้า 7 วอน
อบซาวน่า 24 วอน
ค่าลงสระน้ำ 2 วอน ต่อ ชั่วโมง ฯลฯ
แล้วนายก็สรุปเอาเองว่า คงเฉพาะคนสตางค์เหลือใช้มากๆ เท่านั้นกระมังที่มาใช้บริการที่นี่ เพราะเมื่อเทียบกับเงินเดือนปริญญาตรี 90 วอนแล้ว คงมาทำเก๋อยู่แถวนี้ได้ลำบากหน่อย
การก่อสร้างศูนย์สุขภาพตามดำริของประธานาธิบดี คิม อิล ซุง (เช่นเคย) เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 1979 แล้วเสร็จในปี 1980 โดยระหว่างการก่อสร้าง ท่านได้มาตรวจงานและชี้แนะถึง 5 หน แต่ท่านจะมาใช้บริการหรือไม่นั้น ไกด์ของศูนย์ไม่ได้เล่า ศูนย์แห่งนี้มีเนื้อที่ 38,000 ตารางเมตร รวมทั้งสระน้ำขนาดมาตรฐานกลางแจ้ง สระน้ำในร่ม และสระเด็กด้วย
ห้องทำผมทั้งแผนกชายและหญิงจัดไว้ทันสมัย สะอาดสะอ้าน พนักงานเป็นหญิงล้วน อุปกรณ์ทำผม ไม่ว่าจะเป็นกรรไกร มีดโกน หวี ฆ่าเชื้อโรคด้วยไมโครเวฟ แต่กรรมวิธีสระผมดูจะไม่สบายเท่าบ้านเรา เพราะใช้วิธีนั่งสระ ไม่ได้นอนแผ่สบายๆ เหมือนร้านเสริมสวยบ้านเรา
สาวเกาหลีส่วนมากจะไว้ผมซอยยาว ทำลอนใหญ่ และนิยมติดกิ๊บสีต่างๆ ขณะพวกเราไปเยี่ยมชมเป็นเวลาใกล้ปิดบริการ จึงมีลูกค้าเหลืออยู่น้อย... นายถามตุ้ยนุ้ยว่า คนประเภทใดบ้างที่มาใช้บริการที่นี่ ตุ้ยนุ้ยตอบว่าทุกประเภท แม้แต่เขาเองก็มาตัดผมที่นี่ แต่วันเสาร์ คนเปียงยางจะไม่ค่อยมาเพราะคนเยอะ เนื่องจากเป็นวันที่เปิดให้คนต่างจังหวัดเข้ามาใช้บริการ
เราโผล่เข้าไปดูแผนกนวดหน้านิดหนึ่ง มีลูกค้า 2 ราย และยังมีที่ว่างอีก 2 ที่ ทั้งลูกค้า (อาวุโสพอควร) และทั้งคนนวดหน้าตาสวยยังดับดารา ผิวดีมาก
ห้องบริหารร่างกาย มีอุปกรณ์เหมือนกับสถานบริการความงามทั่วไป มีห้องอาบน้ำอุ่นแบบหมู่ ห้องอาบน้ำเป็นคู่ และห้องเดี่ยวด้วย ฟองน้ำเข้าใจเอาเองอีกนั่นแหละว่า สำหรับบ้านที่ไม่มีอ่างอาบน้ำ นานๆ ที สมาชิกในครอบครัวคงจะพากันมาลงแช่น้ำอุ่นกระมัง ห้องอาบแบบหมู่ถึงได้กว้างมาก แต่คิดสะระตะแล้ว ถ้าเป็นศูนย์เปิดสาธารณะสำหรับทุกคนจริง คงจะให้บริการได้ไม่ทั่วถึงแน่ๆ
สระน้ำในร่มสวยมาก เพราะท่าน คิม จอง อิล เป็นผู้ออกแบบ มีลิฟต์แก้วให้นักกระโดดน้ำขึ้นไปยืนบนสปริงบอร์ดโดยไม่ต้องเสียเวลาไต่บันใดขึ้นไป มีเด็กหนุ่มๆ มาว่ายหลายคน น่าจะเป็นพวกนักกีฬาที่กำลังซ้อมฝึกฝนเพื่อไปแข่ง มากกว่าที่จะเป็นคนทั่วไปมาเล่น
ออกจากศูนย์สุขภาพราวหนึ่งทุ่ม เริ่มมืดแล้ว ฝนยังพรำนิดๆ แต่ยังเห็นเด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยเดินกรำฝน หิ้วกล่องอาหารกับกระเป๋าหนังสือกลับบ้านกันเป็นแถว โดยไม่หวั่นทั้งสายฝนและความมืด
คนที่นี่เขามีน้ำอดน้ำทน ด้วยเคยผ่านความโหดร้ายน่ากลัวและความลำบากกันมามากสมัยสงครามจนเคยชิน และถ่ายทอดสายเลือดนี้สู่ลูกหลาน พวกเราจึงไม่แปลกใจที่เมื่อเช้า ตอนฝนเทจากฟ้าจนชุ่มโชก เราก็ยังเห็นชาวเมืองเขาเดินตามกันเฉยด้วยความเร็วปกติ ไม่เห็นใครวิ่งหนีฝนเลยสักคน ปกตินิสัยอันนี้ คงเป็นแบบอย่างที่สั่งสมไว้ในตัวลูกหลานสืบต่อกันมากระมัง
กลับถึงบ้านมารัม เพื่อพบกับห้องพักที่ประตูเปิดไว้ให้แล้วเต็มที่ รวมทั้งประตูห้องน้ำด้วย ประสบการณ์วันนี้ยาวนานและหลากหลายมากจริงๆ ฟองน้ำดีใจที่จะได้พักผ่อนเสียที
โปรดติดตามตอนต่อไป.....
เกาหลีเหนือ
เรื่องเล่า
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อรุณสงบที่เปียงยาง
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย