4 ส.ค. 2022 เวลา 13:07 • ไลฟ์สไตล์
“การพิจารณาธรรม ไม่ใช่การตรึกนึก การคิด”
“… เพียงแค่รู้แค่รู้สึก สักแต่รู้ สักแต่ว่าเห็น นั่นแหละคือการพิจารณาธรรม
การพิจารณาธรรมไม่ใช่การใช้ความคิดมาตรึกนึก อันนี้เขาเรียกว่า สัญญา มันเป็นเบสิคเบื้องต้น
แต่การพิจารณาธรรมที่แท้เนี่ย จิตมันต้องพ้นจากสัญญา ความคิด ความจำ ความตรึกนึกทั้งหลายทั้งปวง
จิตเกิดการเพาะบ่ม จนเกิดสภาวะผลิบาน แล้วเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
ก็เพียงแค่รู้ แค่รู้สึก
สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่ารู้สึก
ไม่ติดข้องอยู่
ไม่ยึดถืออะไร ๆ ทั้งปวงในโลกด้วย
นั่นแหละ คือการพิจารณาธรรมที่แท้
เขาเรียกว่า มันซึมซาบลงสู่ใจ
มันทะลุผ่านชั้นมันสมอง ความคิดที่มันเป็นเรื่องสัญญา ตรรกะทั้งหลายทั้งปวง สิ่งนี้มันเคลือบแฝง มันบดบังสัจธรรมอยู่
การซึมซาบสู่ใจ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความคิด การตรึกนึกเลย มันเหมือนเรากินอาหาร แล้วเรารับรู้รสได้
สภาวธรรมมันซึมซาบลงสู่ใจต่างหาก ถึงเรียกว่า การพิจารณาธรรม
สิ่งนี้ต่างหากที่จะละ การติดข้องทั้งหลายทั้งปวงได้
ฉะนั้นทำความเข้าใจว่าการพิจารณาธรรม ไม่ใช่การตรึกนึก การคิด อันนั้นเป็นระดับสัญญาเบื้องต้น การละกิเลสหยาบ ๆ
แต่การพิจารณาธรรมที่แท้ มันต้องซึมซาบลงสู่ใจ
ถามว่า เหมือนเรากินอาหาร แล้วสัมผัสรสอาหาร แล้วต้องคิดตามไหมล่ะ ?
มันก็แค่รับรู้ ซึมซาบ
สภาวะของวิปัสสนาญานที่มันเห็น แยกธาตุ แยกขันธ์ แตกดับตามความเป็นจริง มันจะแจ้งสู่ใจเลย
แล้วมันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า วูบแห่งความเข้าใจ
แล้วมันวางทุกอย่างลง คืนสู่ความเป็นธรรมชาติ
ถ้าบ่มได้ที่จริง ๆ มันจะเหมือนผลไม้ที่มันสุกเต็มที่แล้ว พร้อมที่จะหลุดออกจากต้น เขาเรียกว่า ทิ้งต้น หลุดจากขั้ว ทิ้งทุกอย่าง วางทุกอย่างลง แล้วคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ
นั่นแหละ การพิจารณาธรรมที่แท้
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความคิดเลยทีเดียว …”
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา