8 ส.ค. 2022 เวลา 08:32 • ไลฟ์สไตล์
“อย่าประมาท”
“ … เราจะพบว่าขณะที่เราเข้าถึงสภาวธรรมอยู่ แต่มันก็จะมีแรงดึงดูดของวัฏฏะผุดขึ้นมาเป็นระยะได้เช่นกัน อาจจะเป็นเรื่องของมันสมอง
ถึงได้บอกว่าการปฏิบัติมันต้องหยั่งเข้าไปถึงจิตใจ
ไม่ได้ใช้สัญญาความคิดทรงจำ
เพราะสุดท้ายอันนี้มันก็ยังเป็นเครื่องมือของวัฏฏะอยู่นั่นเอง
ถ้าเรามาติดข้องกับความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นมันก็จะทำให้เราวกวนอยู่ในวัฏฏะอยู่ร่ำไปนั่นแหละ
เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติที่เริ่มเกิดการแยกออก จะรู้เท่าทันตรงนี้เลยว่า
ในขณะที่เราเข้าถึงสภาวธรรม แต่แรงดึงดูดของวัฏฏะก็ยังเกิดขึ้นอยู่ได้ ความคิด ความรู้สึกต่าง ๆ ที่มันผุดขึ้น มันก็ผุดขึ้นได้อยู่
แล้วเมื่อใดถ้าเรายังยั้งอยู่กับสภาวธรรมได้กำลังดีกว่า ถ้ามีกำลังมาก สิ่งนี้มันก็จะไม่มีแรงส่ง ไม่มีแรงดึงดูด ไม่มีกำลังพอ มันก็จะดับไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าแรงดึงดูดมันมีกำลัง มันจะคงอยู่
แต่ถ้ากำลังตรงนี้มันพอกัน เราก็ยังยั้งตัวอยู่ได้
แต่เมื่อใดที่กำลัง แรงดึงดูดของวัฏฏะมันมีกำลังมากกว่าสติสัมปชัญญะของเรา ปุ๊บ เราก็จะหลุดจากสภาวะ แล้วก็ไหลไปกับสิ่งนั้น มันจะดึงให้เราลงไปกับวัฏฏะ
เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับว่า กำลังสติสัมปชัญญะของเรากับแรงดึงดูดของวัฏฏะ อันไหนมันมีกำลังมากกว่ากันนั่นเอง
มันไม่ได้กริบแบบว่าไม่มีแรงดึงดูดเลย อันนั้นคือความเข้าใจในตำรา
แต่โดยของจริง ประสบการณ์จริง เราจะได้เรียนรู้กับสิ่งเหล่านี้เอง
กำลังสติสัมปชัญญะในการยั้งตัว กับ แรงดึงดูดของวัฏฏะผ่านอายตนะทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่สำคัญก็ความรู้สึกนึกคิดนั่นแหละ
ถ้ากำลังสติเราดี เราจะเห็นกระบวนการตรงนี้
มันแยกออกจากกัน แล้วมันก็เกิดดับ
แล้วเมื่อใดที่แรงดึงดูดมันมีกำลังมากกว่าใจของเรา การยั้งตัวของเรา ปุ๊บ มันดึงร่วงเลย ยิ่งเข้าถึงสภาวะเห็น 2 ฝั่ง มันชัดเลย
เมื่อใดเราสัมผัสโลก ปุ๊บ
แรงดึงดูดมีกำลังมากกว่า ปุ๊บ
มันดึงเราร่วงกลับวัฏฏะทันทีเลย
นั่นคือ … ถึงได้บอกว่า ผู้ที่ผ่องแผ้ว พ้นแล้ว จะไม่สัมผัสโลกอีกเลย เพราะว่าเมื่อสัมผัสปุ๊บ ก็จะเจอสิ่งที่เรียกว่า แรงดึงดูด
แล้วแรงดึงดูดวัฏฏะเนี่ย … อย่าได้ประมาทกับกำลังของวัฏฏะเชียวนะ สามารถยกระดับได้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ตามกำลังของสิ่งประเสริฐที่เกิดขึ้น
ถ้าระดับพระพุทธเจ้า ก็จะเจอแรงดึงดูดที่สูงขึ้นไปมาก
อย่าได้ประมาทกำลังของวัฏฏะเชียวนะ คิดว่าเราเจ๋งแล้ว เจริญกรรมฐานดีแล้ว ละกามราคะได้แล้ว ละโทสะได้แล้ว
อย่าได้ประมาทกำลังของวัฏฏะเชียวล่ะ
ตราบใดที่ยังมีธาตุขันธ์ แรงดึงดูดตรงนี้สามารถยกระดับขึ้นได้ แต่เขาก็มีกติกาของเขาอยู่ ก็คือ ยกตามกำลังของเรานั่นแหละ
ถ้าเราเจอระดับกำลังแรงดึงดูดระดับพระพุทธเจ้าเนี่ย เราจะรับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหวเลย มันจะพรึ่บ จมดินเลย
ถ้าคิดว่าเราสามารถรู้เท่าทัน ละสิ่งเหล่านี้ได้
นั่นน่ะเรากำลังประมาทอยู่ต่างหาก
ตราบใดที่ยังมีธาตุขันธ์อยู่ วัฏฏะเขาพร้อมที่จะดึงดูดเราเสมอ ผ่านแรงดึงดูด
เพราะฉะนั้นวิถีของสมณะ จึงเป็นวิถีที่สละโลก ไม่กลับมาสัมผัสโลกอีกเลยนั่นเอง
เพราะว่าเมื่อใดที่เรากลับมาสัมผัสนะ พระบางท่านก็คงมีประสบการณ์แล้ว
ไอ้ที่ว่าเราน่ะ กำลังดี ๆ สมาบัติ 8 เราทรงได้ดี ฌาน 4 เราทรงได้ดี แต่พอไปสัมผัสโลกปุ๊บนึง เจอแรงดึงดูดเป็นไงล่ะ ? … ร่วงเลยทีเดียว
นั่นแหละ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตายนั่นเอง ก็ให้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น
ให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า แรงดึงดูดของวัฏฏะ กำลังของวัฏสงสาร
สิ่งที่จะเหนือกว่ากำลังของวัฏฏะ มีอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ …”
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา