[Bnomics] BYD ผู้ขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า Tesla แต่บัฟเฟตดันขายหุ้นออก เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ชื่อที่ทุกคนนึกถึงคงจะเป็น Tesla..

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Bnomics

•

5 ก.ย. 2022 เวลา 12:19 • ธุรกิจ

BYD ผู้ขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า Tesla แต่บัฟเฟตดันขายหุ้นออก

เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ชื่อที่ทุกคนนึกถึงคงจะเป็น Tesla..

แต่แท้จริงแล้ว มีหนึ่งบริษัทสัญชาติจีนซึ่งล่าสุดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า Tesla เสียอีกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

บริษัทนั้นมีชื่อว่า “BYD” ย่อมาจาก “Build Your Dreams” หรือสรรค์สร้างความฝันของคุณ...

📌 BYD คือใคร มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

BYD ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1995 โดยคุณ Wang Chuanfu

ซึ่งตอนแรกนั้น บริษัทยังไม่ได้มุ่งที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในทันทีทันใด

แต่เริ่มจากผลิตแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือก่อน

ในเวลาเพียงสิบปี กิจการการผลิตแบตเตอรี่ของ BYD เติบโตขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่

จนครอบครองส่วนแบ่งเกินครึ่งของตลาดแบตเตอรี่มือถือโลก และกลายเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของจีนไปโดยปริยาย

และในช่วงนี้ บริษัทก็ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่จะขยายธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมอื่นเพิ่มขึ้น เมื่อในปี 2002 BYD ทำการควบรวม Tsinchuan Automobile Co.,Ltd ที่เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของจีน

ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางฝัน ในเส้นทางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขานั่นเอง

แต่แค่เริ่มต้นเข้าสู่วงการรถยนต์ไฟฟ้า หลายบริษัทก็ทำกัน แล้วอะไรทำให้ BYD กลายเป็นเบอร์หนึ่งในด้านจำนวนรถยนต์ที่ขายได้ แซงหน้า Tesla ไปในครึ่งปีแรกของปีนี้?

คำตอบมาจากหลายองค์ประกอบที่รวมกัน จนกลายเป็นความสำเร็จอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

ส่วนแรก พวกเขาเป็นบริษัทที่มีการผลิตแบบครบวงจรที่สุดเจ้าหนึ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า

ไล่มาตั้งแต่อุตสาหกรรมการขุดเจาะแร่ที่นำมาผลิตแบตเตอรี่ การทำวิจัย การผลิตแบตเตอรี่ด้วยตนเอง และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และการขายออกสู่ตลาด

ทั้งหมดนี้ BYD ล้วนอยู่ในฐานะที่ดี และมีคุณภาพทัดเทียมกับบริษัทอื่นได้อย่างสบาย

ยกตัวอย่าง การผลิตแบตเตอรี่สักเล็กน้อย ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์เบอร์ 3 ของโลก (14% ของตลาดโลก)

เป็นผู้ผลิตให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota และก็ยังมีข่าวว่า พวกเขาอาจจะผลิตให้กับ Tesla ด้วยในอนาคต

ส่วนที่สองที่ทำให้ BYD ประสบความสำเร็จ คือ การเจาะตลาดผู้บริโภคที่กว้างกว่า

หากจินตนาการถึงแบรนด์ Tesla เราคงนึกถึงรถเก๋งทรงหรูเป็นหลัก เพราะนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของพวกเขา

แต่ทาง BYD มีการขยายตลาดออกไปทั้ง รถกระบะ รถบัส รถยก หรือรถราง ทำให้พวกเขามีกลุ่มลูกค้าหลากหลายกว่า

นอกจากนี้ ราคาของรถยนต์ BYD ก็ยังมีราคาที่จับต้องได้มากกว่าด้วยสำหรับหลายคน

ส่วนสุดท้ายที่สำคัญ คือ การสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ที่มีความต้องการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจมาสู่อุตสาหกรรมสีเขียวมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทค่อยๆ เติบโตมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองปีหลังที่พุ่งขึ้นอย่างมาก

โดยในปี 2020 เติบโต 423%!!

ในปี 2021 เติบโต 31%

📌 แล้ว Warren Buffett ขายหุ้น BYD ทำไม?

อย่างไรก็ตาม ในช่วงประมาณหนึ่งเดือนให้หลังมานี้ ราคาหุ้น BYD ปรับลดลงมาอย่างมาก

ซึ่งมีเหตุผลสำคัญมาจากการที่ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งอย่างบริษัท Berkshire Hathaway ที่มีนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค Warren Buffett เป็นหัวเรือ ได้ทยอยขายหุ้น BYD ออกมา

ทำให้เกิดคำถามว่า มีอะไรผิดปกติกับบริษัทที่นักลงทุนทั่วไปมองไม่เห็นหรือไม่?

จนมีการทยอยขายกันออกมาตามคุณ Buffett จำนวนไม่น้อยทีเดียวทำให้ราคาปัจจุบันตกลงมา

จากจุดสูงสุดที่ 333 ดอลลาร์ฮ่องกง ในเดือนมิถุนายน

เหลือต่ำกว่า 220 ดอลลาร์ฮ่องกง (ข้อมูลวันที่ 5 กันยายน 2565 ตอนเที่ยง)

แต่นักวิเคราะห์ตอนนี้มองกันว่า การขาย BYD ออกมาช่วงนี้ของคุณ Buffett ไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานของ BYD อย่างมีนัยยะ แต่เป็นการขายเพื่อทำกำไรออกมาบ้างมากกว่า

ซึ่งวิธีการลงทุนแบบนี้เป็นแนวคิดการลงทุนของเขาอยู่แล้ว

ที่หากคิดว่า ราคาที่ถูกซื้อขายกันในปัจจุบัน เริ่มสูงกว่าราคาที่แท้จริงของบริษัทแล้ว ก็ทำการขายออกไปเพื่อไปซื้อหุ้นอื่นที่มีโอกาสทำกำไรมากกว่า เช่น หุ้นพลังงานที่ทางบริษัททยอยเก็บมาตั้งแต่ต้นปี

แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะขายหรือไม่ขายหุ้น BYD ออกไปเพิ่ม การลงทุนใน BYD ของ Buffett ก็ถือเป็นดีลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนถึงตอนนี้

เพราะจากที่ลงทุนไป 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2008

มูลค่าการลงทุนนั้นก็เพิ่มขึ้นกลายมาเป็น 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 7,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 277,200 ล้านบาททีเดียว (1 ดอลลาร์สหรัฐ = 36 บาท)