9 ก.ย. 2022 เวลา 02:00 • สุขภาพ
พ.ศ. นี้ เป็นโควิด-19 ต้องซื้อยาฟาวิพิราเวียร์กินหรือไม่
หลังจากที่รัฐบสลผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิด-19 ผู้คนออกมาใช้ชีวิตข้างนอกกันตามปกติตามวิถี new normal มากขึ้น มีกิจกรรมแบบรวมกลุ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้าน ดูคอนเสิร์ต ดูหนังในโรง ประชุมในห้องหลายร้อยคน เด็ก ๆ ไปโรงเรียน แม้ว่ามีการป้องกันในระดับหนึ่ง ก็ยังมีการติดต่อของเชื้อโควิด-19 เป็นระยะ ๆ แต่ในภาพรวมยังไม่รุนแรง เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวงกว้าง แถมมีการฉีดวัคซีนกระตุ้น เป็นระยะ ๆ
ดังนั้นจึงมีคำถามว่า พ.ศ. นี้ หรือ ปัจจุบันนี้ ถ้าติดเชื้อโควิด-19 อาการไม่รุนแรง เหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา ต้องหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) มากินหรือไม่
ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ของไวรัสที่แบ่งตัว พบว่ายานี้สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อโควิด-19 ได้ในหลอดทดลองได้
ยาตัวนี้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย และบางประเทศตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกของการรัะบาดของเชื้อโควิด -19 ยานี้อยู่ในแนวทางเวชปฏิบัติของประเทศไทยมายาวนาน แต่สำหรับต่างประเทศนั้น ไม่ได้บรรจุยาตัวนี้เข้าไปในเวชปฏิบัติ ส่วนหนึ่งยาตัวนี้เป็นยาของทางฝั่งเอเชีย ซึ่งมาจากญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด จึงมีข้อกังขาเป็นอย่างมากถึงประสิทธิภาพ แถมยังไม่มีการศึกษาทดลองขนาดใหญ่ที่จะตอบคำถามเรื่องประสิทธิภาพนี้
เมื่อวันก่อนมีงานวิจัยเชิงทดลองขนาดใหญ่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์โรคติดเชื้อชื่อดังระดับโลก Clinical Infectious Disease (CID)
งานวิจัยนี้ศึกษาประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์เทียบกับยาหลอกในผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการน้อยถึงปานกลาง ในประเทศเม็กซิโก บราซิล และสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้าร่วมราว 1200 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวฮิสปานิค 83% ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 70% และเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อโรคแบบรุนแรง 78%
(ไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในงานวิจัยนี้ เช่น มีอ็อกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% มีอาการเหนื่อยขณะพัก หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 125 ครั้งต่อนาที คนไข้ที่นอนโรงพยาบาลตั้งแต่ต้น ได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูง หรือมีภาวะติดเชื้อรุนแรง)
ผลงานวิจัยพบว่า ไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์หรือยาหลอก ในแง่ของระยะเวลาตั้งแต่มีอาการจนอาการดีขึ้น ความรุนแรงของการติดเชื้อโควิด-19 และระยะเวลาที่ผู้ป่วยไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น
ผู้วิจัยในงานวิจัยนี้ สรุปไว้ชัดเจนมากว่า “ยาฟาวิพิราเวียร์นั้นไร้ประสิทธิภาพในการรักษาโควิด-19 และไม่แนะนำให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด-19”
พอฟังงานวิจัยแล้ว จะเห็นว่ายาฟาวิพิราเวียร์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา แม้ผู้ป่วยกลุ่มงานวิจัยจะอาการไม่รุนแรง แถมยังไม่ฉีดวัคซีน
ดังนั้นแล้วถ้าเราป่วยเป็นโควิด-19 อาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่หอบเหนื่อย อาการเบา ๆ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรที่น่ากังวลและฉีดวัคซีนมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทานยาฟาวิพิราเวียร์เลย
เว้นเสียแต่ว่า ท่านมีโรคประจำตัวหลายอย่าง เสี่ยงที่จะอาการจะรุนแรง หรือเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบ หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งสงสัยว่าเชื้อโควิด-19 ลงปอดแล้ว เช่นนั้น ไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจรักษา จะดีกว่า อย่าไปซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพมากินเอง แล้วปล่อยให้ตัวเองแย่
(เพิ่ทเติม ปัจจุบัน มียาต้านไวรัส ที่มีหลักฐานทางการแพทย์ งานวิจัยว่า มีประสิทธิภาพ ในการรักษา โดยขึ้นกับบริบททางการแพทย์ เช่น อายุ ปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรค ยาเหล่านร้ได้แก่ Molnupiravir, Remdesivir, Paxlovid ซึ่งได้ผลดีในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง หรือมีภาวะปอดอักเสบ ส่วนผู้ป่วยอายุน้อย โดยเฉพาะน้อยกว่า 65 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ ท่านไม่มีความจำเป็นต้องกินยาต้านไวรัส เพียงแค่ติดตามอาการ รักษาตามอาการ สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องกินยา)
อ้างอิง
Yoav Golan, MD, MS, FIDSA, Jesus Abraham Simon Campos, MD, Rob Woolson, MS, Donald Cilla, Pharm.D., MBA, Rodolfo Hanabergh, MD, Yaneicy Gonzales-Rojas, MD, Reynaldo Lopez, MD, Robert Finberg, M.D. (deceased), Armand Balboni, MD, PhD, Favipiravir in patients with early mild-to-moderate COVID-19: a randomized controlled trial, Clinical Infectious Diseases, 2022;, ciac712, https://doi.org/10.1093/cid/ciac712

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา