9 ก.ย. 2022 เวลา 01:39 • ไลฟ์สไตล์
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามใจของเราหรอก
มันเป็นไปตามวาระของธรรมชาติ ตามเหตุตามปัจจัย
สิ่งสำคัญคือเราวางใจให้ถูก ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง”
3
คำถาม : ถ้าเรารู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมมันดี แล้วเราควรละโลกและปฏิบัติธรรมหรือไม่ครับ ? หรือว่าเราอยู่ทั้งทางโลกและทางธรรมได้ทั้งสองอย่าง เพราะรู้สึกว่าอยู่ทางโลกมันมีอะไรให้ทุกข์มาก เราควรเลือกทางไหนดีครับ
อีกอย่าง ก็มีความคิดที่ว่า ถ้าเราทำได้ทำสำเร็จ เราก็จะได้มีโอกาสมาบอกสอนให้ญาติผู้ใหญ่เรามาปฏิบัติธรรม เพื่อทางดีของเขาครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างมีวาระเสมอนะ ถ้าเรายังอยู่ในวาระที่ต้องใช้ชีวิตฆราวาส เราก็ยังต้องใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ ก็ยังสามารถศึกษาปฏิบัติธรรมได้
ถ้าเราอยู่ในเพศฆราวาส เราก็พยายามบาล๊านซ์ระหว่างทางโลกและทางธรรม การศึกษาปฏิบัติธรรม และก็กิจทางโลกก็ดำเนินไป เรียกว่าพยายามบาล๊านซ์ชีวิตระหว่างทางโลกและทางธรรมนั่นเอง
ความสมดุล ทางสายกลาง ที่เรารู้สึกว่ามันก็พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่สุดโต่ง ไม่หย่อนไป ไม่ตึงไป
แต่ถ้ามันถึงจุดหนึ่ง มันมีวาระสำหรับการที่จะออกบวช ใจเรานะมันจะเบื่อโลก มันจะอยากหลีกเร้น แล้วเราสามารถปลดภาระต่าง ๆ ได้ มันถึงวาระจะออกบวช เดี๋ยวมันก็จะมีวิถีที่จะนำเราไปสู่การออกบวชเอง โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปตามวาระของธรรมชาติอยู่แล้ว
ถ้ามันเป็นวาระที่ยังต้องอยู่ครองเรือนเป็นฆราวาส ก็อยู่เป็นฆราวาสไป เป็นฆราวาสก็สามารถศึกษาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมได้
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันมีวาระที่จะออกบวช ก็ออกบวชได้ สิ่งสำคัญก็คือ เราอยู่กับปัจจุบันธรรม เคารพต่อวาระของธรรมชาติ ด้วยความไม่กระวนกระวาย
บางคนไม่พึงพอใจในชีวิตปัจจุบัน แล้วมันพยายามดีดออก อยากจะหนีออก จิตใจมันก็จะกระวนกระวายนั่นเอง ให้ทำความเข้าใจในเรื่องของการเคารพวาระของธรรมชาติ แล้วก็อยู่กับปัจจุบันด้วยความไม่กระวนกระวาย
เรียนรู้ในบทเรียนชีวิตที่อยู่ต่อหน้าเรานั่นล่ะ
ฆราวาสถึงมันจะวุ่นวาย แต่ถ้าเราได้เรียนรู้นะ บางทีเราสามารถวางได้มากกว่าก็มี
ถ้ามันจะเป็นช่วงชีวิตที่ต้องเรียนรู้ในชีวิตฆราวาส มันก็เป็นฆราวาส ก็เรียนรู้ศึกษาธรรมได้
แต่ถ้ามันมีวาระที่จะออกบวช ที่จะหลีกเร้นจากโลก เดี๋ยวมันจะมีเหตุให้น้อมไปเอง ก็น้อมไป ถึงตอนนั้นก็น้อมไปในวิถีสมณะได้
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามใจของเราหรอก มันเป็นไปตามวาระของธรรมชาติ ตามเหตุตามปัจจัย สิ่งสำคัญคือเราวางใจให้ถูก ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ไม่ว่าเราจะอยู่เพศครองเรือนก็ตาม หรือเพศบรรพชิตก็ตาม ก็สามารถศึกษาปฏิบัติธรรมได้ อยู่กับปัจจุบันด้วยความไม่กระวนกระวาย เคารพวาระของธรรมชาตินั่นเองนะ
ไม่ต้องไปคิดว่า ถ้าเราออกบวชแล้วเราคงจะปฏิบัติได้ดี ถ้าเราคิดแบบนั้นปุ๊บ สังเกตจิตมันจะกระวนกระวายละ เพราะว่ามันอยากจะหลีกออกจากปัจจุบันที่มันมีความวุ่นวายทางโลก
แต่ถ้าเราวางใจถูก ใจเรามันจะไม่กระวนกระวาย มันจะดึงกลับสู่ทางสายกลาง แล้วเรียนรู้บทเรียนต่อหน้า ก็คือสิ่งที่ปรากฏในชีวิตขณะนั้นนั่นเอง
เหมือนผลไม้น่ะ มันต้องค่อย ๆ โตขึ้น แล้วสุก จนมันสุกได้ที่จริง ๆ นั่นล่ะมันถึงจะหลุดออกจากขั้วนั่นเอง
แต่ละคนมันมีการเพาะบ่มกระบวนการทางจิตวิญญาน จนกว่าญานมันจะแก่รอบ สุกงอมเต็มที่นั่นแหละ มันจะน้อมไปเพื่อการทิ้งโลก น้อมไปเพื่อการปล่อยวาง โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ถ้าชิงสุกก่อนห่าม ยังบ่มไม่ได้ที่ บางทีการบวชอาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอก ความพอดีต่างหาก การเดินอยู่ในทางสายกลางต่างหาก
เมื่อคนมีวาระจะบวช ถึงเวลาอะไรมาฉุด มันก็ไม่อยู่หรอก มันจะไปโดยธรรมชาติ หนทางมันจะบีบให้แคบลง ๆ แล้วก็ต้องทิ้งโลกไปโดยธรรมชาติ
1
แต่บางคนยังไม่ถึงวาระจะบวช ถึงไปบวชก็เหมือนได้เรียนรู้ แต่มันจะอยู่ไม่ได้นานหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องถอยออกมา เพราะว่ามันยังสุกไม่ได้ที่นั่นเอง
มันอาจจะต้องผ่านกระบวนการเพาะบ่มชีวิต เรียนรู้ปัญหาชีวิต เรียนรู้ต่าง ๆ จนใจมันบ่มได้ที่แล้ว มันจะพร้อมที่จะวางทุกอย่างลงนั่นเอง
เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันคือการเรียนรู้ จะอยู่ในชีวิตฆราวาสก็เรียนรู้ศึกษาธรรมได้ จะอยู่ในเพศสมณะก็เรียนรู้ศึกษาธรรมได้ สิ่งสำคัญก็คือเคารพวาระของธรรมชาติ
ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามวาระของธรรมชาติเสมอนั่นเอง …”
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา