15 ก.ย. 2022 เวลา 06:12 • หนังสือ
#123 CWG. 4️⃣ — บทที่ 2️⃣8️⃣ (ตอนที่ 4) : “ที่ว่าง และ เวลา” คือสิ่งเดียวกัน ที่เป็นสองด้านของความเป็นจริงหนึ่งเดียว
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : Then I could actually see myself taking off!
นีล : เอาจริงๆผมสามารถเห็นตัวเองกำลังขึ้นบินได้ด้วยซ้ำ ❗
A : That is correct. If you could travel far away fast enough, you could turn back and peer into your own past.
พระเจ้า : ถูกแล้ว หากเธอสามารถเดินทางไปได้ไกลพอและเร็วมากพอ เธอก็จะสามารถมองย้อนกลับไปและเหลือบเห็นอดีตของตัวเองได้
.
Q : That would mean I would exist in two places at once!
นีล : นั่นก็หมายความว่า ผมจะดำรงอยู่ทั้ง 2 ที่ได้พร้อมกันในขณะเดียวกัน❗
A : (Ahem—have you not ever talked to your “future self”?)
พระเจ้า : (อะแฮ่ม — ไม่ใช่ว่าเธอเองก็เคยพูดคุยกับ “ตัวตนในอนาคต” ของตัวเองไม่ใช่รึไง❓)
Similarly, if you began a journey from a position in deep, deep space when it was a certain “time” on Earth, and if you were able to take a snapshot of what was happening on Earth as you were racing there, what you would see at the same instant that your brother was experiencing his “now” on Earth would be your brother’s future.
ในทำนองเดียวกัน หากเธอเริ่มการเดินทางจากตำแหน่งที่อยู่ลึกเข้าไปมากๆในห้วงอวกาศ ที่ ณ ขณะที่เธอกำลังเดินทางอยู่นั้น จะเป็น “ช่วงเวลาสักเวลาหนึ่ง” บนโลก และหากเธอสามารถจับภาพของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกในขณะที่เธอกำลังเดินทางอยู่ในห้วงลึกของอวกาศนั้นได้ สิ่งที่เธอเห็นว่าพี่ชายของเธอกำลังประสบอยู่บนโลกในขณะนั้น ที่เป็นขณะเดียวกันกับเธอที่กำลังอยู่บนยานอวกาศ (เป็นปัจจุบันขณะของเธอ) ก็จะเป็น "อนาคต" ของเขาต่างหากที่เธอกำลังเห็นอยู่
.
Q : I don’t think I ever understood that. How can I know this is true?
นีล : ผมคิดว่าผมไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้เลย ว่าแต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่พระองค์พูดคือเรื่องจริงครับ❓
A : Study the work of Albert Einstein. Ask any physicist. They will tell you that there is a direct link between motion through space and passage of time.
พระเจ้า : จงไปศึกษางานของไอสไตน์★ หรือจะไปถามนักฟิสิกส์คนไหนก็ได้ ซึ่งพวกเขาจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการเคลื่อนที่ผ่านไปในอวกาศและเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่นั้นมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง
★ลองอ่านเรื่อง ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ได้แบบคร่าวๆตามลิงค์ครับ
—แอดมิน—
.
Q : Is this what the so-called Space/Time Continuum is all about?
นีล : ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ความเกี่ยวเนื่องโยงใยกันของพื้นที่ว่างและเวลา" ใช่รึเปล่าครับ❓
A : It is exactly that. Space and time are not two different things, but one unified element of the cosmos; two aspects of a Single Reality.
พระเจ้า : มันคือเรื่องนี้เลยล่ะ พื้นที่ว่างและเวลานั้นไม่ใช่ 2 สิ่งที่แตกต่างกัน แต่คือสิ่งเดียวกันที่เป็นธรรมชาติพื้นฐานของจักรวาล มันคือสองด้านของความเป็นจริงหนึ่งเดียว (โลกปรมัตถ์)
In that Single Reality there is no such thing as past, present, and future. There is only how you're looking at The All of It. There is only the single Golden Moment of Now, experienced from different “places” in the Space/Time Continuum.
ในความเป็นจริงหนึ่งเดียวนั้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต หรอก มันมีเพียงแค่เธอกำลังมองสิ่งรวมอันเป็นทั้งหมดนั้นด้วยมุมมองแบบใดเท่านั้นเอง★ มันมีเพียงแค่นิรันดร์ขณะแห่งปัจจุบัน ที่ถูกรับรู้หรือมีประสบการณ์จาก “สถานที่ที่แตกต่างกัน” ในความเกี่ยวเนื่องโยงใยกันของพื้นที่ว่างและเวลา
★เป็นการมองสิ่งเดียวกัน ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน ว่าจะมองด้วยมุมมองของมด ของมนุษย์ ของสวส. หรือของพระเจ้า —แอดมิน—
.
Q : You have told me before that everything that’s ever happened, is happening now, and ever will happen—is happening right now. So this is what you meant.
นีล : พระองค์เคยบอกผมไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ และที่จะเกิดขึ้นต่อไป—ทั้งหมดกำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ นี่คือสิ่งที่พระองค์หมายถึงใช่ไหมครับ❓
A : It is.
พระเจ้า : ใช่แล้ว
.
Q : Our experience of time is created by our place in space, is that what you're telling me?
นีล : ประสบการณ์เรื่องเวลาของเราถูกสร้างขึ้นโดยสถานที่ของเราในห้วงอวกาศ (เรากำลังอยู่ตรงจุดไหนในจักรวาล) นั่นคือสิ่งที่พระองค์กำลังบอกผมใช่ไหมครับ❓
A : Yes.
พระเจ้า : ถูกแล้ว
.
Q : Then how can we ever change things? If everything has already happened, we couldn’t change our future even if we wanted to!
นีล : งั้นก็แสดงว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เพราะทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นเรียบร้อยหมดแล้ว และเราก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของเราได้แม้ว่าเราจะต้องการเปลี่ยนมันมากแค่ไหนก็ตาม❗
A : You could change the future that you, and all those living now, experience. There is not just one “future” that exists, but every possible future that you could create.
พระเจ้า : เธอสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของสิ่งที่เธอและมนุษย์ทุกคนกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ได้ เพราะ “อนาคต” ไม่ได้มีอยู่เพียงแค่รูปแบบเดียว แต่ทุกอนาคตที่เป็นไปได้ (เท่าที่เธอสามารถจินตนาการได้) เธอสามารถสร้างมันขึ้นมาได้
Think of it as a game of computer chess. Every conceivable outcome of every conceivable move is already on the program disc.
ให้คิดว่าอนาคตก็เป็นเช่นเกมหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทุกอย่างของทุกการเคลื่อนไหวเท่าที่จะเป็นไปได้ของทุกตัวหมากล้วนถูกโปรแกรมเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้วในแผ่นดิสก์
You are determining how the game proceeds by the moves you make, but you could put the same disc into the computer tomorrow and play the game from scratch making different moves, and the program would respond in a totally different way—producing an entirely different “future” with an entirely different outcome.
ตัวเธอเองเป็นคนกำหนดวิธีที่เกมจะดำเนินไปด้วยการเดินในแต่ละตา และเธอยังสามารถใส่แผ่นดิสก์แผ่นเดียวกันนี้ลงในคอมพิวเตอร์ในวันถัดไปและเริ่มเล่นเกมใหม่ตั้งแต่ต้นโดยทำการเดินที่ต่างไปในแต่ละตา ซึ่งโปรแกรมก็จะตอบสนองในวิธีที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง —ทำให้เกิด “อนาคต” พร้อมด้วยผลลัพธ์แบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
In the computer chess game, all of the possible futures already exist, and you are deciding which of those outcomes you will experience, based on the moves that you make.
 
ในเกมหมากรุกคอมพิวเตอร์ อนาคตที่เป็นไปได้ทั้งหมดล้วนมีอยู่แล้ว และเธอก็กำลังตัดสินใจว่าผลลัพธ์แบบใดที่เธอจะได้รับจากการเลือกเดินของเธอเอง
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา