21 ก.ย. 2022 เวลา 04:47 • หนังสือ
#126 CWG. 4️⃣ — บทที่ 2️⃣9️⃣ (ตอนที่ 2) : เธอคือผู้เลือกทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ตราบชั่วนิจนิรันดร์
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : But I thought that God could not fail. I mean, at anything. The idea that failure exists is one of The Ten Illusions of Humans. So how is it that the attempt of HEBs from Another Dimension did not inspire advanced, but not fully evolved, beings living on other planets in the Realm of the Physical to awaken to their Divinity as a matter of their own free will?
นีล : แต่ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่พระเจ้าก็ไม่มีทางล้มเหลวได้นี่ครับ และความคิดที่ว่าความล้มเหลวมีอยู่จริงก็เป็นหนึ่งในมายาทั้ง 10 ประการของมนุษย์ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่ความพยายามของ สวส. จากอีกมิติหนึ่ง ไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นในมิติทางกายภาพให้ตื่นขึ้นมาตระหนักรู้ถึงความจริงที่ว่าพวกเขาก็คือพระเจ้าได้ด้วยเจตจำนงเสรีของพวกเขาเอง❓
A : None of their efforts were without benefit. They did inspire many individual entities. But the civilization as a whole continued to choose another path. Yet—to answer your question about God “failing”—know that all sentient beings in the universe ultimately freely choose to embrace their Divinity.
พระเจ้า : ไม่มีความพยายามใดๆของสวส.ที่เปล่าประโยชน์ พวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมาย แต่อารยธรรมโดยรวมของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวเหล่านั้นยังคงเลือกเส้นทางอื่น กระนั้น—เพื่อตอบคำถามของเธอเกี่ยวกับพระเจ้าที่ “ล้มเหลว”—จงรู้ไว้ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกทั้งมวลในจักรวาล มีอิสระในการเลือกที่จะโอบรับความจริงที่ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาก็คือพระเจ้าหรือไม่ก็ได้อย่างเต็มที่ (จะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็ได้)
.
Q : They do?
นีล : เลือกได้ด้วยหรือครับ จะเลือกยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ได้เนี่ยนะครับ❓
A : Yes. The question is not whether they will freely make this choice, but whether they will do so before or after—or because—they’ve caused so much damage to their civilization, and the planet on which they thrived, that life as they had known it was altered forever.
พระเจ้า : ถูกแล้ว คำถามจึงไม่ใช่ว่าพวกเขามีสิทธิเลือกได้อย่างอิสระในเรื่องนี้จริงหรือไม่ แต่เป็นว่า พวกเขาจะเลือกยอมรับว่าพวกเขาคือพระเจ้าก่อนหรือหลังจากที่ —หรือเพราะ— พวกเขาได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับอารยธรรมและโลกที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา มากเสียจนวิถีชีวิตที่พวกเขาคุ้นเคยหรือรู้จักนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วตลอดกาล เพราะมันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก★
★เช่น ถ้าป่าไม้ถูกทำลายจนน้อยลงไปเรื่อยๆ สิ่งแวดล้อมของโลกก็จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก ถ้าทุกอย่างไม่ล่มสลายและใช้เวลาฟื้นฟูสัก หลายพันหลายหมื่นปี อะไรแบบนั้นเป็นต้น —แอดมิน—
In many ways, the whole idea is to bring an end to “life as they have known it”—but exchanging it, of course, for a new and more joyous way of life, birthed by a new and transformed way of being.
 
ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่พ้นไปจากการมอบแนวคิดในการทำให้ “วิถีชีวิตแห่งการทำลายล้างที่พวกเขาคุ้นเคย” จบสิ้นลง และแทนที่วิถีชีวิตแบบเดิมด้วยวิถีชีวิตแบบใหม่ที่สุขยิ่งกว่า ที่เกิดจากการแปรเปลี่ยนวิถีแห่งความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
.
Q : So it’s not a question of whether Highly Evolved Beings existing in Another Dimension awaken those other physical species, but when.
นีล : งั้นคำถามจึงไม่ใช่ว่า สวส.จากอีกมิติหนึ่งจะสามารถปลุกสิ่งมีชีวิตกายภาพต่างๆเหล่านั้นให้ตื่นขึ้นได้หรือไม่ แต่เป็นพวกเขาจะตื่นขึ้นตอนไหนเท่านั้นเอง★
★เพราะยังไงก็ตื่นแน่ แต่ตื่นขึ้นตอนไหนเท่านั้นเอง —แอดมิน—
A : You could frame it that way, yes.
พระเจ้า : ถ้าเธอจะตีความแบบนั้น ก็ได้อยู่
.
Q : What does that mean?
นีล : หมายความว่ายังไงครับเนี่ย❓
A : That means within the framework of your present understanding of time, you could put it that way.
พระเจ้า : หมายความว่า ภายใต้กรอบความเข้าใจในปัจจุบันของเธอเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เธอสามารถพูดแบบนั้นได้
.
Q : Ah, yes, we just looked at this. So at some level it’s already happened!
นีล : อ๋า จะว่าไปแล้วก็ใช่ เพราะเราพึ่งคุยกันถึงเรื่องนี้ ในบางระดับ มันได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว❗★
★พวกเราตื่นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองตื่น ด้วยเหตุนั้น พวกเราก็เลยยังไม่ตื่น พระองค์พูดถึงเรื่องนี้ในบทที่ 2
—แอดมิน—
A : And as we’ve noted, nothing occurs in sequence. Everything is happening simultaneously. Your individual experience of this reality appears to you to be sequential, yet the reality exists in its totality simultaneously. Life is, therefore, what you might call “sequentaneous.”
พระเจ้า : และอย่างที่เรารู้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบเรียงลำดับ ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นพร้อมกันอยู่ในขณะเดียวกัน ความจริงที่พวกเธอแต่ละคนได้ประสบดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นกับพวกเธอไปทีละอย่างตามลำดับ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันเกิดขึ้นพร้อมกันในขณะเดียว ดังนั้นชีวิต ก็คือสิ่งที่เธออาจเรียกอีกอย่างได้ว่าเป็น “ความต่อเนื่องอันไม่หยุดนิ่ง”
.
Q : Well, if the “future” has already happened, then you, as God, must know already about everything that’s “happened.” So just tell us now what the outcome is, and we can be done with all our worrying and wondering and fretting and trying . . .
นีล : แล้วถ้าหาก “อนาคต” ได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพระองค์ในฐานะพระเจ้า ก็ต้องรู้ทุกอย่างที่ “เกิดขึ้น” แล้ว ดังนั้น พระองค์บอกพวกเรามาเลยได้ไหมครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความกังวล ความสับสน ความไม่สบายใจ ที่รบกวนจิตใจของพวกเราอยู่จะได้จบๆไปเสียที . . .
A : I won’t be doing that.
พระเจ้า : ฉันจะไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ
.
Q : Why, because it’s all a big secret and you’re not supposed to let the cat out of the bag?
นีล : ทำไมล่ะครับ เพราะมันเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์คิดว่ามันไม่ควรถูกเปิดเผยงั้นหรือครับ❓
A : No, because every conceivable outcome has already occurred, and the one that you, and those of you in this life, will experience is the one that you will choose—and I will not do anything to preempt that choice, or the making of it by you. I will always leave you at choice in the matter.
พระเจ้า : ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทุกอย่างนั้นมีอยู่แล้ว และผลลัพธ์ที่เธอและทุกตัวตนของเธอในชาติภพนี้จะได้ประสบก็คือสิ่งที่เธอจะเลือก —และฉันจะไม่ทำอะไรก็ตามเพื่อยึดสิทธิในการเลือกของเธอหรือตัดสินใจเลือกแทนเธอ ฉันจะปล่อยให้เธอเป็นผู้เลือกทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ตราบชั่วนิจนิรันดร์
This is true Godliness. This is the truest experience of Divinity. And this is the experience I desire for you.
นี่คือคุณลักษณะที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า คือความเป็นพระเจ้าที่แท้จริง คือประสบการณ์ของการเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง และนี่คือประสบการณ์ที่ฉันปรารถนาให้เธอได้รับ
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา