28 ก.ย. 2022 เวลา 03:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
💟 จะให้ไปทำอะไรตามใจตัวเองหรอ … จะไปได้ยังไงล่ะ มีงานต้องทำนี่น่า 💟
พอให้คิดถึงหนังที่เกี่ยวกับ Work life balance .. เราคิดถึงเรื่อง The secret life of Walter Mitty ขึ้นมาเรื่องแรกเลย
💻 ชายหนุ่มที่วัน ๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน .. อยากจีบสาวแต่ก็วืดตลอด ชีวิตขาดสีสัน ไม่มีอะไรน่าดึงดูด แต่พอได้ออกไปผจญโลกกว้างเท่านั้นแหละ จากหนุ่มธรรมดา ๆ กลับกลายเป็นมีเสน่ห์ดึงดูดสาว ๆ แบบไม่ได้ตั้งใจซะงั้น (แต่นั่นเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น ... สิ่งที่เค้าได้จากการผจญโลกกว้าง มันมีความหมายมากกว่านั้นเยอะ)
สปอยล์
.
.
.
.
🎬 Walter Mitty เป็นพนักงานบริษัทคนนึงที่ทำงานนั่งโต๊ะเงียบๆอยู่ในออฟฟิศ รับผิดชอบต่อหน้าที่สูง และจริงจังกับชีวิตมาก ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ ทำแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้า ๆ เวลาว่าง ๆ หรือ เหม่อ ๆ ชอบจินตนาการถึงการผจญภัยต่างๆ อยู่เสมอ แต่ในชีวิตจริงกลับไม่ยอมทำอะไรใหม่ๆ ไม่ค่อยกล้าออกจาก comfort zone เลย ...
😱 แต่แล้ววันนึง ก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องให้ตื่นเต้น (จนได้)!
บริษัทที่เค้าทำงานอยู่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และจำเป็นต้องใช้รูปภาพรูปหนึ่งสำหรับงานชิ้นสุดท้าย แต่ Mitty ดันหามันไม่เจอ ...ทางเดียวที่จะเจอได้ก็คือต้องไปเอาฟิล์มจากตากล้องชื่อดังที่กำลังเดินทางถ่ายรูปไปทั่วโลก ติดต่อทางอุปกรณ์สื่อสารใดๆไม่ได้ และตอนนี้ก็อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
🎯 ถ้าไม่มีรูปนั้น งานชิ้นสุดท้ายก็ไม่สมบูรณ์ เค้าจึงต้อง (ยอม) ออกจาก comfort zone ของตัวเอง และเดินทางตามหาช่างภาพคนนั้นเพื่อเอาฟิล์มกลับมาทำงานให้ได้!
💚 Mitty ต้องเจอกับการผจญภัยต่าง ๆ มากมายแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ใช่แค่สถานที่ หรือผู้คนใหม่ๆ แต่ Mitty ยังสัมผัสความรู้สึกแบบที่ตัวเองไม่เคยรู้สึกอีกด้วย ... จนสุดท้าย เมื่อได้ไปเจอตากล้อง Mitty กลับพบว่าสิ่งที่เค้าตามหานั้นกลับอยู่ในที่ที่เค้าคาดไม่ถึง (ตรงนี้ขอไม่สปอยล์นะ ส่วนตัวเราชอบตอนนี้มาก อยากให้ไปดูแล้วตีความหมายกันเอง)
.
.
.
สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้มีอยู่ 2 มุม
💙 เรื่องแรกเลย คือ คนที่มีอะไรมิติเดียวมักไม่ค่อยมีเสน่ห์ เช่น คนที่ชีวิตมีแต่งานอย่างเดียว จริงจังกับชีวิต มันจะดูขาดสีสันไปหน่อย แต่ถ้าคนเดียวกันนี้ เค้ามีมุมโลดโผน ผจญภัยแบบที่ขัดกับบุคลิกตอนทำงานของเค้าได้นี่จะมีออร่าของความน่าสนใจกระจายออกมาอย่างไม่รู้ตัว
💙 เรื่องที่สอง คือ เวลาเราโฟกัสเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จริงจังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือให้ความสำคัญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป (ย้ำกว่าเกินไป) เราจะเสียโอกาสในการเห็นทางเลือกอื่นๆ ได้เสมอ ... "เวลา" ของคนเรามีเท่ากัน เมื่อเราเลือกที่จะใช้เวลาลงมือทำกับอะไรอย่างหนึ่งแล้ว แปลว่าเรากำลังทิ้งโอกาสในการทำอย่างอื่นไปโดยปริยาย
.
.
ส่วนตัวเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยิ่งดู ยิ่งตีความหมายได้ลึกซึ้ง
ดูรอบแรกก็เป็นหนัง feel good แล้วนะ แต่พอมานั่งคิดตาม ดูรอบ 2 ให้ละเอียดขึ้น ดูความรู้สึกของตัวละคร ลองคิดตามการกระทำ คำพูด หรือกระทั่งภาพบางภาพในหนัง มันตีความไปได้อีกเยอะเลย
💭 เรื่องนี้สื่อสารประโยคที่ว่า Stop dreaming, start living ได้ดีมากจริง ๆ 🙋
ทำให้ได้กลับมาลองถามตัวเองว่า ตอนนี้เรายังอยู่กับความฝัน (ที่ไม่ยอมทำให้เป็นจริง) แล้วลืมใช้ชีวิต (ที่เราทำให้เป็นจริงได้) อยู่รึเปล่า ?? 💙 💙 💙

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา