8 ต.ค. 2022 เวลา 09:22 • ประวัติศาสตร์
[Russian Folklores] EP.3 เจ้าหญิงผู้ไม่เคยยิ้ม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรอันไกลโพ้นมีเจ้าหญิงองค์หนึ่งผู้ไม่เคยยิ้มเลยตั้งแต่เกิดมา ทำให้อาณาจักรมีเมฆครึ้มปกคลุม บรรยากาศภายในเมืองอึมครึม ผู้คนต่างเคร่งเครียด
1
พระราชาไม่สามารถทนเห็นเหตุการณ์ต่อไปได้จึงไปหาแม่มดในกระท่อมกลางป่า และไถ่ถามว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เจ้าหญิงยิ้มได้ แค่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
แม่มดจ้องไปในลูกแก้ววิเศษ และบอกพระราชาว่าต้องรับชายใดก็ตามที่ทำให้เจ้าหญิงยิ้มได้เข้าฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าชาย และจัดงานแต่งให้กับเจ้าหญิงและชายคนนั้น
เมื่อพระราชาได้ยินก็ดังนั้นก็ได้ป่าวประกาศไปทั่วราชอาณาจักรว่า ชายใดก็ตามที่สามารถทำให้เจ้าหญิงยิ้มได้จะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและได้เป็นเจ้าชาย
มีชายมากหน้าหลายตาพากันมายังปราสาทเพื่อทำให้เจ้าหญิงยิ้ม บางคนนำ ทองคำ เพชรนิลจินดา มามอบให้เจ้าหญิง บางคนเล่าเรื่องตลก บางคนชื่นชมในความงามของเจ้าหญิง แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถทำให้เจ้าหญิงยิ้มได้
เมื่อเป็นเช่นนี้มาเรื่อยๆ เจ้าหญิงเริ่มเบื่อหน่าย และหนีออกจากปราสาทเพื่อไปเดินเล่นเช่นสามัญชน พระราชาเองก็กลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
อยู่มาวันหนึ่ง องครักษ์ได้มารายงานกับพระราชาว่าเจ้าหญิงได้ขโมยรองเท้าจากวิหารและปลอมตัวเป็นชาวนาแต่งตัวมอมแมม พระราชาได้ยินเข้าก็ตกใจและโกรธ
พระองค์ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้เพราะจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน พระองค์สั่งให้จับเจ้าหญิงใส่เครื่องพันธนาการแล้วนำตัวไปทิ้งไว้ที่จัตุรัสกลางเมือง
พระราชากลับไปหาแม่มดอย่างสิ้นหวังและถามถึงความเป็นได้ว่าจะมีผู้ใดสามารถทำให้เจ้าหญิงยิ้มได้หรือไม่ แม่มดหัวเราะและบอกว่าวันนี้จะเป็นวันที่เจ้าหญิงได้เจอกับคนที่ใช่ พระราชาจึงควบม้ากับไปจัตุรัสกลางเมือง
ชาวนาหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินทางไปยังตลาด ระหว่างทางเขาได้เห็นเจ้าหญิงถูกพันธนาการไว้ มือทั้งสองข้างถูกล๊อกเหนือหัว เท้าทั้งสองข้างถูกล๊อก เจ้าหญิงดูเศร้าหมองและอายเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหัวเราะเยาะเจ้าหญิง
ชาวนาหนุ่มคนนี้รู้สึกสงสารเจ้าหญิง เขาจึงเดินเข้าไปหาเจ้าหญิง เมื่อเจ้าหญิงเห็นเข้าจึงถามเขาว่าเขาต้องการเยาะเย้ยนางเหมือนกับคนอื่นๆหรือไม่ ชาวนาหนุ่มปฏิเสธ และบอกว่าเขาจะทำให้เธอยิ้ม
เจ้าหญิงจึงบอกไปว่าอย่าเสียเวลาเลย มีคนทำทุกอย่างเพื่อให้นางยิ้ม แต่ไม่มีใครทำให้นางยิ้มได้ เมื่อชาวนาหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกริ่มอย่างมีเล่ห์สนัย เขาถอดรองเท้าของเจ้าหญิงออกและเริ่มจี้เท้าของนาง
เจ้าหญิงที่ไม่เคยถูกจี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าความรู้เป็นอย่างไร เธอจึงบ้าจี้เป็นอย่างยิ่งพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเจ้าหญิงเพราะพริ้ง และสดใสเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างหยุดดูและหัวเราะตาม
ชาวนาหนุ่มเลือดเย็นเป็นอย่างยิ่ง เขาจี้เจ้าหญิงจนหอบและให้เธอพักหายใจ จากนั้นเขาจี้เธอต่อ เจ้าหญิงจึงหัวเราะไม่หยุด
พระราชาที่ขี่ม้ามาเห็นก็ยิ้มแป้นที่เจ้าหญิงยิ้มได้ในที่สุด พร้อมประกาศว่าการลงโทษได้จบลงแล้ว
พระราชาประกาศจัดงานแต่งให้กับเจ้าหญิงและชาวนาหนุ่ม และอาณาจักรก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข เมฆดำที่ปกคลุมอาณาจักรก็หายไป
โฆษณา