2 พ.ย. 2022 เวลา 00:54 • ปรัชญา
“แทนที่เราจะไปหลงกับของซึ่งไม่ยั่งยืน
เรามาเรียนรู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ยั่งยืน”
“ … ทุกอย่างในชีวิตเราเป็นของที่ไม่แน่นอน เป็นของที่ไม่ยั่งยืน อย่าไปหลงกับมันมาก ถ้าเราหลงกับมันมาก เราก็เหนื่อยมาก
อย่างเราหลง อยากได้ผลประโยชน์ใช่ไหม อยากมีเงินล้านหนึ่ง พอมันได้ล้านหนึ่ง มันไม่พอ ก็อยากได้อีก ทั้งปีทั้งชาติมีแต่ความเหน็ดเหนื่อย ทำมาหากิน หาเงินไปเรื่อยๆ ลำบาก
บางคนคอร์รัปชัน พอหมดอำนาจไปโดนตามเช็คบิล ติดคุก ที่หลวงพ่อรู้จักก็มี ผู้หลักผู้ใหญ่มีอำนาจ ถึงวันหนึ่งติดคุกไม่มีคนไปเยี่ยม
ในชีวิตมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปหลงในผลประโยชน์ว่ามันจะต้องแน่นอนเสมอไป อย่าไปหลงตำแหน่งหน้าที่ ชื่อเสียง เกียรติยศ มันของสมมติ วันหนึ่งก็กลายเป็นของคนอื่นไป
ความสุขในชีวิตใช่ไหม มีขึ้นมาได้ก็หมดได้ ในโลกมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเข้าใจมันเราก็จะรู้ว่าที่เราเหน็ดเหนื่อยมากมายเพื่อจะแย่งของซึ่งไม่ยั่งยืน มันฉลาดหรือมันโง่ ทำไมไม่หาสิ่งซึ่งมันยั่งยืน
ถ้าเราภาวนา เราจะค้นพบความสุขที่ยั่งยืนในตัวเอง
ธรรมะตอบโจทย์เราได้ คือถ้าเราภาวนาเราจะค้นพบความสุขที่ยั่งยืนในตัวเอง ความสุขที่ไม่ต้องอิงอาศัยคนอื่น ไม่ต้องอิงอาศัยสิ่งอื่น ไม่ต้องอาศัยความเชื่อใดๆ ทั้งสิ้นเลย
ฉะนั้นศาสนาพุทธบางคนก็บอกไม่ใช่ศาสนาหรอก ไม่มีองค์ประกอบความเป็นศาสนาเลย ไม่มีพระเจ้า ไม่มีอะไรทั้งสิ้นเลย มีแต่คำว่าเหตุกับผล
ทำเหตุอย่างนี้ มีผลอย่างนี้
ไม่ทำเหตุอย่างนี้ก็จะไม่มีผลอย่างนี้ ก็เป็นอย่างนั้น
ฉะนั้นแทนที่เราจะไปหลงกับของซึ่งไม่ยั่งยืน
เรามาเรียนรู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ยั่งยืน
พวกเราอาจจะไม่รู้สึก แต่หลวงพ่อรู้สึกมาตั้งนานแล้ว สมัยยังหนุ่มๆ อยู่ ตระเวนไปกราบครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ ก็เข้าไปกราบ
บางองค์ท่านแก่มาก ชรามาก ไม่สบาย ป่วยมากเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นก็คือท่านมีความสงบสุข ในขณะที่เรายังหนุ่มยังแข็งแรง แต่ทำไมเราไม่มีความสงบสุขอย่างท่าน
ยังนึกถ้าเรามีความสงบสุขอย่างท่าน เราคงมีความสุขเยอะจริงๆ หลายองค์ที่เข้าไปกราบแล้ว ดูท่านมีความสงบสุขทั้งๆ ที่ท่านแก่ ท่านเจ็บ
อย่างองค์หนึ่ง หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ หลวงพ่อเจอท่านตั้งแต่ท่านยังแข็งแรงแล้วต่อมาท่านรถคว่ำเป็นอัมพาต มาเจออีกทีหนึ่งท่านชราแล้ว อยู่บนรถเข็น
เป็นมากถึงขนาดกลืนน้ำลายไม่ได้ พระลูกศิษย์ต้องคอยดูดน้ำลายให้ท่านเรื่อยๆ มีเครื่องดูดดูดเป็นระยะๆ เพราะท่านกลืนน้ำลายไม่ได้ เดินก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ต้องมีคนอุ้มลุกอุ้มนั่งอะไรอย่างนี้ เราดู หูย ถ้าเราเป็นอย่างท่าน เราทุกข์มาก
ตอนนั้นพรรษาแรก หลวงพ่อบวชพรรษาแรก ก็นึกถึงท่านๆ แล้วก็ท่านใกล้จะสิ้นแล้ว ก็เลยขึ้นไปกราบท่านๆ พระก็เข็นท่านออกมา เข้าไปกราบ ท่านก็ฉันยาอะไรต่ออะไรเข้าไปเยอะแยะ ท่านเบลอ ท่านอย่างนี้ (หลับตา) ออกมา ครึ่งหลับครึ่งตื่นออกมา
เข้าไปกราบท่านแล้วบอก หลวงปู่ครับ พ่อแม่ครูอาจารย์ให้ผมดูจิต
ท่านก็ หือ (ลืมตา)
บอกผมก็ดูแล้วผมก็วางลงไป
ท่าน หือ (เอนตัวมาข้างหน้า) ขยับได้เลย ตาโตเลย
แล้วผมก็หยิบมันขึ้นมาอีก วางแล้วกลับไปหยิบอีก
ท่านพิงเก้าอี้เลย เก้าอี้ท่าน เฮ้อๆ ก็คุยธรรมะกัน เสร็จแล้วคนอื่นก็ไป
หลวงพ่อก็นั่งอยู่กับท่าน ท่านก็ยิ้มๆๆ ท่านบอก “สุขแท้หนอๆ”
เราก็มอง ถ้าเป็นเรา เราก็ทุกข์แท้หนอ ไม่ใช่สุขแท้หนอ ทำไมท่านสุข
เราเห็นเลยครูบาอาจารย์จะแก่จะเฒ่าจะเจ็บจะป่วย ก็มีความสุข
หลวงปู่ดูลย์ไม่สบาย ไปเยี่ยมท่านอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ อะไรอย่างนี้ เข้าไปกราบ นอน ก็ดูมีความสุข
หลวงพ่อกิมไปผ่าลำไส้ ลำไส้อุดตันไปผ่าที่บุรีรัมย์ แล้วก็ลำไส้มันไม่ติด ต้องส่งมาที่ศิริราช ไปเยี่ยมท่าน ก็ดูท่านมีความสุข ใส่ท่ออะไรต่ออะไรเยอะแยะ แล้วก็มรณภาพ
ตอนจะมรณภาพท่านให้พาท่านกลับสุรินทร์ พอไปถึงกุฏิท่าน ทีแรกหมอบอกว่าไม่รอดหรอก ให้เดินทางท่านต้องมรณภาพกลางทาง จากศิริราชไปสุรินทร์ ท่านให้พาไป จนกระทั่งไปถึงกุฏิท่านพระอุปัฏฐากก็บอกตอนนี้มาถึงกุฏิท่านแล้ว แล้วท่านก็มรณภาพไป
เห็นหลายองค์ เยอะเลย ทางระยองก็มีเคยเข้าไปกราบ หลวงปู่คร่ำๆ วัดวังหว้า คนนึกว่าเป็นแค่พระเกจิเสกของเก่งอะไรอย่างนี้ ที่จริงภาวนาเก่ง จิตใจร่มเย็นมีความสุข มีความสงบ ท่านไม่สบาย อายุตั้งร้อยกว่าปี แต่ท่านก็มีความสุข
เราดูตัวเอง ทำไมเราไม่มีความสุขอย่างท่าน เราแข็งแรงกว่า เรามีเงิน เราอยากได้อะไร เราก็ซื้อได้ เรามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวโลกเขามีกัน แต่ทำไมเราไม่มีความสุข
ใจมันเห็นอย่างนี้ ใจมันก็เด็ดเดี่ยว
วันหนึ่งเราก็ต้องทำอย่างท่านให้ได้
จะต้องพัฒนาจิตใจของตัวเองตามอย่างครูบาอาจารย์ไปให้ได้
เพราะฉะนั้นจะไม่มีคำว่าขี้เกียจปฏิบัติ บางครั้งท้อใจ ภาวนาแทบเป็นแทบตายทำไมช่วงนี้ไม่พัฒนาเลย ท้อใจ ท้อก็รู้ว่าท้อ แต่ไม่เลิก ภาวนาของเราต่อไปนี้ล่ะ
ภาวนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งให้มันสิ้นสงสัยๆ ในพระพุทธศาสนา ค่อยภาวนาไป
ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าสิ้นสงสัยมันเป็นอย่างไร
มันสิ้นสงสัยอะไร
สิ้นสงสัยในอริยสัจ สิ้นสงสัยในจิต
อดทนๆ บางครั้งความรู้สึกขี้เกียจก็เกิด ขี้เกียจก็ปฏิบัติ บางครั้งก็ท้อแท้ ท้อแท้ก็ปฏิบัติ หลวงพ่อใช้หลักอย่างนี้ โง่ๆ ของหลวงพ่อมาอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นอัจฉริยะที่ฟ้าประทานในรอบพันปีอะไรแบบหนังจีน แต่อดทนเอา สู้ไม่เลิก
ครูบาอาจารย์ท่านก็เคยบอกว่า
กิเลสมันทนสติปัญญาไม่ได้หรอก
กิเลสมันอยู่ที่จิตเรานี้
มีสติมีปัญญาซักฟอกลงไปที่จิต
วันหนึ่งมันก็เข้าไปสู่ความสะอาดหมดจดจนได้ล่ะ
มันคงไม่โง่ถึงขนาดแพ้ตลอดกาล ทำสงครามบางทีก็แพ้ บางทีก็ชนะ แพ้มันก็ไม่ได้แพ้ตลอดไปหรอก ถ้าไม่ยอมเลิก ไม่ยอมแพ้ คราวนี้แพ้ก็รวบรวมกำลังขึ้นมาสู้ใหม่
ชนะ ถ้าเป็นการชนะคนอื่น ชนะในสงครามอย่างนี้
ชัยชนะนั้นก็ไม่ได้ยั่งยืนเท่าไร …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
23 ตุลาคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา