11 พ.ย. 2022 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
กุชชี (Gucci) ค.ศ.1921
แบรนด์ที่เริ่มจากการทำเครื่องหนัง
ในปัจจุบันนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์เนมชื่อดังอย่าง “Gucci” ที่มีสินค้ามากกมาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ากว่าจะมาเป็น Gucci ที่ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นอย่างทุกวันนี้
กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci)
กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี ค.ศ. 1881 ณ เมือง Florence (ฟลอเรนซ์) ประเทศอิตาลี เขาเกิดในครอบครัวของช่างทำเครื่องหนัง แต่เหมือนว่าสิ่งที่ครอบครัวทำจะไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบมากนัก
กุชชีจริงเริ่มออกเดินทางเพื่อตามหาสิ่งที่ตัวเองต้องการที่เมืองลอนดอนประเทศอังกฤษ โดยได้ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ตั้งแต่พนักงานล้างจาน เด็กเสิร์ฟ พนักงานบริการในลิฟท์ จนกระทั่งมาลงเอยทำงานที่โรงแรมซา-วอย (Savoy) ในตำแหน่งพนักงานยกกระเป๋า
ที่นั้นเองเขาก็ได้พบตัวตนของเขา เมื่อเห็นกระเป๋าหลากหลายแบบของแขกที่มาพักที่โรงแรม ใบแล้วใบเล่า นั่นทำให้เขาหลงสเน่ห์ความงามของกระเป๋าและเครื่องหนังโดยไม่รู้ตัว
แถบผ้าทอสีแดงและสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์
กุชชีจึงตัดสินใจลาออกจากที่ทำงาน กลับไปยังบ้านเกิดที่ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และได้เปิดร้านผลิตเครื่องหนังเป็นของตนเอง กุชชี่ จึงตัดสินใจที่จะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ใน ปี ค.ศ. 1921 ณ เมืองฟลอเรนซ์ บ้านเกิดของเขานั่นเอง เพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องหนัง
ในแรกเริ่ม ธุรกิจหลักของ กุชชี คือการผลิตอานม้า และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับนักขี่ม้า ซึ่งทุกชิ้นผลิตจากวัสดุหนังอิตาลีที่มีคุณภาพสูงสุด
ด้วยสิ่งที่มีติดตัวตั้งแต่กำเนิดในเรื่องของเครื่องหนัง การออกแบบของเขาได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไปสู่ระดับโลก โดยชนชั้นสูงของอังกฤษหลายๆ คน สังเกตได้จากการสร้างสรรค์ที่ทันสมัยของแบรนด์ รวมถึงรายละเอียดของแถบผ้าทอสีแดงและสีเขียว ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ได้แรงบันดาลใจจากรายละเอียดของอานม้า
ร่างแบบกระเป๋า Bamboo Bag
ใน ปี ค.ศ. 1947 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจของกุชชี่ เมื่อวัสดุสำหรับนำมาผลิตกระเป๋าขาดแคลน เนื่องมาจากไฟส่งครามโลกครั้งที่ 2 ช่างฝีมือของ กุชชี่ จึงต้องดิ้นรนค้นหาวัสดุอื่นๆ เพื่อนำมาผลิตกระเป๋า และเป็นจุดเริ่มต้นการถือกำเนิดกระเป๋า Iconic Bamboo Bag
เมื่อพวกเขาสามารถใช้ไม้ไผ่ญี่ปุ่นเพื่อสร้างสรรค์กระเป๋าที่ไม่เหมือนใครได้ โดยมีกรรมวิธีการผลิตและเก็บรักษาแบบพิถีพิถัน รวมถึงได้รับการจดสิทธิบัตร จนมาเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกระเป๋า Gucci ในเวลาต่อมา
เมื่อกิจการตกทอดสู่รุ่นลูก “อัลโด กุชชี” (Aldo Gucci) สินค้าภายใต้ชื่อ Gucci ก็ได้จำหน่ายไปทั่วโลก อัลโดเป็นผู้ตัดสินใจเปิดร้านกุชชีแห่งที่สองในกรุงโรมในช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1950 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในโรมแล้วอัลโดก็ตัดสินใจเปิดร้านสาขาแห่งใหม่ในนิวยอร์ก
ฉากในหนัง Viaggio in Italia
แบรนด์ Gucci กลายเป็นผู้นำกระแสยิ่งใหญ่ เมื่อกระเป๋าไม้ไผ่ปรากฏในภาพยนตร์ของ โรแบทโต้ โรเซลลินิ (Roberto Rossellini ) ในปี ค.ศ. 1954 เรื่อง “Viaggio in Italia” สัญลักษณ์ GG ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น กลายมาเป็นที่โปรดปรานของดาราฮอลลีวู้ดรวมถึงราชวงศ์ยุโรปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกิจการตกทอดถึงรุ่นที่สาม เปาโล กุชชี ซึ่งเป็นบุตรชายของอัลโด ซึ่งมีแนวทางธุรกิจและความต่างด้านความคิดของตัวเอง เขาต้องการขยายไลน์สินค้าราคาไม่แพงเพื่อจับฐานตลาดลูกค้าวัยรุ่น โดยความคิดนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อของตัวเองและครอบครัวจนนำไปสู่ความขัดแย้งและแยกตัวจากครอบครับ
ในปี ค.ศ. 1986 ลูกพี่ลูกน้องของเปาโล นามว่า มาอุริซิโอ (Maurizio) ได้เข้ามารับช่วงต่อกิจการครึ่งหนึ่ง และสุดท้ายได้ตัดสินใจยึดกิจการไว้เองเนื่องจากเขารู้สึกอึดอัดใจกับครอบครัวเรื่องความคิด
มาอุริซิโอ (Maurizio)
มาอุริซิโอ ได้ร่วมมือกับบริษัท อินเวสต์คอร์ป (Investcorp)ดำเนินการซื้อหุ้นกิจการที่เหลือจากญาติพี่น้องของเขา ในปี ค.ศ. 1987 โดยเปาโล เป็นบุคคลแรกในครอบครัวที่ยอมขายหุ้นในมือ เป็นมูลค่ากว่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมเวลา 66 ปี
กุชชี่ดำเนินกิจการภายในครอบครัว ก่อนถูกขายให้อินเวสต์คอร์ป อัลโด กุชชี่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 มกราคม ปี ค.ศ. 1990 ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก สิริรวมอายุได้ 84 ปี อีก 5 ปีต่อมา Paolo ลูกชาย ก็ล้มละลาย และเสียชีวิตตามไป
ในปี ค.ศ. 1999 เป็นปีที่ Gucci กลับมาอีกครั้งจากการที่บริษัท Pinault-Printemps-Redoute ได้เข้ามาซื้อหุ้นของ Gucci จำนวน 42% คิดเป็นมูลค่ามากถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐและที่สำคัญ Gucci ได้ทำการซื้อหุ้นหรือไม่ก็ซื้อบริษัทอื่น ทำให้ Gucci มีแบรนด์สินค้าอื่นอยู่ในเครือมากมายอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference :
กุชชี (Gucci) : https://cutt.ly/dMajToJ
โฆษณา