15 พ.ย. 2022 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
หลุยส์ วิตตอง(LOUIS VUITTON) ค.ศ.1854
แบรนด์ที่เริ่มจากหีบเดินทาง
ประวัติแบรนด์ Louis Vuitton (หลุยส์ วิตตอง) เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง Luxury Brand เครื่องหนัง กระเป๋าอันหรูหรา วันนี้จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปอดีตเมื่อ 168 ปีก่อน เมื่อจุดเริ่มต้นมาจากคนธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวของชนชั้นแรงงาน แต่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว มีความเป็นมาอย่างไร
มองซิเออร์ หลุยส์ วิตตอง
Louis Vuitton เริ่มต้นจาก มองซิเออร์ หลุยส์ วิตตอง (Monsieur Louis Vuitton) เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ในปี ค.ศ.1821 ที่เมือง Anchay (อังเชย์) เมืองชนบท จากเขต Jura ในหุบเขาทางด้านตะวันออกของฝรั่งเศส
มีบิดาชื่อ ฟรานเซียส ซินเวียร์ วิตตอง (François Xavier Vuitton) มีอาชีพเป็นชาวไร่ ส่วนมารดานั้นชื่อ มารี โคโรน เจอร์ราท (Marie Coroné Gaillard) ที่ได้เป็นช่างทำหมวกของผู้หญิง แต่โชคร้ายเมื่อแม่ของเขาเสียชีวิต ตอนเขา10 ขวบ
พ่อจึงตัดสินใจแต่งงานใหม่ แต่เหมือนหลุยส์จะเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้และเขานั้นก็เบื่อเต็มที กับชีวิตที่ซ้ำซากจำเจแบบนี้จึงทำให้มีการตัดสินใจครั้งใหญ่ โดยครั้งนี้นั้นก็ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตเค้าไปตลอดกาล
Monsieur Marechal ช่างทำกล่องและหีบ
ด้วยวัยเพียง 14 ปี หลุยส์ออกเดินเท้าจากบ้านเกิดในเมืองอังเซย์ ไปเริ่มชีวิตใหม่ที่กรุงปารีส โดยจากอังเซย์ถึงปารีสมีระยะทางประมาณ 292 ไมล์ เขาใช้เวลาเดินทาง 2 ปี
โดยทำงานพิเศษระหว่างทางเพื่อแลกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ และหาที่พักพิงเท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวย หลุยส์เดินทางถึงมหานครปารีส เมื่อปี ค.ศ. 1837 ในขณะนั้นเขามีอายุ 16 ปี
เขาได้มีโอกาสไปฝีกงานกับ มองซิเออร์ มาแชล (Monsieur Marechal) โดยในยุคนั้นถือว่าเป็น ช่างทำกล่อง และหีบขนของที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเลยทีเดียวด้วยความที่เขาเป็นคนขยัน ใฝ่รู้และความละเอียด เขาทุ่มเทพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการทำหีบสำหรับบรรจุสัมภาระ
เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมไปถึงมีโอกาสได้รู้จักกับบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายอาชีพด้วย
Louis Vuitton Trunks
ด้วยชื่อเสียงที่เริ่มแผ่กว้างไปของหลุยส์ ทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าไปถวายงานให้กับราชินี ยูจีเนียร์ เดอ มอนติโจ (Eugenia de Montijo) ชายาในกษัตริย์นโปเลียนที่ 3 ในปี ค.ศ. 1852
โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลและออกแบบกล่องเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าราคาแพง และนั้นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต โดยเวลานั้นอายุของหลุยส์ได้ 30 ปี
หลังจากนั้น ชื่อของ “หลุยส์ วิตตอง” ก็กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าชนชั้นสูงในฝรั่งเศสในฐานะคนทำกระเป๋าเดินทางสุดหรู หีบเก็บของที่ทำขึ้นโดย หลุยส์ วิตตอง กลายเป็นของที่มีราคาและถูกตีค่าเป็นสัญญลักษณ์ของความหรูหราและมีระดับ ไม่นานนัก ชื่อเสียงของหลุยส์ก็โด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วยุโรปอย่างรวดเร็ว
ป้ายโฆษณาติดหน้าร้านของ หลุยส์ วิตตอง
ในปี ค.ศ. 1854 ถือว่าเป็นช่วงที่ท้าทายของชีวิต เมื่อหลุยส์ได้พบกันสาวน้อยวัย 17 ปีที่ชื่อ Clemence-Emilie Parriaux ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นภรรยาของเขา หลังจากแต่งงานไม่กี่เดือน
หลุยส์ได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของ มอลซิเออร์ มาแชล (รวมเวลาทั้งหมดที่ทำงานร่วมกับมาแชลเป็นเวลาทั้งสิ้น 17 ปี) หลุยส์ได้เปิดธุรกิจทำหีบของเขาเอง โดยมีป้ายติดหน้าร้านเป็นการโฆษณาว่า
Securely packs the most fragile objects. Specializing in packing fashions.
ที่ถนนเนิฟ เด คาปูซีน (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ โอเปร่าเฮ้าส์ ปารีส) ซึ่งเวลานั้นหลุยส์และเอมิลี่มีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ จอร์จ วิตตอง (Georges Vuitton) และน้องชายฝาแฝด ปิแอร์ (Pierre) และ จีน (Jean)
จอร์จ และ หลุยส์ วิตตอง ได้ออกแบบที่ล็อคหีบ
ในสมัยนั้น ประเป๋าเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายได้ลำบาก และมีน้ำหนักมาก ทำให้เกิดความเสียหายระหว่างขนย้ายได้ง่าย เพราะการคมนาคมหลักๆยังใช้การเดินทางด้วยรถม้า การโดยสารทางเรือ และการเดินทางโดยรถไฟอยู่
ผู้คนจึงเริ่มมองหาหีบที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการความทนทานและเรื่องความปลอดภัยเพื่อเก็บของมีค่าราคาแพง
โดยในปี ค.ศ. 1858 ได้มีการเปิดตัวหีบรุ่นใหม่ Grey Trianon Canvas ที่ทำจากผ้าใบสีเทาแทนการใช้หนัง ทำให้หีบมีน้ำหนักเบาขึ้นแถมยังสามารถกันน้ำและป้องกันกลิ่นอีกด้วย
ตัวหีบมีรูปทรงเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า แทนหีบแบบเก่าที่เป็นรูปโดม ฝาหีบและก้นหีบแบนราบ เพื่อความสะดวกในการนำมาวางซ้อนกัน และง่ายต่อการขนส่งเคลื่อนย้ายระหว่างเดินทาง
หีบ Louis Vuitton Grey Trianon Canvas
อีกหนึ่งจุดขายของสินค้าแบรนด์หลุยส์ วิตตอง ก็คือ การออกแบบภายในของหีบที่แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ง่ายต่อการจัดเก็บสัมภาระและสามารถนำของออกมาใช้ได้อย่างสะดวกสบาย
ความสำเร็จของกิจการหีบหลุยส์ วิตตองเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการคมนาคมที่ทันสมัยมากขึ้น ก่อเกิดความต้องการใช้หีบเดินทางมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้หลุยส์ตัดสินใจขยายกิจการของเขา โดยในปี ค.ศ. 1859 เขาได้เปิดโรงงานผลิตที่ใหญ่ขึ้น ณ เมือง Asnieres ไม่ไกลจากประตูปารีสนัก (the gates of Paris)
ในปี ค.ศ. 1870 ก็ได้มาถึงจุดพลิกผันอีกครั้ง เมื่อสงครามนองเลือด Franco-Prussian ที่ทำลายอาณาจักรฝรั่งเศสและเมื่อมันสิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม ปี ค.ศ. 1871 ธุรกิจของหลุยส์ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม
สงคราม อุปกรณ์การทำกระเป๋าของเขาถูกขโมย โรงงานของหลุยส์เสียหาย ทำให้เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ด้วยความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และอุปสรรคไม่อาจทำอะไรความมุ่งมั้นของเขาได้ อดีตจากการเดินเท้าออกจากบ้านเกิดเกือบ 300 ไมล์ เพื่อไล่ล่าความฝันเมื่ออายุ 14 ปี เสมือนเป็นเชื้อเพลิงที่ล่อเลี้ยงไฟในจิตใจ
จุดขายของหีบ ที่ภายในแบ่งเป็นสัดส่วน
ในเวลาไม่ถึงเดือน ร้านใหม่ของเขาก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ที่ 1 Rue Scribe ในเมื่อเปิดร้านขึ้นมาใหม่ อยู่ใจกลางเมืองปารีสใหม่ รายล้อมไปด้วยกลุ่มคนไฮโซและกลุ่มคนชนชั้นสูง
ในปี ค.ศ. 1872 หลุยส์จึงตัดสินใจออกแบบหีบใหม่ ผสมผสานกับผ้าใบสีเบจตัดกับสายคาดสีแดง เรียบง่ายและดูดี หีบดีไซน์ใหม่ของเขาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นสัญญลักษณ์ของความหรูหราทันที
ณ ที่ 1 Rue Scribe นั้นเองได้กำเนิดแบรนด์ Louis Vuitton อย่างเป็นทางการ เขาได้พัฒนาคุณภาพและสินค้าด้วยความหรูหราต่อมาอีก 20 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1892 สิริรวมอายุได้ 70 ปี
แต่เขาก็ได้สร้างตำนานสำเร็จด้วยการมอบช่วงบริหารงานต่อให้ลูกชายของเขา จอร์จ วิตตอง ผู้ซึ่งออกแบบลาย Monogram (โมโนแกรม) จากรุ่นสู่รุ่น ทำให้หลุยส์ วิตตอง เติบโตเข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
การทอลาย Monogram ในสมัยเริ่มแรก
ในปี ค.ศ. 1896 จอร์จ วิตตอง (George Vuitton) พิสูจน์ถึงความสามารถในการรับงานต่อจากผู้เป็นพ่อคือ ออกแบบลวดลาย Monogram (โมโนแกรม) ที่ในปัจจุบันจะเรียกได้ว่าเป็น สัญลักษณ์ของแบรนด์หลุยส์ วิตตองเลยก็ว่าได้
เนื่องจากหีบของหลุยส์สมัยแรกๆ ไม่มีลวดลาย และง่ายต่อการลอกเลียนแบบ หลังจากถือกำเนิดลาย Damier เมื่อปี ค.ศ. 1888
ลายโมโนแกรม ประกอบด้วยสัญลักษณ์ 4 อย่างคือ ตัวอักษร LV ที่เป็นตัวย่อของแบรนด์ , รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบทึบ , รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบโปร่ง และสัญลักษณ์คล้ายมงกุฏที่สะท้อนถึงความคลาสสิคได้เป็นอย่างดี โดยได้มีการจดทะเบียนการค้าเกี่ยวกับลวดลายเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย
ในปี ค.ศ. 1901 Louis Vuitton ได้เปิดไลน์การผลิตใหม่ด้วย กระเป๋าหนังนิ่มออกมารุ่นแรก โดยให้ชื่อว่า “steamer bag” ตัดเย็บจากผ้าใบขึ้นรูปเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถพับเก็บในหีบได้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนธุรกิจจากที่ผลิตแค่หีบใส่ของอย่างเดียว หลังจากนั้นกระเป๋ารุ่นต่างๆ ก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นลำดับ
Steamer bag
กว่าจะยืนหยัดแข็งแกร่งดังเช่นปัจจุบัน ก็ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย แต่เพราะหัวใจนักสู้ของเขา ทำให้ หลุยส์ วิตตอง ยังคงเป็นแบรนด์หรูที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของวงการสินค้า Luxury กลายเป็นตำนานและสัญลักษณ์ของความหรูหรา
ปัจจุบัน แบรนด์หลุยส์ วิตตอง ถูกจัดให้อยู่อันดับ 1 แบรนด์ไฮเอนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (จัดอันดับโดย The world’s most Valuable Brands) โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 47.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
โดยผลการจัดอันดับมาจากมูลค่าการเติบโตของแบรนด์ มีไลน์การผลิตสินค้าตั้งแต่เครื่องหนัง กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ เครื่องหอม ไปจนถึงจิวเวอร์รี่ ภายใต้การบริหารงานของบริษัทแม่อย่าง LVMH (Louis Vuitton Moet Hennessy)
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference :
LOUIS VUITTON : https://cutt.ly/8Mc2AWS
โฆษณา