Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
14 พ.ย. 2022 เวลา 23:58 • ปรัชญา
“กายกับใจมาประชุมอยู่ด้วยกัน เราจะรู้สึกนี่ตัวเราๆ
ประชุมกันขึ้นมาก็มีตัวมีตน
พอมีตัวมีตน มันก็มีที่รองรับความทุกข์
ถ้าไม่มีตัวมีตน ความทุกข์มันจะไปลอยอยู่ในอวกาศที่ไหน
มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”
“ … การปฏิบัติต้องลงมือทำ
การภาวนามันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอะไรหรอก
มันเป็นสิ่งซึ่งมีเหตุมีผลตลอดสาย
เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ด้วยเหตุผล
ไม่มีคำว่า ฟลุก ไม่มีคำว่า บังเอิญ
มีแต่เรื่องเหตุกับผลทั้งสิ้นเลย
ถ้าเรารู้จักทำเหตุให้ดี ผลมันก็ดี
ถ้าเราทำเหตุชั่ว ผลมันก็ชั่ว ก็เท่านั้นล่ะ
อยากทุกข์ยากลำบาก เราก็ทำเหตุชั่วไป
ทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ
คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วไป
ตัวที่ผลักดันก็คือกิเลส โลภ โกรธ หลง
หัวหน้ากิเลสนั้นคือตัวหลง
เราอยากดี เราก็พัฒนาจิตใจตัวเองให้มีศีลมีธรรมไป
ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา
ผลมันก็จะดีขึ้นๆ จิตใจ มันเป็นเรื่องเหตุผลทั้งสิ้นเลย
เป็นเรื่องการกระทำทั้งสิ้นเลย
พระพุทธเจ้าถึงเป็นกรรมวาทีสอนเรื่องกรรม
ไม่มีใครลิขิตทั้งสิ้น ลิขิตตัวเอง
ภาวนามยปัญญา คือการเจริญสติปัฏฐาน
ถ้าเราอยากพ้นทุกข์ เบื้องต้นเราก็มาเรียนรู้วิธี พระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ พระอรหันตสาวกท่านสอนอะไรไว้มีอยู่ในพระไตรปิฎก เราก็ต้องศึกษา ตรงนี้เป็นการสะสมปัญญาเบื้องต้น ชื่อสุตมยปัญญา
สุตะจริงๆ แปลว่าฟัง ยุคเราก็มีทั้งการฟังทั้งการอ่าน ตำรับตำรามันเป็นตัวหนังสือมี ก็อยู่ในกลุ่มสุตมยปัญญา
เพราะลำพังพวกเราเอง ไม่ใช่ภูมิจิตภูมิธรรมที่จะเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเอง เราก็ต้องฟังคำสอนของท่าน
คำสอนของท่านก็มีเรื่องเหตุกับผลทั้งนั้น
เรื่องกรรมเรื่องผลของกรรม
เหตุฝ่ายชั่วอะไร ย่อๆ ลงมาก็เป็นตัณหา ผลก็เป็นทุกข์
เหตุฝ่ายดีคือการเจริญมรรคมีองค์ 8 ผลก็เป็นความพ้นทุกข์
หลักๆ เบื้องต้นมีเท่านี้
การปฏิบัติการลงมือทำ เบื้องต้นก็ฟัง ฟังแล้วก็อ่านให้รู้เรื่องให้เข้าใจ หลวงพ่อช่วยเราได้แค่ให้สุตมยปัญญากับพวกเรา ปัญญาจากการฟังหรืออ่าน เป็นปัญญาเบื้องต้นเท่านั้นเอง
ไม่มีใครเข้าใจธรรมะได้ด้วยการฟัง ด้วยการอ่านหรอก
ปัญญาอีกตัวหนึ่งคือปัญญาจากการคิดพิจารณาไตร่ตรอง ความคิด คิดเรียกจินตามยปัญญา เป็นปัญญาจากการคิด ยังเชื่อถือไม่ได้เพราะจิตใจของเรามันมีกิเลสซ่อนอยู่ เวลาคิดมันก็คิดไปตามอำนาจกิเลส คิดเข้าข้างตัวเอง
ฉะนั้นมันเชื่อถือไม่ได้หรอก สิ่งที่เราคิด
ฉะนั้นเรื่องที่เราฟัง อันนั้นเรียนจากภาคปริยัติ เราฟัง เราอ่านมา มันไม่ใช่ปัญญาของเราจริง เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า ของพระอรหันตสาวกรุ่นเก่าๆ
จินตามยปัญญาเป็นปัญญาจากการที่เราเอาคำสอนของท่านมาคิดพิจารณาไตร่ตรองดู ให้เราพิจารณาจนกระทั่งรู้วิธีที่จะลงมือปฏิบัติ
พอรู้วิธีลงมือปฏิบัติเราก็ถึงจะสร้างปัญญาตัวแท้ขึ้นมาได้ ที่ล้างกิเลสได้จริง คือภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติเจริญปัญญาถึงจะละกิเลสได้ ปัญญาอื่นๆ กิเลสไม่กระเทือนหรอก
อย่างคนเรียนมากๆ ท่องจำได้มาก รู้เยอะ มานะอัตตายิ่งรุนแรง เซลฟ์จัด ใครพูดอะไรกระทบหูนิดหนึ่ง โหย กระโดดโลดเต้นคับแค้น โมโหโทโสไปเลย
หรือพวกคิดมาก ปัญญาคิดมากก็เชื่ออะไรไม่ได้ มโนเอา แล้วแต่จะจินตนาการเอา เช่น นิพพานเป็นอย่างนั้น นิพพานเป็นอย่างนี้
ทั้งๆ ที่นิพพานไม่มีไม่เป็นหรอก ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้เป็นอะไรหรอก เป็นสภาวะที่สงบสันติเท่านั้นล่ะ แล้วก็วาดภาพจินตนาการเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ไป ก็แล้วแต่จิตใจมันจะปรุงไป
ตัวที่จะทำให้เราเข้าใจธรรมะได้แท้จริงคือการลงมือภาวนา หรือลงมือปฏิบัติเจริญสติเจริญปัญญา
ถ้าเราภาวนา เบื้องต้นก็ฝึกให้ได้สติ เบื้องปลายก็ฝึกให้ได้ปัญญา
กระบวนการในการฝึกฝน อยู่ในหลักธรรมคำสอนเรื่องสติปัฏฐาน สติปัฏฐาน 4 เป็นเรื่องใหญ่ พวกเราชาวพุทธต้องรู้จัก มันเป็นธรรมะที่อัศจรรย์มากจริงๆ พระพุทธเจ้าท่านรวบรวมหลักของการปฏิบัติที่สำคัญๆ ลงมาอยู่ในสูตรอันนี้ล่ะที่เราจะปฏิบัติกัน
ปฏิบัติแล้วก็เรียนรู้ลงที่กาย ลงที่เวทนา ลงที่จิต เรียนรู้ลงที่สภาวธรรม ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม ทั้งกุศลธรรม ทั้งอกุศลธรรม จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้
ทำไมต้องเรียนอย่างนี้
เพราะสิ่งเหล่านี้ล่ะ เวลามันมารวมตัวกันเราจะรู้สึกว่าตัวเราเกิดขึ้น
กายกับใจมาประชุมอยู่ด้วยกัน เราจะรู้สึกนี่ตัวเราๆ
ประชุมกันขึ้นมาก็มีตัวมีตน
พอมีตัวมีตน มันก็มีที่รองรับความทุกข์
ถ้าไม่มีตัวมีตน ความทุกข์มันจะไปลอยอยู่ในอวกาศที่ไหน
มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา
ฉะนั้นในสติปัฏฐานท่านประมวลวิธีการปฏิบัติเอาไว้ได้อย่างงดงามมาก ถ้าไม่ใช่พระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เหลือวิสัยที่จะประมวลได้อย่างนั้น เพราะว่าครอบคลุมธรรมะอันมากมายมหาศาลเอาไว้
ในสติปัฏฐานเบื้องต้นถ้าเราเจริญสติปัฏฐาน เบื้องต้นเราจะได้สติ เบื้องปลายเราจะได้ปัญญา
เพราะฉะนั้นภาวนามยปัญญามันคือการเจริญสติปัฏฐานนั่นล่ะ
ทำสติปัฏฐานเบื้องต้นจะได้สติ เบื้องปลายจะได้ปัญญา …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
6 พฤศจิกายน 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.dhamma.com/wisdom-from-mental-development/
เยี่ยมชม
dhamma.com
การปฏิบัติต้องลงมือทำ
ปัญญาตัวแท้ที่ล้างกิเลสได้จริง คือภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติเจริญปัญญา ถึงจะละกิเลสได้ ปัญญาอื่นๆ กิเลสไม่กระเทือนหรอก
Photo by : Unsplash
บันทึก
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อ่านธรรม : อ่านใจ
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย