7 ธ.ค. 2022 เวลา 05:53 • ไลฟ์สไตล์
ปริเฉทที่ ๙
มารวิชัยปริวรรต
พระโพธิสัตว์ชนะหมู่มาร
(ตอน ๑ : อธิษฐานถาดทอง)
**********
ฝ่ายพระโพธิสัตว์เสด็จลุกขึ้น
จากที่ประทับทรงทำประทักษิณต้นไม้
ถือถาดเสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ในวันที่พระโพธิสัตว์หลายแสนจะตรัสรู้
มีท่าชื่อว่าสุปติฏฐิตะ (สุประดิษฐ์)
เป็นสถานที่เสด็จลงสรงสนาน
จึงทรงวางถาดที่ฝั่งแห่งท่าชื่อว่าสุปติฏฐิตะนั้น
เสด็จลงสรงสนานเสร็จแล้ว
ทรงเครื่องนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ (ผ้าย้อมน้ำฝาด)
อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหัต
อันเป็นเครื่องนุ่งห่มของพระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์
ทรงนั่งผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก
ทรงกระทำปั้นข้าว ๔๙ ปั้นประมาณ
เท่าจาว ตาลสุก จาวหนึ่ง ๆ
แล้วเสวยมธุปายาสมีน้ำน้อยทั้งหมด.
**********
ข้าวมธุปายาสนั้น
ได้เป็นอาหารอยู่ได้ตลอด ๗ สัปดาห์
สำหรับพระโพธิสัตว์นั้น
ผู้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าซึ่งประทับ
อยู่ที่โพธิมัณฑ์ประเทศ (ใต้ต้นโพธิ์)
เป็นที่ผ่องใสแห่งพระปัญญาเครื่องตรัสรู้.
ในกาลมีประมาณเท่านั้น ไม่มีอาหารอย่างอื่น
ไม่มีการสรงสนาน ไม่มีการชำระพระโอษฐ์
ไม่มีการถ่ายพระบังคนหนัก (ขับถ่ายหนัก)
ทรงยับยั้งอยู่ด้วยฌานสุข มรรคสุขและผลสุขเท่านั้น.
**********
~ อธิษฐานถาดทอง ~
ก็พระโพธิสัตว์ครั้นเสวยข้าวข้าวปายาสนั้นแล้ว
จับถาดทองทรงอธิษฐานว่า
"ถ้าเราจักได้เป็นพระพุทธเจ้า ในวันนี้ไซร้
ถาดของเราใบนี้... จงลอยทวนกระแสน้ำไป
ถ้าจักไม่ได้เป็น... จงลอยไปตามกระแสน้ำ"
ครั้นทรงอธิษฐานแล้วได้ลอยถาดไป.
ถาดนั้นลอยตัดกระแสน้ำไปถึงกลางแม่น้ำ
ณ ที่ตรงกลางแม่น้ำนั่น แลได้ลอยทวนกระแสน้ำไป
สิ้นสถานที่ประมาณ ๘๐ ศอก
เปรียบเหมือนม้าซึ่งเพียบพร้อมด้วยฝีเท้าอันเร็วไวฉะนั้น
แล้วจมลงที่น้ำวนแห่งหนึ่งจมลงไปถึงภพของกาลนาคราช
กระทบถาดเครื่องบริโภคของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์
มีเสียงดังกริ๊ก ๆ แล้วได้วางรองอยู่ใต้ถาดเหล่านั้น.
กาลนาคราชครั้นได้สดับเสียงนั้นแล้ว กล่าวว่า
"เมื่อวานนี้พระพุทธเจ้าทรงบังเกิดแล้วองค์หนึ่ง
วันนี้บังเกิดอีกองค์หนึ่ง
จึงได้ยืนกล่าวสดุดีด้วยบทหลายร้อยบท.
**********
ได้ยินว่า เวลาที่มหาปฐพีงอกขึ้นเต็มท้องฟ้า
ประมาณหนึ่งโยชน์ สามคาวุต ได้เป็นเสมือนวันนี้
หรือวันพรุ่งนี้ แก่กาลนาคราชนั้น.
**********
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทรงพักผ่อนกลางวัน
อยู่ในสาลวันอันมีดอกบานสะพรั่ง
ใกล้ฝั่งแม่น้ำ...
เวลาเย็น ในเวลาดอกไม้ทั้งหลายหลุดจากขั้ว
ได้เสด็จบ่ายหน้าไปยังโพธิพฤกษ์
ตามหนทางกว้างประมาณ ๘ อุสภะ
ซึ่งเทวดาทั้งหลายตกแต่งไว้
ดุจราชสีห์เยื้องกรายฉะนั้น
นาค ยักษ์และสุบรรณเป็นต้น
ได้บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้นอันเป็นทิพย์
หมื่นโลกธาตุได้มีกลิ่นหอมเป็นอันเดียวกัน
มีระเบียบดอกไม้เป็นอันเดียวกัน
และมีเสียงสาธุการเป็นอันเดียวกัน
**********
สมัยนั้นพราหมณ์ชื่อโสตถิยะ เป็นคนหาบหญ้า
ถือหญ้าเดินสวนทางมา
เมื่อเห็นพระโพธิสัตว์ แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส
จึงได้ถวายหญ้า ๘ กำ
**********
พระโพธิสัตว์รับหญ้าแล้วเสด็จขึ้นสู่โพธิมัณฑ์
ได้ประทับยืนในด้าน "ทิศใต้"
ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ
ขณะนั้นจักรวาลด้านทิศใต้ทรุดลง
ได้เป็นประหนึ่งว่าจรดถึงอเวจีเบื้องล่าง
จักรวาลด้านทิศเหนือลอยขึ้น
ได้เป็นประหนึ่งจรดถึงภวัคคพรหมในเบื้องบน
นัยว่า ในที่ที่พระมหาบุรุษนั้นประทับยืนแล้ว ๆ
มหาปฐพีได้ยุบลงและฟูขึ้น
เหมือนล้อเกวียนใหญ่ซึ่งติดอยู่ในดุม
ถูกคนเหยียบริมขอบวงของกงล้อฉะนั้น
พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า
ที่ตรงนี้เห็นจะไม่เป็นสถานที่ที่จะให้บรรลุพระสัมโพธิญาณ
จึงการทำประทักษิณ
เสด็จไปยังด้าน "ทิศตะวันตก" ได้ประทับยืนผินพระพักตร์
ไปทางทิศตะวันออก.
ลำดับนั้น จักรวาลด้านทิศตะวันตกได้ทรุดลง เช่นเดิม...
พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า
สถานที่นี้เห็นจะไม่เป็นสถานที่ให้บรรลุพระสัมโพธิญาณ
จึงกระทำประทักษิณ
เสด็จไปทางด้าน "ทิศเหนือ"
ประทับยืนผินพระพักตร์ใปทางด้านทิศใต้.
ลำดับนั้นจักรวาลด้านทิศเหนือได้ทรุดลง เช่นเดิม...
พระโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า
แม้สถานที่นี้ก็เห็นจะไม่ใช่สถานที่เป็นที่ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณ
จึงทรงกระทำประทักษิณ
เสด็จไปยังด้าน "ทิศตะวันออก"
ได้ประทับยืนผินพระพักตร์ไปทางด้านทิศตะวันตก.
ก็สถานที่ตั้งบัลลังก์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง
มีอยู่ในด้าน "ทิศตะวันออก"
สถานที่นั้นจึงไม่หวั่นไหวไม่สั่นสะเทือน...
พระมหาสัตว์ทรงทราบว่า สถานที่นี้
เป็นที่อันพระพุทธเจ้าทั้งปวงไม่ทรงละ
เป็นสถานที่ไม่หวั่นไหว
เป็นสถานที่กำจัดกรงคือกิเลส
จึงทรงจับปลายหญ้าแล้วเขย่าให้สั่น.
ทันใดนั่งเอง ได้มีรัตนบัลลังก์ ๑๔ ศอก
รัตนบัลลังก์นี้ แม้นายช่างผู้ฉลาด
ก็ไม่สามารถจะเขียนภาพ หรือฉาบทา ทำได้.
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา