9 ธ.ค. 2022 เวลา 03:57 • ไลฟ์สไตล์
ปริจเฉทที่ 10 (ตอน ๑)
อภิสัมโพธิปริวรรต
**********
ลำดับนั้น
พระมหาบุรุษ ทรงกำจัดกองกำลังของมาร
พร้อมทั้งพระยาวัสวดีมาร
ด้วยอานุภาพพระบารมี ๑๐ ทั้งหลาย ของพระองค์
ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ
ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา
**********
~ บรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ~
ในปฐมยาม
ทรงระลึกถึงขันธ์ที่อาศัยมาแต่ก่อน
ทรงตั้งจาตุรงคมหาปธาน ด้วยกุศลอันกล้าหาญ
ฉะนี้แล้ว จิตพระองค์ตั้งมั่นด้วยจตุตถฌานแล้ว
เป็นจิตบริสุทธิ์ผ่องใส ปราศจากอุปกิเลสแล้ว
เป็นจิตอ่อน ควรแก่ภาวนากรรม
เป็นจิตซึ่งไม่หวั่นไหว ด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕
มีจิตประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข แล้ว
ประหนึ่งทองคำที่หลอมไล่ให้สิ้นโทษมลทิน
ไม่เจือปนด้วยเงินและเหล็กทองแดงสังกะสีดีบุกแล้ว
นายช่างทองอาจน้อมนำไป
เป็นเครื่องประดับหลากต่าง ๆ ได้ตามปรารถนาฉะนั้น
พระมหาบุรุษเจ้าจึงน้อมจิตไปเฉพาะหน้า
เพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ปัญญาตามระลึก (ชาติ)
ขันธสันดานที่ตนได้อาศัยอยู่แล้ว
ณ กาลก่อน ๆ
ก็ได้บรรลุปุพเพนิวาสญาณ
นั้นตามปรารถนา
พระองค์มาตามระลึกได้ซึ่ง
ขันธสันดานที่ได้อาศัยอยู่แล้ว ณ กาลก่อน
มีประการวิธีเป็นอันมากตั้งแต่
๑ ชาติ ๒ ชาติ ๓ ชาติ ๔ ชาติ ๕ ชาติ ๑๐ ชาติ
๒๐ ชาติ ๓๐ ชาติ ๔๐ ชาติ ๑๐๐ ชาติ
พันชาติ แสนชนาติ...
จนสังวัฏฏกัปวิวัฏฏกัป สังวัฏฏวิวัฏฏกัปเป็นอันมาก
รู้แจ้งประจักษ์ชัดว่าเราได้เกิด ณ ที่โน้น
มีชื่อและ โคตร และพรรณสีกายอย่างนี้ ๆ
มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุขหรือทุกข์อย่างนี้
มีที่สุดอายุเพียงเท่านี้
จุติจากภพนั้นแล้วได้เกิดที่โน้น
มีชื่อและโคตรและพรรณสีกาย และอวหาร
และสุขทุกข์อย่างนี้ ๆ มีที่สุดอายุเพียงเท่านี้ ๆ
ต่อ ๆ มาจนถึงปัจฉิมชาติ
เป็นพระอังคีรสสักโกฺยรส (สิทธัตถะ) บัดนี้ เป็นที่สุด
แจ้งชัดสว่างแก่จิตทุกประการ
กำจัดอวิชชาโมหะ
อันปิดปุพเพนิวาสญาณนั้น เสียให้พินาศไป
วิชชาคือปุพเพนิวาสานุสสติญาณนี้
เป็นวิชชาปฐม พระมหาบุรุษเจ้าได้บรรลุถึง
กระทำให้แจ้งแล้ว ณ ปฐมยามส่วนต้นแห่งราตรี
พระองค์ได้ทราบแจ้งชัดซึ่งจุติและเกิดแห่ง
พระองค์ในกาลก่อน และประวัติการปัจจุบันบัดนี้
และทราบแจ้งซึ่ง ความที่แห่งพระองค์
เข้าไปถึงความสุขความทุกข์ ตามสมควรแก่กรรมที่ดีและชั่ว
สิ้นสงสัยในสันดานตน
ด้วยกำลังปุพเพนิวาสานุสสติญาณปฐมวิชชาฉะนี้แล้ว
**********
~ บรรลุจุตูปปาตญาณ ~
ในมัชฌิมยาม...
ลำดับนั้น ประสงค์จะใคร่ทราบชัด
ซึ่งจุติและปฏิสนธิอุปบัติแห่งสัตว์ทั้งหลาย
ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณเหล่าอื่น ๆ
จึงน้อมจิตไปเฉพาะหน้า เพื่อจุตูปปาตญาณ
ปัญญาที่รู้แจ้ง ในจุติและเกิดแห่งสัตว์ทั้งหลาย
ก็บรรลุถึงทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงสามัญมนุษย์จักษุวิสัย
พระองค์ได้เห็นแล้ว ซึ่งสัตว์ทั้งหลายที่ จวนจะจุติ และเกิดขึ้น
ณ ทันใดนั้น ได้เห็นสัตว์ทั้งหลายที่ต่ำช้าและประณีต
มีพรรณสีกาย งามและพรรณทุรพล
ถึงซึ่งความสุข ถึงซึ่งความทุกข์
ได้หยั่งทราบแล้ว ซึ่งสัตว์ทั้งหลายอันเข้าไปถึงสุขและทุกข์
ตามสมควรแก่กรรม
**********
แจ้งประจักษ์ว่า
"สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้หนอ
ได้ประกอบแล้ว ด้วยทุจริตในกาย วาจา ใจ
ติเตียนพระอริยเจ้า และมีทิฏฐิความเห็นผิด
สมาทานซึ่งทุจริตมิจฉาทิฏฐิเป็นที่ตั้ง
ครั้นกายแตกเบื้องหน้าแต่มรณะ
ได้เข้าไปถึงซึ่งอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กำเนิด
เดียรฉาน เปรตวิสัย..."
**********
ก็แลสัตว์ทั้งหลาย เหล่านี้หนอ
ที่ได้ประกอบด้วยสุจริตในกาย วาจา ใจแล้ว
ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า และเป็นผู้มีทิฏฐิความเห็นชอบ
ไม่วิปริตจากทางกรรม ทางผล
สมาทานถือมั่นซึ่งสุจริตกุศลด้วยสัมมาทิฏฐิเป็นที่ตั้ง
สัตว์เหล่านั้น ครั้นทำลายขันธ์สิ้นชีพแล้ว.
ได้เข้าไปถึงสุคติภพโลกสวรรค์
**********
พระองค์ได้ทราบซึ่งสัตว์ทั้งหลาย
อันเข้าไปถึงความสุขความทุกข์
สมควรแก่กรรมโดยประจักษ์
ด้วยกำลังจุตูปปาตญาณวิชชา ด้วยประการฉะนี้.
และจุตูปปาตญาณนี้เป็นวิชชาที่ ๒
พระองค์ได้บรรลุถึงกระทำให้แจ้งแล้ว
ณ มัชฌิมยามส่วนท่ามกลางแห่งราตรี
**********
๏ พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคลานิฯ
พระจอมมุนี ได้เอาชนะพระยามารผู้เนรมิตแขนมากตั้งพัน
ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างครีเมขละ
มาพร้อมกับเหล่าเสนามารซึ่งโห่ร้องกึกก้อง
ด้วยวิธีอธิษฐานถึงทานบารมี เป็นต้น,
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน
ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา