10 ธ.ค. 2022 เวลา 05:16 • หนังสือ
✴️ บทที่ 4️⃣ ศาสตร์สูงสุดแห่งการรู้พระเจ้า ✴️ (ตอนที่ 2)
🌸 ประวัติศาสตร์และแก่นแท้ของโยคะ 🌸
⚜️ โศลกที่ 1️⃣➖2️⃣ ⚜️ (ตอนที่ 2) หน้า 455 – 457
หน้า 455–457
———————💠———————
การฟื้นฟูโยคะเพื่อยุคปัจจุบัน
———————💠———————
ทั้งสองโศลกนี้อาจตีความในเชิงประวัติศาสตร์ได้ดังนี้ :
ด้วยการเห็นหรือการนําแห่งสหัชญาณ พระเจ้าทรงเปิดเผยราชศาสตร์แห่งบรมวิญญาณนี้แก่ฤษีวิวัสวัตผู้ทรงแสง (บัดนี้รู้จักกันในฐานะสุริยเทพ) วิวัสวัตสอนศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์นี้แก่มนู ฤษีผู้มีทิพยญาณและเป็นผู้บัญญัติกฎหมายอินเดียในยุคก่อนประวัติศาสตร์
และแม้ทุกวันนี้ กฎหมายพระมนูก็ยังเป็นหลักนำทางให้แก่สังคมฮินดู ทั้งมนูยังเป็นอาจารย์ของอิกษวากุ ต้นวงศ์กษัตริย์ผู้สืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ จากอิกษวากุ โยคะศาสตร์อันไม่อาจทําลายนี้ได้รับสืบทอดปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานโดยฤษีและมุนีแห่งวงศ์กษัตริย์ รวมทั้งพระชนกผู้ทรงพระปรีชา เมื่อเข้าสู่กาลียุค ยุคมืดหรือยุควัตถุ) โยคะศาสตร์นี้เกือบถูกลืม★
★ท่านศรียุกเตศวร อาจารย์ของข้าพเจ้าได้ค้นพบวิธีการนำหลักการทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในเรื่องวงรอบ 24,000 ปี ของสุริยโคจร ซึ่งโลกเป็นส่วนหนึ่งอยู่ด้วย ว่าขณะที่ดวงดาวโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้น ดวงอาทิตย์ได้โคจรรอบดาวคู่ของมันหนึ่งรอบ ซึ่งกินเวลาราว ๆ 24,000 ปีโลก
ตามจักรวาลวิทยาของฮินดูนั้น ดวงอาทิตย์ซึ่งโคจรรอบวงโคจรที่กว้างใหญ่ไพศาลรอบพลังแม่เหล็กแห่งบรมวิญญาณ (วิษณุนาภี) หรือ “มหาศูนย์” อันเป็นที่อยู่ของพลังสร้างสรรค์แห่งพรหม วงรอบ 24,000 ปีนี้แบ่งเป็นวงโคจรขาขึ้น และขาลง ซึ่งในแต่ละครึ่งวงโคจรนั้นใช้เวลา 12,000 ปี
ในแต่ละวงโคจรแบ่งเป็นยุค คือ กาลี ทวารป เตรตา และสัตยา สอดคล้องกับยุคเหล็ก ยุคสำริด ยุคเงิน และยุคทองของชาวกรีก และเพื่อที่จะระบุลักษณะเด่น ๆ ในแต่ละยุคนั้น ข้าพเจ้าขอใช้ชื่อเทียบเคียงตามลำดับดังนี้ :
ยุควัตถุ ยุคไฟฟ้าหรือยุคปรมาณู ยุคจิต และยุคจิตวิญญาณ ในช่วงวงรอบขาขึ้นนั้น ระบบสุริยะเริ่มโคจรเข้าใกล้ “มหาศูนย์” แห่งบรมวิญญาณ ค่อย ๆ มีการเปิดเผยคุณลักษณะทางญาณปัญญาและจิตวิญญาณ ซึ่งจะขึ้นถึงจุดสูงสุดแห่งญาณปัญญารู้แจ้งในยุคสัตยะหรือยุคจิตวิญญาณ เงามายาจะค่อย ๆ บังแสงแห่งความรู้ในวงรอบขาลงสู่กาลียุคหรือยุควัตถุ ซึ่งจะถอยไกลไปจากบรมวิญญาณมากที่สุด วงโคจรเหล่านี้อธิบายไว้อย่างละเอียดในภาคแรกของหนังสือ The Holy Science ของท่านศรียุกเตศวร
{พิมพ์โดย Self-Realization Fellowship} อ่านเพิ่มเติมในบทที่ 4:7–8
นักดาราศาสตร์ชาวตะวันตก ได้กำหนดวงรอบการโคจรของดวงอาทิตย์ ในระบบสุริยะของเราว่ากินเวลา 25,920 ปี ตามปรากฏการณ์จักรวาลที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า “การหมุนของอิควินอกซ์” (Precession of the Equinox) ซึ่งเป็นการหมุนอย่างช้า ๆ ไปทางตะวันตกในอัตราการโคจรปัจจุบัน แต่สำหรับชาวฮินดูแล้ว อัตรานี้แตกต่างกันไปในแต่ละขั้นตอนของวงรอบ
โลกได้วิวัฒน์ผ่านวัฏจักรสุริยโคจร ขึ้น–ลง มาแล้วอย่างนับครั้งไม่ถ้วน แต่ละวงรอบวัฏจักรทั้งขาขึ้นและขาลงรวมเวลา 24,000 ปี (วัฏจักรขาขึ้นของยุควัตถุ [1,200] ยุคปรมาณู [2,400] ยุคจิต [3,600] ยุคจิตวิญญาณ [4,800] จากนั้นเป็นวัฏจักรขาลงซึ่งกินเวลาเท่ากัน เริ่มจาก 4,800 ของขาลงในยุคจิตวิญญาณ) จึงอาจพูดได้ว่าหนึ่งรอบวัฏจักรของอารยธรรมกินเวลา 24,000 ปี — ไต่ขึ้น 12,000 ปี และค่อย ๆ ลงอีก 12,000 ปี ยุคเจริญและยุคเสื่อมนี้ ไม่ได้วิวัฒน์เป็นวงกลมและไปจบลงที่จุดต่ำสุดเมื่อแรกเริ่มต้น แต่มันหมุนวน
ขณะที่การวิวัฒน์ของมนุษย์นั้นเป็นเส้นตรง มนุษย์ผู้มีชีวิตอยู่กับวัตถุ — คนที่มีชีวิต “ปกติ” ทั่ว ๆ ไป หลังจากร่อนเร่เวียนตายเวียนเกิดมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จะพบว่ายุคจิตวิญญาณในรอบ 24,000 ปีนี้เป็นฤกษ์ดีที่สุดของการเข้าถึงการหยั่งรู้ตน ช่วงที่มนุษย์ลงจากยุคจิตวิญญาณสู่ยุควัตถุ ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์โยคะเสื่อมลงและถูกลืม แต่ในเมื่อบรมวิญญาณทรงความนิรันดร์ โยคะอันเป็นศิลปะการนำรังสีวิญญาณที่แยกออกไปมารวมเข้ากับสุริยวิญญาณอันทรงฤทธิ์ จึงไม่มีวันเสื่อมสูญเช่นกัน
แม้ถูกกลบจนเกือบมิดในยุควัตถุ แต่โยคะศาสตร์ไม่อาจถูกทําลาย เพราะศาสตร์นี้เชื่อมโยงความจริงแท้ในตัวมนุษย์ เมื่อใดก็ตามเมื่อมนุษย์มีคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์แห่งชีวิตและรู้ตื่นอยู่กับจิตวิญญาณ เมื่อนั้นพระศิริแห่งพระเจ้าจะบันดาลให้เขาได้พบคุรุที่แท้ ผู้จะช่วยเขาให้รู้จักศิลปะการรวมกับพระเจ้า ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเกิดในภพชาติใด ๆ
จริงอยู่แม้แต่ละยุคจะมีลักษณะเด่นของตน เช่น ยุควัตถุ ยุคปรมาณู ยุคจิต หรือยุคจิตวิญญาณ แต่ยุคนั้น ๆ ก็ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ลักษณะนั้น ๆ เพียงอย่างเดียว มันยังมีคุณลักษณะของยุคอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นจิตวิญญาณจึงยังพัฒนาต่อไปในระดับหนึ่งได้แม้ในกาลียุคหรือยุควัตถุ
ปี 1951 ถือเป็นปีที่ผ่านยุควัตถุมาแล้ว กว่า 250 ปี)★ เมื่อหมุนขึ้นสู่ยุคปรมาณูครั้งใหม่นี้ โยคะศาสตร์ที่ไม่อาจทำลายได้รับการฟื้นฟูในฐานะ “กริยาโยคะ” โดยพระศิริแห่งมหาวตารบาบาจี, ศยาม จรัญ ลาหิริ มหัสยะ, สวามีศรียุกเตศวรและบรรดาศิษย์ของท่าน (บรรดามหาโยคีผู้ประเสริฐซึ่งเป็นศิษย์โดยตรงของท่านลาหิริ มหัสยะ คือ สวามีปราณพานันทะ, สวามีเกพลานันทะ, สวามีเกศพานันทะ, ปัญจานน ภัฏฏาจารย์, ราม โคปาล มูซุมดาร์ และ ภูเปนทรนาถ สันยาล ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนไว้ในอัตชีวประวัติของโยคี)
★ยุควัตถุที่เพิ่งผ่านพ้น เริ่มวัฏจักรขาลงเมื่อราว ๆ 700 ปีก่อนคริสตกาล และสิ้นยุคนั้นเมื่อเริ่มวัฏจักรขาขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1700
“คัมภีร์ฮินดูระบุว่า โลกยุคปัจจุบันอยู่ในช่วงกาลียุค ในวัฏจักรแห่งจักรวาล ซึ่งยาวนานกว่า วัฏจักร 24,000 ปี ที่ท่านศรียุกเตศวรได้ให้ความสนใจและคำนวณไว้มากนัก
คัมภีร์ฮินดูกล่าวว่า ยุควัตถุเริ่มต้นเมื่อปี 3,102 ก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นปีที่ทวาปรยุคที่แล้วเริ่มหมุนลง และเริ่มกาลียุคในวัฏจักรแห่งจักรวาลนี้ นักมานุษยวิทยาส่วนใหญ่เชื่อกันว่า เมื่อ 10,000 ปีก่อนมนุษย์อยู่กันอย่างป่าเถื่อนในยุคหิน พวกเขาตัดขนบประเพณีที่แพร่หลายของอารยธรรมโบราณของ เลอมูเรีย แอตแลนติส อินเดีย จีน ญี่ปุ่น อียิปต์ เม็กซิโก และดินแดนอื่น ๆ อีกมากมายทิ้งไปโดยไม่สนใจ โดยอ้างว่าเป็นเพียงตำนาน”
(อัตชีวประวัติของโยคี) อ่านเพิ่มเติมในบทที่ 8:17–19 หน้า 779
ผู้นําหน้ากว่าใคร ในบรรดาศิษย์ กริยาโยคะ ของท่านลาหิริ มหัสยะ คือท่านศรียุกเตศวรอาจารย์ของข้าพเจ้า เพราะท่านได้รับคัดเลือกจากบาบาจีให้เป็นผู้สืบสายศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเผยแผ่ไปสู่แดนด้าวทั่วโลก
จากการประสิทธิ์ประสาทผ่านพระคริสต์ กฤษณะ มหาวตารบาบาจี ลาหิริ มหัสยะ และสวามีศรียุกเตศวร ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นผู้เผยแผ่ศาสตร์แห่งกริยาโยคะไปทั่วโลก ด้วยการประสมประสานโยคะดั้งเดิมของภควันกฤษณะเข้ากับโยคะเดิมของพระคริสต์ ดังปรากฏในคําสอนของเชลฟ์ รีอะไลเซชั่น เฟลโลว์ชิพ★
★ด้วยแบบอย่างและพระศิริแห่งท่านมหาวตารบาบาจี (ผู้ซึ่งข้าพเจ้ารู้ตลอดเวลาว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ ภควันกฤษณะในบรมวิญญาณ) พระศิริแห่งพระคริสต์ คุรุของข้าพเจ้า และปรมคุรุ ข้าพเจ้าจึงถูกส่งตัวไปสู่โลกตะวันตก ดำเนินการก่อตั้งเซลฟ์ รีอะไลเซชั่น เฟลโลว์ชิพ เพื่อการอนุรักษ์และเผยแผ่ศาสตร์แห่ง กริยาโยคะ
ก่อนข้าพเจ้าเดินทางมาอเมริกาเมื่อปี 1920 มหาวตารบาบาจีได้ให้พรข้าพเจ้า และบอกข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าถูกเลือกเพื่อให้ทำหน้าที่นี้ “ฉันเลือกเธอให้ทำหน้าที่เผยแผ่ กริยาโยคะ ในโลกตะวันตก นานมาแล้วฉันได้พบยุกเตศวร คุรุของเธอที่กุมภเมลา ฉันได้บอกกับเขาว่าฉันจะส่งเธอไปให้เขาฝึกฝนอบรม”
แล้วท่านบาบาจยังได้พยากรณ์ต่อไปด้วยว่า “กริยาโยคะ ศาสตร์และเทคนิคการหยั่งรู้พระเจ้านี้จะแผ่ไพศาลสู่ดินแดนต่าง ๆ ช่วยให้ชาติทั้งหลายอยู่กันได้อย่างกลมกลืน ผ่านทาง การรับรู้ของปัจเจกชนว่าต่างมีพระบิดาผู้ทรงเป็นอนันตภาวะร่วมกัน”
เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของข้าพเจ้าคือ การชำระวิญญาณด้วยกริยาโยคะ ข้าพเจ้าไม่ได้เป็น เจ้าของศาสตร์นี้ กริยาโยคะเป็นศาสตร์แห่งพระเจ้าและของบรมครูผู้ส่งข้าพเจ้ามาที่นี่ และวิญญาณข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับพรให้เป็นช่องทางผ่านของศาสตร์นี้
ภควันกฤษณะเป็นแบบอย่างอันเลิศของโยคะในโลกตะวันออก ส่วนพระคริสต์นั้น พระเจ้าทรงเลือกท่านให้เป็นแบบอย่างในการรวมกับพระเจ้าสําหรับชาวตะวันตก มีหลักฐานชัดเจนเป็นสัญลักษณ์ลึกซึ้งในพระคริสตธรรมคัมภีร์บทวิวรณ์ที่ “พระเยซูคริสต์ทรงสําแดงแก่ยอห์น”★ ว่าพระเยซูทรง ราชโยคะ และทรงสอนเทคนิคการรวมวิญญาณกับบรมวิญญาณแก่สาวกของท่าน
★ยอห์นได้พูดถึง “ความลึกของดาวทั้งเจ็ดดวง” และ “คนประทีปทองคำทั้งเจ็ด” (วิวรณ์ 1:20) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึง ศูนย์แสง (จักระ) ทั้งเจ็ดในไขสันหลัง ภาพเร้นลับที่ยากจะเข้าใจในพระคัมภีร์ไบเบิลบทนี้ คืออุปมาอุปไมยการเปิดเผยความจริง ด้วยการเปิดศูนย์ชีวิตและจิตทั้งเจ็ดศูนย์ — “ม้วนหนังสือประทับตราเจ็ดดวง” (วิวรณ์ 5:1)
ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ในหนังสือ อัตชีวประวัติของโยคีว่า “บาบาจีรวมอยู่กับพระคริสต์ตลอดเวลา ท่านทั้งสองซึ่งรวมเป็นหนึ่งนี้ได้ส่งพลังสั่นสะเทือนเพื่อการพ้นบาป และได้สร้างเทคนิคทางจิตวิญญาณเพื่อการหลุดพ้นสำหรับยุคสมัยนี้... บาบารู้ดีว่ายุคใหม่นี้จะมีแนวโน้มอย่างไร โดยเฉพาะอิทธิพลและความซับซ้อนของอารยธรรมตะวันตก ท่านตระหนักถึงความจําเป็นที่ต้องเผยแผ่โยคะเพื่อการปลดปล่อยคนในโลกตะวันตกให้แพร่หลายพอ ๆ กับในโลกตะวันออก”
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา