10 ธ.ค. 2022 เวลา 12:19 • ประวัติศาสตร์
ชาวอียิปต์โบราณ ชนชาติแรกที่มีการเก็บภาษี!
“มีอยู่ 2 สิ่งบนโลกที่เรามิอาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือความตายและภาษี” วิวาทะอมตะจากเบนจามิน แฟรงคลินนี้ ฟังดูแล้วไม่เกินจริงมากเท่าใดนัก
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็ต้องจ่ายภาษีกันทั้งนั้น เพื่อให้รัฐบาลเก็บนำไปใช้จ่ายเพื่อบริหารประเทศ สร้างสวัสดิการ และความมั่นคงปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ให้ประชาชน
หากแต่มองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ แนวคิดภาษีไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ แต่เกิดขึ้นและถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของรัฐมาอย่างนมนานแล้ว
และอารยธรรมผู้ริเริ่มสร้างระบบภาษีขึ้นมาที่แรก ก็ไม่ใช่อารยธรรมไร้ชื่อ แต่เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่รุ่งโรจน์ที่สุดอารยธรรมหนึ่งแห่งยุคสมัย นั่นคือ “อารยธรรมอียิปต์โบราณ”
และเรื่องนี้เองเป็นเรื่องที่ Bnomics จะหยิบมาเล่าให้ทุกคนฟังในบทความนี้
🌟 ภาษีครั้งแรกของโลก
โลกสมัยใหม่มีวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีอย่างไร โลกอดีตในยุคอียิปต์โบราณก็มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกัน
หลักฐานการเก็บภาษีครั้งแรกของโลกเกิดขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงยุคแรกของราชวงศ์อียิปต์ ได้ปรากฎคำว่า “The Following of Horus” หรือ กลุ่มผู้ติดตามของเทพโฮรุส
(เทพแห่งแสงสว่างของชาวอียิปต์) ซึ่งใช้เรียกการเสด็จประพาสของฟาโรห์และผู้ติดตามคนอื่น โดยกลุ่มนี้มีหน้าที่ในการไปเก็บภาษีจากชาวบ้านเพื่อนำมาให้ฟาโรห์ในฐานะผู้ปกครองรัฐ
นอกจากนี้ ฟาโรห์ได้แต่งตั้ง “Vizier” หรือ ผู้ดูแลภาษี ซึ่งได้รับอำนาจจากฟาโรห์ในการดูแลทุกขั้นตอนของการจัดเก็บภาษีทั้งจัดเก็บและบันทึกข้อมูลทุกระเบียดนิ้วเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนได้จ่ายภาษีอย่างเรียบร้อย
เงินภาษีเหล่านี้จะถูกนำไปใช้จ่ายสำหรับการดูแลบ้านเมือง ป้องกันข้าศึกที่จะมาคุกคามเพื่อให้ชาวบ้านสามารถอยู่อาศัยและทำมาหากินได้อย่างสงบสุข หรือแม้แต่การสร้างพีระมิด อารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์ก็มาจากเงินภาษีของประชาชนชาวอียิปต์เช่นเดียวกัน
แต่เงินตราเพิ่งมามีหลังอารยธรรมอียิปต์โบราณหลายพันปี แล้วชาวอียิปต์ใช้อะไรในการจ่ายภาษีถ้าไม่ใช้เงิน?
คำตอบคือ “ผลผลิตการเกษตร” ในยุคที่ยังไม่มีเงินนั้น ชาวอียิปต์โบราณใช้ข้าวสาลี พืชผลการเกษตรต่าง ๆ ที่เก็บเกี่ยวได้ในแต่ละฤดูกาลจ่ายเป็นภาษี
นอกจากนี้ “วัวควาย” หรือ “แรงงานคน” ก็สามารถนำมาจ่ายภาษีได้เช่นเดียวกัน
โดยภาษีเหล่านี้ก็จะถูกนำเข้าคลังของฟาโรห์เพื่อนำไปจัดสรรและใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ เช่น แรงงานคนในการเข้าร่วมกองกำลังทหารเพื่อป้องกันศัตรูจากภายนอก หรือการนำพืชผลมาแจกจ่ายให้ประชาชนชาวอียิปต์ในช่วงที่เกิดภัยแล้งหรือมีความอดอยาก
แล้วการเก็บภาษีมันดีต่อประชาชนชาวอียิปต์จริงหรือ?
ในบันทึกของฮีโรโดตุส นักปรัชญาชาวกรีกสมัย 500 ปีก่อนคริสตกาล ได้กล่าวว่า “ชาวอียิปต์โบราณมีมาตรฐานการครองชีพที่ดี มีสุขภาพร่างกายที่ดีมากกว่าชาวอารยธรรมอื่น ๆ ที่เขาเคยเห็นมา”
ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า การเก็บภาษีมีประโยชน์ต่อชาวอียิปต์จริงๆ ก็เป็นได้
🌟 ระบบการเก็บภาษีของชาวอียิปต์โบราณ
ในช่วงแรกของราชวงศ์อียิปต์ (ปี 2649-2150 ก่อนคริสตกาล) การเก็บภาษีถูกจัดเก็บในระดับหมู่บ้านหรือเมืองโดยผู้รับผิดชอบคือ หัวหน้าหมู่บ้าน ที่คอยรวมผลผลิตของชาวบ้านและนำส่งให้เจ้าหน้าที่เก็บภาษี
ต่อมาในช่วงยุคกลางของอาณาจักรอียิปต์โบราณ (ปี 2030-1640 ก่อนคริสตกาล) เริ่มมีการจัดเก็บ “ภาษีส่วนบุคคล” เข้าแทนที่เป็นเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในเรื่องการสำรวจสำมะโนประชากรของชาวอียิปต์ ทำให้สามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีใครอาศัยอยู่บ้าง เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เท่าไหร่ ทำให้ชาวอียิปต์ทุกคนจะต้องจ่ายภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากที่กล่าวไปตอนแรกว่าชาวอียิปต์จ่ายภาษีด้วยผลผลิตทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ หากปีไหนเก็บเกี่ยวพืชผลได้เยอะ ชาวบ้านอาจต้องจ่ายภาษีสูงถึง 60% ต่อปี และการจะหลบเลี่ยงภาษีแทบเป็นไปไม่ได้เพราะพืชผลที่เก็บเกี่ยวมามีขนาดใหญ่และจำนวนเยอะเกินกว่าที่จะเอาไปหลบซ่อน โดยจะมีเสมียนคอยทำหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและจดบันทึกเพื่อให้แน่ใจว่าชาวบ้านจ่ายภาษีได้อย่างครบถ้วนตามแต่ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้
แล้วหากมีคนไม่จ่ายภาษี จะมีการลงโทษแบบในปัจจุบันไหม?
คำตอบคือ ในยุคอียิปต์โบราณมีการลงโทษคนไม่จ่ายภาษีและลงโทษหนักกว่าในยุคปัจจุบันเสียอีก โดยบทลงโทษจะรุนแรงมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนภาษีที่ต้องจ่าย
เช่น ในช่วงแรกที่การจัดเก็บภาษียังเป็นแบบหมู่บ้าน หากเมืองไหนขาดจ่ายการส่งภาษี หัวหน้าหมู่บ้านจะต้องถูกลงโทษอย่างร้ายแรงที่สุด โดยมีหลักฐานจากภาพวาดบนหลุมศพของหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังถูกเฆี่ยนตีอย่างหนักเพราะไม่จ่ายภาษี
เห็นได้ว่า นอกจากภาษีจะเป็นเรื่องสำคัญแล้ว ตำแหน่ง “เสมียนผู้เก็บภาษี” ก็สำคัญไม่แพ้กัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างมากในยุคนั้นเพราะสามารถลงโทษคนได้อย่างร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
การเก็บภาษีในอารยธรรมอียิปต์โบราณเป็นหนึ่งตัวอย่างของการใช้เครื่องมือภาษี เพื่อประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดของรัฐยุคนั้น
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป แนวคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์และการเก็บภาษีก็ถูกถกเถียงมาตลอด และก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและบริบทของแต่ละประเทศ
โดยในยุคปัจจุบัน กรอบความคิดสำคัญที่นำมาเลือกว่า รัฐใดควรเก็บภาษีแบบไหน และมากเท่าไร อาจจะสรุปออกได้มาเป็นคำ 3 คำ คือ การสร้างแรงจูงใจ การรวมศูนย์อำนาจ และการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
แต่ดังคำกล่าวของแฟรงคลินที่เรายกไปตอนต้น แม้แต่ละรัฐจะมีรูปแบบที่เหมาะสมของการเก็บภาษีต่างกันไซร้ แต่ทุกรัฐสมัยใหม่ล้วนเก็บภาษีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นสิ่งที่ไม่อาจหนีได้ ไม่ต่างจากความตายที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ…
ผู้เขียน: ขัตติยาภรณ์ ด้วงแก้ว Political Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
1
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา