31 ธ.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
ความหึงหวงมีประโยชน์อะไร?
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
นอกผนังกระจกร้านกาแฟเป็นลานสาธารณะ ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา ภายในร้านข้าพเจ้านั่งดื่มกาแฟกับ ดร. วดี เพื่อนเก่าสมัยมัธยม
ข้าพเจ้าพาภรรยามาช็อปปิ้ง และขอตัวมาฆ่าเวลาที่ร้านกาแฟ จนพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ หลังจากไม่ได้เจอกันมานานราวสามสิบปี
2
ดร. วดีเรียนจบชั้นมัธยมในเมืองไทยแล้วไปเรียนปริญญาตรีที่สหรัฐฯ หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่ยุโรป
"ตอนนี้ฉันตั้งรกรากที่อังกฤษ นี่กลับมาเยี่ยมน้องสาว จะบินกลับวันพรุ่งนี้"
"งั้นผมก็โชคดีมากที่เจอคุณวันนี้"
หลังจิบกาแฟครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าถามเธอ "คุณทำงานด้านไหนครับ?"
"พันธุกรรมศาสตร์"
"เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไหนหรือเปล่า?" ข้าพเจ้าถาม
"ด้านที่เกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์"
"มันเป็นยังไงครับ?" ข้าพเจ้าสงสัย
"ฉันจะอธิบายยังไงดีนะ..."
ดร. วดีนิ่งคิดครู่หนึ่ง เรามองออกนอกกระจกร้าน ที่ลานนั้น หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยคนหนึ่งเดินผ่านสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเหลียวมองสาวน้อย จนภรรยาดึงมือเขาไปหยิก
1
ดร. วดีถาม "รู้มั้ยว่าทำไมภรรยาจึงหยิกสามี?"
"เพราะเขาเหลือบดูหญิงอื่น เธอรู้สึกหึงหวง"
"ถ้าพูดตามสายวิชาของฉัน มันเป็นพฤติกรรมที่สืบทอดมาจากพันธุกรรม"
ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว "คุณกำลังบอกว่าความหึงหวงเป็นเรื่องพันธุกรรม? ผมคิดว่ามันเป็น byproduct ของการเป็นสัตว์สังคมเสียอีก"
1
"เราเชื่อว่าความหึงหวงน่าจะมีมาแล้วไม่น้อยกว่าล้านปีที่แอฟริกา เพราะเราก็พบพฤติกรรมแบบนี้ในสัตว์ที่อยู่เป็นคู่ ชะนีตัวผู้จะไล่ตัวผู้ตัวอื่นที่มาใกล้ตัวเมียของมัน เช่นกัน ชะนีตัวเมียก็ไล่ตัวเมียตัวอื่นที่มาใกล้คู่ของมัน นักวิทยาศาสตร์สายวิวัฒนาการเชื่อว่าความหึงหวงมีไว้เพื่อกระตุ้นสิ่งที่เรียกว่า mate guarding"
3
"อะไรคือ mate guarding?"
"ก็คือพฤติกรรมที่ต้องการรักษาโอกาสที่จะสืบสายพันธุ์ mate guarding มักเกี่ยวข้องกับการนอกใจ มันเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและหญิง mate guarding ไม่ได้เกิดกับมนุษย์เท่านั้น"
4
"คุณกำลังพูดถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ แต่ประเด็นของเราคือความหึงหวงที่เกี่ยวกับความรัก"
1
"มันเกี่ยวกันหมดแหละค่ะ ในวิวัฒนาการ เซ็กซ์ ความรัก ความหึงหวงมาด้วยกัน ดร. เดวิด บัสส์ นักจิตวิทยาวิวัฒนาการ มหาวิทยาลัยเท็กซัส จึงเขียนหนังสือชื่อ The Dangerous Passion: Why Jealousy Is as Necessary as Love and Hate เพราะความหึงหวงก็สำคัญพอกับความรักและความเกลียด"
3
"เท่าที่ผมรู้ ทุกอย่างในธรรมชาติมีเหตุผลของการดำรงอยู่ ถ้าความหึงหวงเป็นเรื่องพันธุกรรมอย่างที่คุณว่า มันมีประโยชน์อะไรในเชิงวิวัฒนาการ?"
3
"การที่คู่ของตนให้ความสนใจคนอื่นเป็น perceived danger เป็นภัยอย่างหนึ่งต่อชีวิตคู่ ที่แปลกก็คือ บางครั้งแม้ว่าไม่ได้รักคู่ครองของตน แต่ก็รู้สึกหึงหวงได้ นี่ก็ชี้ว่ามันน่าจะเป็นพันธุกรรม"
6
"ผมว่าความหึงหวงอาจจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองยังแคร์ ยังอยากดำเนินความสัมพันธ์ต่อไป เราจึงอาจใช้อาการหึงหวงเป็นมาตรวัดความรักหรือระดับความสัมพันธ์"
11
"ก็จริง แต่บางครั้งความหึงหวงก็มาพร้อมกับความโกรธ ความรุนแรง การทำร้ายกัน การหยิกที่เราเห็นเมื่อกี้ถือว่าเป็นอย่างเบา แต่ไม่ทุกคนในวงการเห็นด้วยว่ามันเป็นเรื่องยีนนะคะ มีงานวิจัยสองฝั่งคือ พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม..."
4
"ฝั่งที่เสนอว่าความหึงหวงเกิดจากพันธุกรรม เช่น งานวิจัยของทีม ดร. เดวิด บัสส์ เขาบอกว่าเพศผู้เพศเมียมีความหึงหวงทั้งคู่ แต่สาเหตุกระตุ้นอาจต่างกัน เขาว่าการนอกใจมีสองแบบคือ นอกใจทางเซ็กซ์กับนอกใจทางความรู้สึก เขาทำวิจัยโดยให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาเลือกจากสองทางเลือก โดยให้เลือกทางที่ทำให้กลุ้มใจน้อยกว่า"
"แปลว่าน่ากลุ้มใจทั้งสองทางเลือก?"
1
"ใช่ค่ะ สองทางนี้จึงตั้งชื่อตามหนังว่า Sophiežs Choice เคยดูหนังเรื่องนี้มั้ยคะ?"
"เคยดู หดหู่มาก เมอริล สตรีพ ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง แต่ทำไมตั้งชื่อว่า Sophie's Choice?"
"เพราะในเรื่องนี้ตัวละครต้องเลือกว่าเด็กคนไหนจะต้องตายในมือพวกนาซี บางทีก็เรียก forced-choice"
3
"แล้วทางเลือกทั้งสองคืออะไร?"
1
"ทางเลือก ก. คือคู่ของคุณมีเซ็กซ์กับคนอื่น ทางเลือก ข. คือคู่ของคุณมีความรู้สึกลึกซึ้งกับคนอื่น ก็คือรักคนอื่น"
1
"ทางเลือกแย่ทั้งคู่จริงด้วย"
4
"ผลการวิจัยนี้พบว่าผู้ชายรู้สึกหึงหวงเมื่อภรรยาของเขามีเซ็กซ์กับคนอื่น ขณะที่สำหรับผู้หญิง รู้สึกเป็นภัยมากกว่าหากสามีมีความรู้สึกลึกซึ้งกับคนอื่น ผู้หญิงส่วนใหญ่เห็นว่าการนอกใจทางความรู้สึกสร้างความทุกข์ให้มากกว่า"
5
ข้าพเจ้าสั่นศีรษะ
1
"ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่ง Sophiežs Choice แบบนี้นะ เพราะการนอกใจโดยมีแค่ความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งทางใจอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าดึงดูดใจ อย่างในหนังเรื่อง When Harry Met Sally ตัวละครแฮร์รีบอกแซลลีว่า ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะเซ็กซ์จะเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ"
2
ดร. วดีหัวเราะ "คุณก็อ้างชื่อหนังเหมือนกัน แต่นักสังคมวิทยาเชื่อว่าเป็นไปได้"
"แฮร์รีบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว มันอาจเหลือทางเลือกสองทางคือ หนึ่งเป็นเรื่องเซ็กซ์ล้วนๆ และสอง ความรักบวกเซ็กซ์ แต่มันต้องมีเซ็กซ์อยู่ในสมการด้วยเสมอ"
6
"ถ้าจะคุยประเด็นนี้คงคุยได้อีกนาน คุณรู้ไหมว่าความรักในมนุษย์เกิดมาได้ยังไง?"
2
ข้าพเจ้าหัวเราะ "อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องพันธุกรรม!"
"คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ก่อนที่จะเกิดยีน มันเกิดพฤติกรรมก่อน เมื่อกระทำซ้ำนานๆ ก็ถูกโปรแกรมในยีนโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างคือมนุษย์โฮโม ซาเปียนส์ กำเนิดที่แอฟริกา
5
เมื่ออพยพไปทั่วโลก ก็จะมีสีนัยน์ตาและสีผมต่างกันออกไป นัยน์ตาสีฟ้า ผมสีทองเกิดขึ้นจากการย้ายไปอยู่ที่สภาพแวดล้อมแบบหนึ่งซึ่งทำให้พวกเขาต้องมีนัยน์ตาสีฟ้า ผมสีทอง และกลายเป็นยีนสืบทอดถึงรุ่นลูกต่อไป...
1
"ยิ่งศึกษาเรื่องพันธุกรรม ก็ยิ่งต้องยอมรับว่า แทบทุกอย่างมันโยงกับยีน ฉันเชื่อว่าทุกอย่างของคนมักมีเหตุผลของวิวัฒนาการ ความหึงหวงมาจากธรรมชาติแน่ มันปรากฏทั่วโลกไมว่าวัฒนธรรมต่างกันอย่างไร"
2
"แล้วความรักมาได้ยังไง?"
"มีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายเรื่องนี้ ทฤษฎีหนึ่งบอกว่า ความรักเกิดขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของความอยู่รอดของสายพันธุ์ การดูแลเด็กที่เปราะบางต้องใช้พ่อกับแม่สองคนช่วยกัน ความรักจึงเป็นเรื่องจำเป็น
6
การไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัวตัวเอง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อความอยู่รอด
4
ดังนั้นจึงต้องมีกลไกช่วยคือความหึงหวง เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยทำให้ความรัก 'เข้าที่เข้าทาง' มันทำให้ฝ่ายหนึ่งสังเกตอีกฝ่ายหนึ่ง และปรามอีกฝ่าย เพื่อให้ความสัมพันธ์มั่นคงขึ้น ความหึงหวงจึงมีความสำคัญไม่แพ้ความรัก"
3
"แล้วมีทฤษฎีอื่นอีกไหม?"
1
"ทฤษฎีหนึ่งอิงเรื่องความอยู่รอด ไม่ใช่เพราะเรื่องรักพิศวาส แต่เป็นเรื่องอาหาร ผู้ชายไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตหาอาหารมาเพื่อเลี้ยงลูกของชายอื่น ผู้หญิงก็ไม่พอใจหากสามีมีคนอื่น เพราะจะแบ่งอาหารให้คนอื่น
3
เราต้องเข้าใจก่อนว่า ในโลกของวิวัฒนาการ เซ็กซ์หมายถึงการมีลูก และการเลี้ยงลูกใช้พลังงานมาก ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์เข้มแข็งมีโอกาสที่มีลูกมากกว่าผู้หญิงที่ไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้ ยีนที่ลดโอกาสที่คู่ของเธอไปยุ่งกับหญิงอื่นจึงเป็นยีนที่ต้องมีหรือสืบทอดต่อไป ก็คือความหึงหวง"
5
"น่าสนใจ เหตุผลพอรับฟังขึ้น"
1
"อีกทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า สายพันธุ์ส่วนใหญ่มีความเป็นเจ้าของพื้นที่ของตนเอง แต่ละคนมีข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เพื่ออยู่รอด ถ้าให้คนอื่นมาใช้ด้วย ข้าวของก็อาจหายไปได้"
2
"คำว่า 'ข้าวของ' รวมถึงคู่ของตนด้วยหรือ?"
"ค่ะ อีกทฤษฎีหนึ่งอิงกับเรื่องการสืบสายเลือด ในวิวัฒนาการและ Natural Selection ของมนุษย์ ยีนที่เพิ่มโอกาสที่ทำให้ผู้ชายลงทุนลงแรงในการเลี้ยงลูกตัวเองมากกว่าลูกคนอื่น เป็นยีนที่มีโอกาสสืบต่อมากกว่า
1
ยีนตัวหนึ่งก็คือความหึงหวง ความหึงหวงช่วยให้ฝ่ายชายแน่ใจได้ว่าลูกเป็นคนตนเอง ไม่ใช่ชายอื่น เพศเมียก็ต้องการให้แน่ใจว่าเพศชายไม่ไปสัมพันธ์กับคนอื่น ใช้พลังงานเพื่อเลี้ยงลูกตนเองอย่างเดียว...
1
"คำอธิบายเรื่องนี้คือ ขณะที่เพศหญิงรู้แน่ว่าลูกที่ออกจากท้องตนเป็นลูกของตนแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพศชายไม่สามารถแน่ใจอย่างนั้นได้ จึงต้องมีความหึงหวง ขณะเดียวกันนี่ก็อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ชายมีความโน้มเอียงในการแพร่พันธุ์ไปทั่ว เพื่อเพิ่มโอกาสการสืบทอดยีนของตน"
3
"ผมสงสัยว่าการนอกใจเกิดขึ้นถี่แค่ไหนในสายพันธุ์มนุษย์จนทำให้เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ?"
"มีงานวิจัยที่ประเมินตัวเลขเด็กที่เกิดมาโดยพ่อจริงเป็นคนละคนกับพ่อในสูติบัตรว่าอยู่ราว 10-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ตัวเลขการวิจัยนี้ก็ยังโต้แย้งกันอยู่"
1
"ฝั่งพันธุกรรมนอกจากงานของ ดร. บัสส์แล้ว ยังมีงานวิจัยของฟินแลนด์ซึ่งทดสอบกับฝาแฝดฟินแลนด์หลายพันคู่ ประเมินว่าความหึงหวงน่าจะเกี่ยวกับพันธุกรรมถึง 29 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ก็มีการวิจัยเรื่องยีนความหึงหวงในสวีเดน จากฝาแฝดสามพันคู่ พบว่าหนึ่งในสามของของความหึงหวงน่าจะเกิดมาจากยีน ทั้งหมดนี้เป็นงานวิจัยฝั่งพันธุกรรม"
1
"แล้วฝั่งที่ไม่เชื่อว่าพันธุกรรมหรือยีนเป็นต้นเหตุของความหึงหวง?"
"ฝั่งนี้ก็มีหลายเจ้าเช่นกัน เช่น งานวิจัยโดยทีมของ ดร. เดวิด เดอสตีโน มหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทอร์น เสนอว่าความหึงหวงเป็นผลจากสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ฝังมาในยีน
3
แม้ไม่ได้ปฏิเสธว่าวิวัฒนาการไม่ได้มีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์ แต่ไม่เห็นด้วยว่าความหึงหวงวิวัฒนาการต่างกันในชายกับหญิง ความหึงหวงอาจจะวิวัฒนาการในทั้งสองเพศเพื่อประโยชน์ที่เหมือนกัน เช่น ป้องกันความสัมพันธ์ทางสังคม...
1
"ทีมวิจัยอีกทีมหนึ่งจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ เชื่อว่าความหึงหวงมีแนวโน้มว่ามาจากประวัติความสัมพันธ์มากกว่าพันธุกรรม แต่ก็มีการค้นพบที่แปลกก็คือ คนที่ไม่แคร์ความสัมพันธ์กับคู่ของตน กลับแคร์เรื่องการที่คู่นอกใจ...
2
"อย่างไรก็ตามเราก็สรุปแบบฟันธงไม่ได้ทั้งสองฝั่ง เพราะพบว่าผลการวิจัยในสังคมอเมริกันกับยุโรปต่างกัน ในเอเชียก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายจีนรับไม่ได้กับที่คู่ของตนมีความรู้สึกลึกซึ้งกับชายอื่น เหนือนอกใจเพราะเซ็กซ์"
1
"ผมเคยอ่านเจอว่า ในสังคมบางเผ่า เช่น อินูอิต แห่งขั้วโลกเหนือ เมื่อมีแขกบุรุษมาเยือน เจ้าของบ้านอาจยอมมอบภรรยาคนหนึ่งไปนอนกับแขก เป็นวิถีชีวิตอย่างนั้น ในสังคมนั้น เซ็กซ์ก็เป็นแค่เซ็กซ์ เหมือนกินข้าว
7
บางสังคมมีธรรมเนียมให้สตรีพรหมจารีทุกคนต้องผ่านชายที่ทำหน้าที่เป็นครูสอนเรื่องเซ็กซ์ สังคมแบบนั้นมองเรื่องเซ็กซ์แตกต่างออกไปจากสังคมส่วนใหญ่ สองตัวอย่างนี้ชี้ว่าพฤติกรรมทางเซ็กซ์น่าจะเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมมากกว่าพันธุกรรม"
4
"ข้อเท็จจริงคือความหึงหวงก็ยังมีในสังคมพวกอินูอิต แม้พวกเขาจะยอมให้แขกนอนกับภรรยาตน แต่ก็ยังมีความหึงหวง และบางครั้งก็ลงเอยด้วยความรุนแรง"
1
"แล้วทำไมพวกเขาแชร์ภรรยาให้แขก?"
"มีคนวิเคราะห์ว่าเพราะหนึ่งพวกเขามองว่าผู้หญิงเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง นี่แสดงว่าสภาพสังคมก็ไม่อาจขวางยีน อย่างไรก็ตาม เราอาจไม่สามารถฟันธงว่ายีนอย่างเดียวมีบทบาท ทั้งยีนและสิ่งแวดล้อมก็ทำงานควบคู่กัน เราโตมายังไง ในครอบครัวแบบไหน คนรอบตัวเรามีนิสัยยังไง"
1
ข้าพเจ้าว่า "ไม่ว่าจะอิงงานวิจัยฝั่งพันธุกรรมหรือฝั่งสภาพแวดล้อม ความหึงหวงก็ดูเป็นปลายเหตุของปัญหา นั่นคือความหึงหวงไม่ได้แก้ไขปัญหาชีวิตคู่ สังคมยุคใหม่แตกต่างจากสังคมเมื่อห้าหมื่นปีก่อน มันมีปัจจัยต่างๆ มากมาย
2
โลกยุคนี้ก็ต่างจากโลกห้าหมื่นปีก่อน เรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นมหาศาล ด้วยจำนวนคนขนาดนี้ โอกาสที่ใครจะนอกใจได้มากกว่าในอดีตกาล มันต้องใช้กลไกมากกว่าศีลธรม กฎหมาย ค่านิยม"
3
"ท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาเรื่องความหึงหวง การนอกใจ ก็เป็นเพียงความพยายามที่จะเข้าใจชีวิตคู่ เพื่อที่เราจะมีความสุขด้วยกัน มีปัญหาน้อยที่สุด เพียงแต่พลังของยีนนั้น ปิดกั้นลำบาก เรามีศาสนา ศีลธรรมมาหลายพันปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คนประพฤติในกรอบมากกว่ายุคโบราณเท่าไร แต่อย่าเพิ่งซีเรียส ทั้งหมดนี้เป็นแค่ทฤษฎี"
4
ข้าพเจ้าลา ดร. วดีที่ร้านกาแฟ ข้าพเจ้าเดินไปที่จุดนัดพบกับภรรยาไม่ไกลออกไป
1
ภรรยาถาม "ผู้หญิงคนที่คุณคุยด้วยตั้งนานเป็นใคร?"
2
"เป็นเพื่อนเก่าจ้ะ พบกันโดยบังเอิญในร้าน"
2
"แล้วทำไมคุยกันนานขนาดนั้น?"
2
"ก็เราไม่ได้พบกันมาหลายสิบปีแล้ว พรุ่งนี้เธอกำลังจะกลับไปเมืองนอก และเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้วในชาตินี้"
4
"งั้นก็แล้วไป"
7
โชคดีไม่โดนหยิก
9

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา