30 ธ.ค. 2022 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
โกยาร์ด (Goyard) ค.ศ.1853
แบรนด์ที่ทำการตลาดแบบสุดโต่ง คือไม่มีการโปรโมทในทางไหนเลย
เราเชื่อว่าหลายๆท่านนั้น ก็อาจจะไม่ได้รู้จักกับแบรนด์ชื่อนี้มาก ด้วยความที่ตัวแบรนด์นั้นไม่เคยมีการให้โฆษณา ผ่านสื่อสักครั้งเดียว และไม่ได้มีงาน ที่เป็นการเปิดตัวสินค้า หรือจะเป็นงานแสดง Fashion show ก็ไม่ได้เคยจัดขึ้นสักครั้งเดียว
และก็ไม่ได้มีการจ้างให้เหล่าดารา เซเลปคนดังคนไหน มาใช้สินค้าอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ ไม่เคยมีการขาย หรือได้รับการ โปรโมททางออนไลน์เลยทั้งสิ้น ซึ่งทุกๆคนนั้น ก็อาจจะสงสัยว่า หากไม่เคยมีการ โปรโมทในทางใดเลย
ทำไมแบรนด์ถึงมีชื่อเสียง และเป็นแบรนด์สุดหรูระดับโลกได้ยังไง เพราะไม่ว่าจะผ่านเวลา มานานขนาดไหนก็ตามแต่ ก็ยังคงมีชื่อเสียงมาจนปัจจุบันนี้
โกยาร์ด (Goyard)
จุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจผลิตหีบหนังและบรรจุภัณฑ์ ภายใต้ชื่อ The House of Martin ซึ่งก่อตั้งใน ปี ค.ศ. 1792 โดย ปีแอร์ ฟรองซัวร์ มาติน (Pierre-François Martin) ในช่วงราวๆ ต้นศตวรรษที่ 19
ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของการผลิตหีบ ในยุคนั้นถือว่าสินค้าภายใต้ชื่อของ The House of Martin ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างมากในหมู่ชนชั้นสูงของฝรั่งเศส
ในปี ค.ศ. 1834 ก็ได้มีการย้ายร้านของเขาขึ้นมา ซึ่งมาติน ก็ได้ย้ายจาก 4, rue de Nueve de Capucines ที่ได้ไปที่ 347, rue Saint-Honoré ซึ่งสำหรับนโยบาย การที่เขาจะเปลี่ยนตัวเลขถนนในปีนั้น ซึ่งก็ได้ทำให้มาตินนั้นได้ ที่อยู่ของร้านใหม่ก็คือ 233, rue Saint-Honoré แถมเขาก็ยังเปิด ทำการมาจนถึงปัจจุบัน
Goyard’s flagship at 233 Rue Saint-Honoré
โดยสำหรับตัวของ มาตินเองนั้น เขาเองก็ได้มี เด็กสาวที่เขาเองได้ อุปการะคนนึงชื่อ พอลลีน วอร์ด (Pauline Ward) และเขาเองนั้นก็ได้ มีการที่จะจัดการให้ เธอนั้นได้มาแต่งงานกับ ลูกจ้างของเขาคนนึง
ที่มีชื่อว่าหลุยส์ เฮนรี่ โมเรล (Louis-Henri Morel) และได้มีการยกธุรกิจ The House of Martin ให้กับเธอและเขาเป็นสินสมรส
ซึ่งทาง หลุยส์ เฮนรี่ โมเรล ที่ได้มีการรับช่วง ในการบริหารต่อด้วยเขานั้น ก็ได้เดินตามรอยของมาตินเองด้วย แต่ในการบรอหารของเขานั้น ก็ได้มาชื่อร้านใหม่อย่าง “Maison Morel”
Chic du Chien boutique, at number 352 of the rue Saint-Honore in Paris
ในปี ค.ศ. 1845 ทางโมเรล ก็ได้มีการรับ ฟรองซัว โกยาร์ (François Goyard) ได้มาเป็นเด็กฝึกงาน โกยาร์ในวัย 17 ปี ได้รับการฝึกฝน เรียนรู้การทำหีบ เครื่องหนัง และกระเป๋า ทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของมาตินและโมเรล
จนเมื่อปี ค.ศ. 1852 หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของโมเรล โกยาร์ก็ได้รับช่วงบริหารงานต่อ โดยเปลี่ยนโฉมธุรกิจใหม่ทั้งหมด เขาบริหารงานอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ “House of Goyard” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1853 เป็นต้นมา
ปี ค.ศ. 1885 โกยาร์ที่ดูแลกิจการมาเป็นเวลา 32 ปี จึงส่งช่วงต่อให้กับลูกชายคนโตของเขา เอ็ดมอนด์ (Edmond) ซึ่งเอ็ดมอนด์ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนร้านค้า ที่ถนน Saint-Honoré ได้ก้าวเข้าสู่สถาบันชั้นนำ ที่ตัวเขานั้น
ได้มีลูกค้ามาเพิ่มมากขึ้น แถมเขาเองก้ได้มีการโปรโมท โดยเขาเอง ต้องการที่จะสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งเขานั้นได้เริ่มเข้าร่วมงานอย่าง World Expositions ต่างๆ
ผ้าใบ Goyardine
เขาก็ได้เริ่มที่จะ ทำการเปิดสาขาเพิ่มถึง 3 แห่ง ใน Monte-Carlo, Biarritz และ Bordeaux ซึ่งได้รวมถึงสำนักงานการค้า ในนิวยอร์คและลอนดอน ที่ได้ตั้งอยู่ ณ Mount Street ซึ่งก็ได้เป็นที่ตั้งของ Goyard Mayfair boutique สำหรับปัจจุบัน
ปี ค.ศ. 1892 ได้มีการออกแบบผ้าใบ Goyardine นั้นก็ได้ถือว่าเป็น การรปฏิวัติวงการผลิตหีบใส่ของ ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้นะ เพราะว่าสำหรับหีบใส่ของส่วนมากเลย ก็จะมีวัสดุที่ห่อหุ้ม ที่ได้ทำมาจาก ผ้าลินินธรรมดาเท่านั้น เพราะได้มีการทำผ้าใบแบบใหม่ โดยเขาเองนั้นก็จะมี วัสดุที่จะเป็นผ้า โดยจะมีการเคลือบผสมผ้าลินินและผ้าฝ้าย
จะทำให้มีน้ำหนักที่เบา ทนทาน สามารถกันน้ำได้ดี แถมก็ยังได้มีความคล้าย กับหนังแท้เป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับผ้าใบ Goyardine นั้นก็ได้เป็นมรดกตกทอดทางความรู้ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลโกยาร์เลยทีเดียว และความโดดเด่น
ที่อยู่บนผ้าใบ Goyardine นั้นก็คือลายเพ้นต์ที่จะเป็นจุดๆ โดยจะติดกันเรียง แถมยังเป็นรูปตัว “Y” ซึ่งจะเป็นตัวอักษร ที่จะอยู่ตรงกลางของชื่อตระกูลGoyard อีกด้วย
รายชื่อลูกค้าผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ
หลังจากการเปิดตัวผ้าใบ Goyardine ก็นับได้ว่าเป็นยุคทองของแบรนด์เลยทีเดียว เอ็ดมอนด์ วางแผนที่จะยกระดับแบรนด์ ด้วยการนำสินค้าไปออกโชว์และประกวดตามงาน World Expos ทั่วโลก
ปีค.ศ. 1900 เขาได้นำผลิตภัณฑ์ของ Goyard ที่มีชื่อในขณะนั้นไปจัดแสดง ประกอบด้วย หีบใส่ของ กระเป๋าเดินทาง Accessories ต่างๆ และได้รับเหรียญทองแดงกลับมา
ข้อแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ คือ Goyard ไม่มีสินค้าที่ออกเป็นซีซั่น สินค้าของแบรนด์จะเป็นสินค้าดั้งเดิม ที่สืบทอดมาจากตระกูล ทั้งงานฝีมือ และรูปแบบการขาย โดยจะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง, กระเป๋าและแอกเซสซอรี่, ออเดอร์พิเศษ และอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
Sir Arthur Conan Doyle’s custom Goyard trunk และ Chic du Chien คอลเลกชั่นสัตว์เลี้ยง
ปัจจุบัน ภายใต้การบริหารงานของครอบครัว Signoles แบรนด์ Goyard มีสาขาทั้งหมด 32 แห่งทั่วโลก ซึ่งยังคงไว้ซึ่งคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ปราศจากพันธนาการใดๆ ไม่ได้อยู่ใต้เครือแฟชั่นยักษ์ใหญ่ อย่าง LVMH หรือ Kering
ทุกวันนี้ โกยาร์ ยังคงความเป็นธุรกิจส่วนตัว ดำเนินธุรกิจตามเกมของตัวเอง หลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์ออกสื่อและไม่สนใจเทรนด์แฟชั่น แบรนด์ยังคงรักษารากฐานการผลิตทั้งฝีมือและทักษะที่เป็นมรดกสืบทอดมายังรุ่นสู่รุ่น
สินค้าทุกชิ้นของแบรนด์ จะผลิตจากประเทศฝรั่งเศสที่เดียวเท่านั้น ไม่มีการขยับขยายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่น เน้นการขายหน้าร้านอย่างเดียว ไม่มีการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา
ฌอง มิเเชล ซิกญอล (Jean-Michel Signoles) ได้ออกหนังสือพิเศษ โดยตีพิมพ์ออกเป็นจำนวน 233 เล่ม (ตามเลขที่ตั้งของร้าน)
สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด คงจะเป็นเพียงสีของผืนผ้าใบ ที่เพิ่มความหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกที่ไม่มีการเชื่อมโยงกับ e-commerce
เกร็ดความรู้ The Goyard book ราคาซื้อขายปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง $7,000 หรือประมาณ 212,000 บาท โดยเหลือตัวอย่างเพียงเล่มเดียว จัดแสดงอยู่ที่บูทีคของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 233 Rue Saint-Honoré เพียงเท่านั้น
รายได้
ปี 2000 1,400,000 ยูโร หรือประมาณ 55 ล้านบาท
ปี 2013 41,100,000 ยูโร หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นกว่า 2,800%
กำไร
ปี 2000 18,000 ยูโร หรือประมาณ 700,000 บาท
ปี 2013 12,800,000 ยูโร หรือประมาณ 500 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นกว่า 71,000%
1
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference โกยาร์ด (Goyard) :
โฆษณา