Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
1 ม.ค. 2023 เวลา 01:37 • ไลฟ์สไตล์
"ความทุกข์มีได้ ความพ้นทุกข์ก็มีได้ ขอให้รู้เหตุเท่านั้น"
" ... การที่เรามีสติ ดีหลายอย่าง
ทำให้ศีลของเราสมบูรณ์ขึ้น
ทำให้สมาธิของเราดีขึ้น
แล้วต่อไปสติ เราเจริญให้มาก ทำให้มาก
ปัญญามันจะเกิด
อย่างเราทำกรรมฐานไป เราจะเห็นจิต
ความสุขก็ไม่เที่ยง จิตทุกข์ก็ไม่เที่ยง
จิตดีก็ไม่เที่ยง จิตชั่วก็ไม่เที่ยง
จิตสงบก็ไม่เที่ยง จิตฟุ้งซ่านก็ไม่เที่ยง
จิตหลงไปคิดก็ไม่เที่ยง
จิตรู้สึกตัวก็ไม่เที่ยง
เฝ้ารู้เฝ้าดูไปเรื่อยๆ
สุดท้ายมันก็เข้าใจจิตอย่างแจ่มแจ้ง
จิตเองก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
มันก็จะปล่อยวาง
การปล่อยวางกาย ปล่อยวางจิตนั้น
ไม่มีใครสั่งให้จิตปล่อยวางได้
จิตมันปล่อยวางเอง
เมื่อศีล สมาธิ ปัญญาของมันสมบูรณ์
ศีล สมาธิ ปัญญา จะสมบูรณ์ได้
อาศัยสติเป็นเบื้องต้น
อาศัยความรู้เนื้อรู้ตัว สติสัมปชัญญะ
คอยรู้สึกตัวไว้ อย่าใจลอย ฟุ้งซ่านไปทั้งวัน
อาศัยธรรมะคู่นี้ แล้วศีล แล้วสมาธิ แล้วปัญญาของเราจะแก่รอบ
1
พอศีล สมาธิ ปัญญาของเรา แก่กล้าขึ้นมาแล้ว
จิตมันจะเห็นทุกข์เห็นโทษ
มันยึดอะไรมันก็ทุกข์เพราะอันนั้น
อย่างบางคนพระพุทธเจ้าท่านก็เคยสอน
มีนาก็ทุกข์เพราะนา ก็ห่วง กลัวคนอื่นเขาจะมารุกที่นาเรา
มีบ้านก็ทุกข์เพราะบ้าน เป็นห่วง
เดี๋ยวปลวกมันจะกิน เดี๋ยวธนาคารจะมายึด
มีรถยนต์ก็เป็นห่วงรถยนต์
มีลูกก็ห่วงลูก มีเมียก็ห่วงเมีย
มีพ่อมีแม่ก็ห่วงพ่อห่วงแม่
มีอะไรก็ทุกข์เพราะอันนั้นทั้งหมดเลย
เราค่อยๆ สังเกตตัวเองเรื่อยๆ ไป
ปัญญาของเราจะแก่กล้าเลย
ยึดอะไรก็ทุกข์เพราะอันนั้น
ยึดในร่างกาย เพราะร่างกายนี้
เรารู้สึกว่ามันคือตัวเราของเรา
ร่างกายมันแก่เราก็ทุกข์แล้ว ไม่อยากแก่
ร่างกายมันเจ็บ มันก็ทุกข์แล้ว
เพราะมันไม่อยากเจ็บ
ร่างกายมันตาย เราก็ทุกข์แล้วเพราะไม่อยากจะตาย
เวลาเราพลัดพรากจากคนที่เรารัก
จากสิ่งที่เรารัก มันก็ทุกข์
เราก็ไม่อยากพลัดพราก
เวลาเราเจอสิ่งที่เราเกลียด คนที่เราเกลียด
เราไม่อยากเจอ มันก็ยังเจอ
เราเรียนรู้ความจริง ไม่มีอะไรหรอก มีแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลย
อย่านึกว่าชีวิตเราไม่ทุกข์
นั่งอยู่นี่ก็ทุกข์ หนาวก็ทุกข์ ร้อนก็ทุกข์
หิวก็ทุกข์ กระหายน้ำก็ทุกข์
ปวดอึ ปวดฉี่ก็ทุกข์
นั่งนานก็ทุกข์ เมื่อย
ความทุกข์มันบีบคั้นเราอยู่ตลอดเวลาเลย
เฝ้ารู้ลงไป
ถ้าเราเห็นว่ากายนี้เป็นทุกข์
มีแต่ทุกข์ล้วนๆ ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
มันจะปล่อยวางกาย
ถ้าเราเห็นว่าจิตมันเป็นทุกข์ เพราะความไม่เที่ยง
เพราะถูกบีบคั้นให้แตกสลาย
เพราะบังคับไม่ได้
รู้อย่างนี้แจ่มแจ้ง มันจะปล่อยวางจิต
ตรงที่มันปล่อยวางจิตได้ ที่สุดของทุกข์อยู่ตรงนั้น
ฉะนั้นธรรมะยังมีอยู่
ผู้ปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ท่านก็ยังมีอยู่
แต่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ที่ภาวนา ที่หลวงพ่อเห็นตอนนี้ มีหลวงปู่สุจินต์
หลวงปู่สุจินต์มาบวชอยู่กับหลวงปู่ดูลย์ตั้งแต่ปี 2523 หลวงพ่อเจอท่านตั้งแต่ยุคแรกๆ แล้วภาวนาเห็นกันอยู่ นี้หลวงพ่อบวชช้า บวชช้าเพราะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่อยู่
เราลูกคนเดียว เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ พอพ่อแม่ไม่อยู่ มาบวช มาบวชแล้วตั้งอกตั้งภาวนาของเราไป
ความทุกข์มีได้ ความพ้นทุกข์ก็มีได้ ขอให้รู้เหตุเท่านั้น
เหตุของความทุกข์ก็คือ ความอยากนานาชนิด
เหตุของความพ้นทุกข์ คือจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง
ทำเหตุให้ดี เหตุชั่วเราก็ละเสีย เหตุดีเราก็เจริญเสีย
พระพุทธเจ้าถึงบอก “ทุกข์ให้รู้”
ทุกข์ให้รู้หมายถึงอย่างไร
กายนี้เป็นทุกข์ให้รู้ จิตใจนี้เป็นทุกข์ให้รู้
สมุทัยให้ละ คือความอยากทั้งหลายต้องละเสีย
อย่าไปตามใจกิเลส
แล้วก็นิโรธทำให้แจ้ง คือพระนิพพาน
ไม่ใช่ทำพระนิพพานให้เกิด
พระนิพพานไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ
พระนิพพานไม่เคยหายไปไหน
อยู่ที่ว่าเรามีคุณสมบัติพอไหม
จิตใจของเรายังถูกกิเลสครอบงำ
เราก็ไม่เห็นนิพพาน
ถ้าจิตใจของเราพ้นจากกิเลส เราก็เห็นนิพพาน
แล้วเราก็มีเจริญมรรค ท่านบอกให้เจริญมรรค
หลวงปู่ดูลย์บอก จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งคือตัวมรรค
มรรคนี้ให้เจริญ ทุกข์ให้รู้ สมุทัยคือความอยาก ให้ละ
นิโรธคือนิพพาน ทำให้เข้าใจ ทำให้แจ้ง
แล้วมรรคทำให้เจริญ
รู้ทันจิตตัวเอง แล้วศีล สมาธิ ปัญญาจะสมบูรณ์ขึ้น
ฉะนั้นองค์มรรคจะมี 8 ตัว
ย่อลงมาก็คือศีล สมาธิ ปัญญา มันจะสมบูรณ์ได้
ถ้าเรามีสติรู้ทันจิตตัวเอง
มีสติรู้ทันจิตตัวเอง ศีลจะสมบูรณ์ขึ้นมา
มีสติรู้ทันจิตตัวเอง สมาธิจะสมบูรณ์ขึ้นมา
มีสติรู้ทันจิตตนเอง ปัญญาจะสมบูรณ์ขึ้นมา
เมื่อปัญญาสมบูรณ์แล้ว มรรคผลจะเกิดขึ้นเอง
ฉะนั้นเราอย่านึกว่าเราบวชไม่กี่วัน ไม่มีประโยชน์เท่าไร อย่าบวชเปลืองผ้าเหลือง บวชแล้วจะบวชกี่วันก็ตาม พยายามมีสติรักษาจิตไว้ แล้วเราจะได้กำไรของชีวิตอย่างมหาศาลเลย
โยมมาอยู่วัดก็เหมือนกัน มาจำศีล มาอะไรอย่างนี้ มาแล้วใจเราก็ฟุ้งกลับบ้าน ใจมันหนีกลับบ้านบ้าง หนีไปเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้าง อันนั้นเราไม่ได้บุญหรอก ไม่ได้ประโยชน์เท่าไรหรอก
ฉะนั้นเราพยายามมีสติรักษาจิตของตัวเองไว้ แล้วเราจะได้บุญใหญ่ บุญจากการบวชมันก็ดี ได้บารมี ได้เนกขัมมะ อดข้าวเย็น นอน ที่นั่ง ที่นอนไม่ได้สบาย ก็เป็นการออกจากกามอย่างหนึ่ง เป็นการฝึก ก็ดี มีประโยชน์
อดข้าวเย็นก็เป็นการฝึกตัวเอง ก็มีประโยชน์ แต่เรายังไม่ได้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุด ประโยชน์ที่สูงสุดนั้น ก็คือมรรคผลนิพพาน
ฉะนั้นมีสติรักษาจิตไว้ อย่านึกว่าไกล หลวงพ่อมาเรียนกับหลวงปู่ดูลย์ เมื่อ 40 ปีก่อนนั้น หลวงพ่อพบนักปฏิบัติจำนวนมากเลย ทั้งพระ ทั้งโยม ภาวนาเก่ง
โยมบางคนภาวนา ตายไปเผาออกมากระดูกเป็นแก้วเลย กระดูกเป็นพระธาตุเลย ฆราวาสนี้ล่ะ ก็รักษาศีล 5 นี้ล่ะ พอภาวนาดีๆ ขึ้นมาแกถือศีล 8 อัตโนมัติ
ฉะนั้นเราอย่านึกว่ามันเหลือวิสัย ขอให้ตั้งใจให้จริง แล้วก็ตั้งอกตั้งใจเรียนรู้ตัวเองให้มาก คอยรู้เท่าทันจิตของตัวเองไว้
ฝึกตัวเองทุกวัน ไหว้พระ สวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรมอะไรก็ทำไปเถอะ แต่คอยรู้ทันจิตไว้
หายใจไปจิตหนีไปคิดแล้วรู้
จิตหนีไปคิดแล้วรู้ ฝึกอย่างนี้
ต่อไปจิตจะสุข จะทุกข์ จะดี จะชั่ว มันรู้หมดเลย
แล้วศีล สมาธิ ปัญญา จะค่อยๆ แก่กล้าขึ้น
1
ถ้าศีล สมาธิ ปัญญา สมบูรณ์เมื่อไร
อริยมรรคจะเกิดขึ้นเอง
ฉะนั้นมันไม่เหลือวิสัย
เอ้า วันนี้หลวงพ่อเทศน์ให้พวกเราฟังแค่นี้ เทศน์ไม่ยาว แต่ถ้าเอาไปปฏิบัติ นานเลย เป็นปีๆ เลย ต้องสู้
ขอให้พวกเรามีความสุข ให้พวกเราเจริญในธรรม เราอยากเจริญในธรรม เราก็ต้องปฏิบัติธรรม อยู่ๆ หลวงพ่อให้เจริญในธรรม มันเจริญไม่ได้
ถ้าเราไม่ทำเอาเอง หลวงพ่อบอกให้พวกเรามีความสุข ถ้าเราไปทำเหตุของทุกข์ เราก็ไม่สุขหรอก เราก็ต้องทำเหตุที่ดี ลดละกิเลสไป
ถ้าทำเหตุดีเดี๋ยวเราก็สุขเองล่ะ ฉะนั้นส่วนใหญ่ให้พรกัน บอกให้มีความสุข ให้มีความเจริญ ล้วนแต่ต้องทำเอาเองทั้งสิ้น ใครก็ให้กันไม่ได้หรอก ความดี ความสุข ต้องทำเอาเอง
ฉะนั้นสิ่งที่หลวงพ่อให้พวกเราวันนี้ คือวิธีปฏิบัติ คือวิธี ฉะนั้นพวกเราก็รู้วิธีแล้ว ลงมือทำ เหมือนที่เมื่อ 40 ปีก่อน หลวงพ่อมาเรียนกับหลวงปู่ดูลย์ ท่านสอนวิธีให้หลวงพ่อ
ท่านบอกให้ดูจิตตัวเอง ท่านสอนวิธีแล้ว หลวงพ่อก็ไปลงมือทำ ก็ไม่สงสัย ก็ไม่สงสัยว่าศาสนาพุทธเป็นอย่างไร ไม่สงสัย
ฉะนั้นขอให้พวกเรามีความสุข มีความเจริญ
ด้วยการกระทำที่ดีของเราเอง
ด้วยการงดการกระทำที่ไม่ดี
ด้วยการเจริญการกระทำที่ดีไว้
แล้วชีวิตของเราจะดี ทั้งทางโลก ทั้งทางธรรม ..."
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
อุทยานธรรมหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
23 ธันวาคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.dhamma.com/how-to-practice-dhamma/
เรียนรู้เพิ่มเติม
dhamma.com
วิธีปฏิบัติ
เฝ้ารู้ลงไป ถ้าเราเห็นว่าจิตมันเป็นทุกข์ รู้อย่างนี้แจ่มแจ้ง มันจะปล่อยวางจิต ตรงที่มันปล่อยวางจิตได้ ที่สุดของทุกข์อยู่ตรงนั้น
Photo by : Undplash
5 บันทึก
9
5
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อ่านธรรม : อ่านใจ
5
9
5
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย