8 ม.ค. 2023 เวลา 07:46 • ไลฟ์สไตล์
๏ ปริเฉทที่ ๒๓ (ตอน ๒)
เทศนาปริวรรต
เสด็จดาวดึงส์โปรดพระพุทธมารดา
**********
~ พระศาสดาเสด็จไปโปรดพระมารดาชั้นดาวดึงส์ ~
ลำดับนั้น พระศาสดาประทับนั่งในท่ามกลางเทวบริษัท
ทรงปรารภพระมารดาเริ่มตั้งอภิธรรมปิฎกว่า
"กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา"
ดังนี้เป็นต้น.
ทรงแสดงอภิธรรมปิฎกโดยนัยนี้
เรื่อยไปตลอด ๓ เดือน.
ก็แลทรงแสดงธรรมอยู่ ในเวลาภิกษาจาร
ทรงนิรมิตพระพุทธนิรมิต ด้วยทรงอธิษฐานว่า
"พุทธนิรมิตนี้จงแสดงธรรมชื่อเท่านี้ จนกว่าเราจะมา"
แล้วเสด็จไปป่าหิมพานต์ ทรงเคี้ยวไม้สีฟันชื่อ "นาคลตา"
บ้วนพระโอษฐ์ที่สระอโนดาต นำบิณฑบาตมาแต่อุตตรกุรุทวีป
ได้ประทับนั่งทำภัตกิจในโรงกว้างใหญ่แล้ว.
พระสารีบุตรเถระไปทำวัตรแด่พระศาสดาในที่นั้น.
พระศาสดาทรงทำภัตกิจแล้ว ตรัสแก่พระเถระว่า
"สารีบุตร วันนี้เราภาษิตธรรมชื่อเท่านี้,
เธอจงบอกแก่ (ภิกษุ ๕๐๐) นิสิตของตน."
ได้ทราบว่า กุลบุตร ๕๐๐ เลื่อมใสยมกปาฏิหาริย์
บวชแล้วในสำนักของพระเถระ.
พระศาสดาตรัสแล้วอย่างนั้นทรงหมายเอาภิกษุเหล่านั้น.
ก็แลครั้นตรัสแล้ว เสด็จไปสู่เทวโลก ทรงแสดงธรรมเอง
ต่อจากที่พระพุทธนิรมิตแสดง.
แม้พระเถระก็ไปแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น.
ภิกษุเหล่านั้น เมื่อพระศาสดาเสด็จอยู่ในเทวโลกนั้นแล
ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ แล้ว.
**********
~ ค้างคาวหนูฟังอภิธรรม ~
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป
ภิกษุเหล่านั้นเป็นค้างคาวหนู ห้อยอยู่ที่เงื้อมแห่งหนึ่ง
เมื่อพระเถระ ๒ รูป จงกรมแล้วท่องอภิธรรมอยู่,
ได้ฟังถือเอานิมิตในเสียงแล้ว,
ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า "เหล่านี้ ชื่อว่าขันธ์, เหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ"
ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น
จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก
เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง
จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในเรือนตระกูลในกรุงสาวัตถี
เกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์
บวชในสำนักของพระเถระแล้ว
ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อนกว่าภิกษุทั้งปวง.
**********
~ พระมหามายาบรรลุโสดาปัตติผล ~
แม้พระศาสดาก็ทรงแสดง "อภิธรรม" โดยทำนองนั้นแล
ตลอด ๓ เดือนนั้น.
ในกาลจบเทศนา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่เทวดา ๘ หมื่นโกฏิ.
แม้พระมหามายาก็ตั้งอยู่แล้วในโสดาปัตติผล.
**********
~ พระโมคคัลลานเถระขึ้นไปทูลถามข่าวเสด็จลง ~
บริษัทมีปริมณฑล ๓๖ โยชน์ แม้นั้นแล คิดว่า
"แต่บัดนี้ไปในวันที่ ๗ จักเป็นวันมหาปวารณา"
แล้วเข้าไปหาพระมหาโมคคัลลานเถระ กล่าวว่า
"ท่านเจ้าข้า ควรจะทราบวันเสด็จลงของพระศาสดา,
เพราะข้าพเจ้าทั้งหลาย ไม่เห็นพระศาสดาแล้ว จักไม่ไป."
ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ฟังถ้อยคำนั้นแล้วรับว่า
"ดีละ" แล้วดำลงในแผ่นดินตรงนั้นเอง
อธิษฐานว่า "บริษัทจงเห็นเรา ผู้ไปถึงเชิงเขาสิเนรุแล้วขึ้นไปอยู่"
มีรูปปรากฏดุจด้ายกัมพลเหลืองที่ร้อยไว้ในแก้วมณีเทียว
ขึ้นไปแล้วโดยท่ามกลางเขาสิเนรุ. แม้พวกมนุษย์ก็แลเห็นท่านว่า
"ขึ้นไปแล้ว ๑ โยชน์ ขึ้นไปแล้ว ๒ โยชน์" เป็นต้น,
แม้พระเถระขึ้นไปถวายบังคมพระบาทยุคลของพระศาสดา
ดุจเทินไว้ด้วยเศียรเกล้า กราบทูลอย่างนี้ว่า
"พระเจ้าข้า บริษัทประสงค์จะเฝ้าพระองค์ก่อนแล้วไป,
พระองค์จักเสด็จลงเมื่อไร ?"
พระศาสดา. "โมคคัลลานะ ก็สารีบุตร พี่ของเธอ อยู่ที่ไหน."
โมคคัลลานะ "พระเจ้าข้า ท่านจำพรรษาอยู่ ในสังกัสสนคร."
พระศาสดา. "โมคคัลลานะ ในวันที่ ๗ แต่วันนี้ (ไป)
เราจักลงที่ประตูเมืองสังกัสสะ ในวันมหาปวารณา,
ผู้ใคร่จะพบเราก็จงไปที่นั้นเถิด; "
ก็แลสังกัสสนครจากกรุงสาวัตถี มีประมาณ ๓๐ โยชน์,
ในทางเท่านั้นกิจที่จะต้องเตรียมเสบียง ย่อมไม่มีแก่ใครๆ,
เธอพึงบอกแก่คนเหล่านั้นว่า
‘ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้รักษาอุโบสถไป
ดุจไปสู่วิหารใกล้เพื่อฟังธรรมเถิด.’
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา