21 ม.ค. 2023 เวลา 05:25 • ไลฟ์สไตล์

๏ ปริเฉทที่ ๒๕ (ตอน ๒)

อัครสาวกนิพพานปริวรรต
พระโมคคัลลานะปรินิพพาน
**********
พระมหาโมคคัลลานะ
ปรารภการนิพพานของพระสารีบุตรเถระ
เป็นเหตุ จึงกล่าวคาถาขึ้น ๔ คาถา ความว่า
"เมื่อท่านพระสารีบุตรเถระ
ผู้เพียบพร้อมไปด้วยอุฏฐานะเป็นอันมาก
มีศีลสังวรเป็นต้น นิพพานไปแล้ว
ก็เกิดเหตุน่าสะพึงกลัว ขนพองสยองเกล้า"
"สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป
เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ความที่สังขารเหล่านั้น สงบระงับเป็นสุข"
"ชนเหล่าใดพิจารณาเห็นเบญจขันธ์
โดยความเป็นของแปรปรวน และโดยไม่ใช่ตัวตน
ชนเหล่านั้นชื่อว่าแทงตลอดธรรมอันละเอียด
เหมือนนายขมังธนูยิงขนทรายจามรีถูกด้วยลูกศรฉะนั้น"
"อนึ่ง ชนผู้มีความเพียรเหล่าใด พิจารณาเห็นสังขารทั้งหลาย
โดยความเป็นของแปรปรวนและโดยไม่ใช่ตัวตน
ชนผู้มีความเพียรเหล่านั้น ชื่อว่าแทงตลอดธรรมอันละเอียด
เหมือนนายขมังธนูยิงขนทรายจามรีถูกด้วยลูกศรฉะนั้น"
**********
~ เดียรถีย์จ้างโจร ฆ่าพระโมคคัลลานะ ~
สมัยหนึ่ง พวกเดียรถีย์ประชุมกันปรึกษากันว่า
"อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านรู้ไหม เพราะเหตุไร
ลาภสักการะจึงบังเกิดมากมายแก่พระสมโคดม"
พวกเดียรถีย์กล่าวว่า
"พวกเราไม่รู้ ก็ท่านเล่า ไม่รู้หรือ ?"
พวกเดียรถีย์กล่าวว่า "เออ เรารู้"
"ลาภสักการะเกิดขึ้น เพราะอาศัยภิกษุรูปหนึ่งชื่อโมคคัลลานะ"
ด้วยว่าพระโมคคัลลานะนั้นไปยังเทวโลก
ถามถึงกรรมที่เหล่าเทวดากระทำ แล้วกลับมาบอกแก่พวกมนุษย์ว่า
พวกเขาทำกรรมชื่อนี้ จึงได้สมบัติเห็นปานนี้
และถามกรรมแม้ของพวกที่เกิดในนรก แล้วกลับมาบอกแก่พวกมนุษย์ว่า
พวกเขาทำกรรมชื่อนี้จึงได้เสวยทุกข์เห็นปานนี้.
มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังถ้อยคำของพระมหาโมคคัลลานะแล้ว
จึงนำไปเฉพาะซึ่งลาภสักการะใหญ่.
เดียรถีย์ทั้งหมด ได้มีฉันทะเป็นอย่างเดียวกันว่า
"ถ้าพวกเราอาจฆ่าพระโมคคัลลานะนั้น
ลาภสักการะนั้นจักบังเกิดแก่พวกเรา
อุบายนี้มีประโยชน์"
แล้วคิดกันว่า "พวกเราจักกระทำอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ฆ่าพระโมคคัลลานะนั้นเสีย"
จึงชักชวนพวกอุปัฏฐากของตน ได้กหาปณะหนึ่งพัน
แล้วให้เรียกโจรนักฆ่าคนมาแล้วพูดว่า
ชื่อว่าพระมหาโมคคัลลานเถระ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นสมณโคดม อยู่ ณ กาฬศิลาประเทศ
ท่านจงไป ณ ที่นั้น แล้วฆ่าพระโมคคัลลานะนั้นเสีย
ครั้นกล่าวแล้วได้ให้กหาปณะหนึ่งพันนั้นแก่โจรเหล่านั้น.
**********
พวกโจรรับคำเพราะได้ทรัพย์ พากันกล่าวว่า
พวกเราจักฆ่าพระเถระ จึงไปล้อมสถานที่อยู่ของพระเถระนั้น.
พระเถระรู้ว่าพวกโจรเหล่านั้นล้อมตนอยู่ จึงหนีออกไปทางช่องกุญแจ.
พวกโจรไม่เห็นพระเถระในวันนั้น
จึงพากันล้อมสถานที่อยู่ข้องพระเถระนั้นในวันรุ่งขึ้น.
พระเถระรู้แล้วจึงทำลายมณฑลช่อฟ้าแล้วเหาะไป.
เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกโจรเหล่านั้นจึงไม่อาจจับพระเถระ
ทั้งในเดือนต้นและเดือนกลาง
แต่เมื่อถึงเดือนหลัง
พระเถระรู้ว่ากรรมที่ตนกระทำไว้ชักพามา จึงไม่หลบหนี.
พวกโจรประหารพระเถระ ทุบทำลายการทำกระดูกทั้งหลาย
ให้มีขนาดเมล็ดข้าวสารเป็นประมาณ.
ทีนั้น พวกโจรสำคัญพระเถระนั้นว่าตายแล้ว
จึงโยนไปบนหลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง แล้วพากันหลีกไป.
**********
พระเถระคิดว่า เราจักเฝ้าพระศาสดาถวายบังคมแล้วทีเดียวจึงจักปรินิพพาน
แล้วประสานอัตภาพด้วยเครื่องประสานคือฌาน
แล้วเหาะไปยังสำนักของพระศาสดา
ถวายบังคมพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักปรินิพพาน"
พระศาสดาตรัสว่า "เธอจักปรินิพพานหรือโมคคัลลานะ"
พระเถระกราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ"
พระศาสดา. "เธอจักไปปรินิพพานที่ไหน"
พระเถระ. "จะไปยังกาฬศิลาประเทศ พระเจ้าข้า"
พระศาสดา. "โมคคัลลานะ ถ้าอย่างนั้น เธอกล่าวธรรมแก่เราแล้วจงไปเถิด"
"เพราะตั้งแต่บัดนี้ไป เราจะไม่มีการเห็นสาวกเช่นท่าน (อีกต่อไป)"
พระเถระกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์จักทำอย่างนั้น พระเจ้าข้า"
แล้วถวายบังคมพระศาสดา เหาะขึ้นสู่อากาศ
กระทำฤทธิ์มีประการต่างๆ เหมือนพระสารีบุตรเถระ
กระทำในวันปรินิพพาน แล้วกล่าวธรรม ถวายบังคมลาพระศาสดา
ไปยังกาฬศิลาประเทศแล้วปรินิพพาน.
**********
~ พวกโจร และ สมณะเปลือย ถูกประหาร ~
เรื่องราวนี้ว่า เขาว่า พวกโจรฆ่าพระเถระ ดังนี้
ได้แพร่สะพัดไปในชมพูทวีปทั้งสิ้น.
พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทรงประกอบพวกจารบุรุษ
เพื่อให้แสวงหาพวกโจร. เมื่อโจรเหล่านั้นดื่มสุราในโรงดื่มสุราอยู่เมาเหล้า
โจรคนหนึ่งประหาร(ผลัก) หลังของโจรคนหนึ่งให้ล้มลงไป.
โจรคนนั้นเมื่อจะคุกคามโจรที่ประหาร (ผลัก) ตนนั้น
จึงกล่าวว่า "แน่ะเจ้าคนแนะนำยาก"
"เหตุไร เจ้าจึงประหาร (ผลัก) หลังของเราทำให้ล้มลง"
"เฮ้ย! เจ้าโจรร้าย ก็พระมหาโมคคัลลานเถระน่ะ เจ้าประหารก่อนหรือ.
โจรผู้ประหารกล่าวว่า ก็เจ้าไม่รู้ว่าข้าประหารก่อนหรือ"
เมื่อโจรเหล่านั้นพูดกันอยู่อย่างนี้ว่า ข้าประหาร, ข้าประหาร ดังนี้
จารบุรุษเหล่านั้นได้ฟังแล้วจึงจับโจรเหล่านั้นทั้งหมด
แล้วกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ.
พระราชารับสั่งให้เรียกโจรเหล่านั้นมา
แล้วตรัสถามว่า "พวกเจ้าฆ่าพระเถระหรือ?"
พวกโจรกราบทูลว่า "พระเจ้าข้า"
ข้าแต่สมมติเทพ.
พระราชา. "ใครส่งพวกเจ้ามา"
พวกโจร. "พวกสมณะเปลือย (อเจลก) พระเจ้าข้า"
พระราชารับสั่งให้จับพวกสมณะเปลือยทั้ง ๕๐๐ คน
แล้วให้ฝังในหลุมประมาณเพียงสะดือที่ท้องสนามหลวง
พร้อมกับพวกโจรทั้ง ๕๐๐ คน แล้วให้เอาฟางสุมแล้วให้จุดไฟ.
ครั้นทรงทราบว่า คนเหล่านั้นถูกเผาแล้วให้เอาไถเหล็กไถ
ให้ทำคนทั้งหมดให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่.
**********
~ เหมาะสมแท้ แก่กรรมที่ทำไว้ในชาติก่อน ~
ในกาลนั้น ภิกษุทั้งหลายสั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า
พระมหาโมคคัลลานเถระถึงแก่ความตายไม่เหมาะสมแก่ตน.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไร ? "
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ความตายของโมคคัลลานะ
ไม่เหมาะสมแก่อัตภาพนี้เท่านั้น
แต่เหมาะสมแท้แก่กรรมที่โมคคัลลานะนั้นทำไว้ในชาติก่อน"
อันภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็บุรพกรรมของพระเถระนั้นเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า"
จึงตรัสบุรพกรรมนั้นโดยพิสดารว่า :-
**********
~ บุรพกรรมพระโมคคัลลานะ ~
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล
มีกุลบุตรคนหนึ่งในนครพาราณสี
กระทำการงานมีการซ้อมข้าวและหุงข้าวเป็นต้นด้วยตนเอง
ปฏิบัติบิดามารดา.
ทีนั้น บิดามารดาของเขาจึงกล่าวว่า
ลูกเอ๋ย เจ้าผู้เดียวกระทำการงานทั้งในบ้านและในป่าลำบาก
เราจักนำนางกุมาริกาคนหนึ่งมาให้เจ้า
แม้ถูกกุลบุตรนั้นห้ามว่า ข้าแต่คุณพ่อและคุณแม่
ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ตราบใด ลูกจักบำรุงคุณพ่อและคุณแม่
ด้วยมือของตนเองตราบนั้น
ดังนี้ ก็ยังอ้อนวอนอยู่แล้ว ๆ เล่า ๆ แล้วนำนางกุมาริกามาให้.
กุมาริกานั้นบำรุงบิดามารดาของเขาได้ ๒-๓ วันเท่านั้น
ภายหลังไม่ปรารถนาแม้จะเห็นคนทั้งสองนั้น
จึงยกโทษว่า ดิฉันไม่อาจอยู่ในที่เดียวกันกับบิดามารดาของท่าน
เมื่อกุลบุตรนั้นไม่เชื่อถือถ้อยคำของตน
ในเวลาเขาออกไปข้างนอก
จึงเอาชิ้นเปลือกปอและฟองข้าวยาคูมาโรยในที่นั้น ๆ
อันกุลบุตรนั้นมาแล้วถามว่า นี้อะไรกัน นางจึงกล่าวว่า
"นี่เป็นกรรมของคนทั้งแก่ทั้งบอดเหล่านี้
เขาเที่ยวกระทำให้สกปรกไปทั่วเรือน
ฉันไม่อาจอยู่ในที่เดียวกันกับคนเหล่านี้"
เมื่อนางกล่าวอยู่บ่อยๆ อย่างนี้
(เมื่อนางใส่ร้าย กล่าวหา อยู่บ่อยๆ)
สัตว์ผู้ได้บำเพ็ญบารมีมาแล้ว
แม้เห็นปานนี้ ก็แตกกับบิดามารดา.
กุลบุตรนั้นจึงกล่าวว่า
"ช่างเถอะ เราจักรู้กรรมที่จะทำ แก่คนเหล่านั้น"
(คิดวางแผน ฆ่าพ่อแม่)
จึงให้บิดามารดาบริโภคแล้วกล่าวว่า
"ข้าแต่คุณพ่อคุณแม่ พวกญาติของท่านทั้งสองในที่ชื่อโน้น
หวังการมา... พวกเราจักไปในที่นั้น ดังนี้..."
แล้วยกบิดามารดาขึ้นยานน้อยพาไป ในเวลาถึงท่ามกลางดง
จึงกล่าวว่า ข้าแต่พ่อ ท่านจงถือเชือก
พวกโคจะเดินไปตาม (คำสั่ง) ความสำคัญของอาญา
ในที่นี้มีพวกโจรอยู่ ฉันจะลงเดินไป แล้วให้เชือกในมือของบิดา
ตนเองลงเดินไป ได้เปลี่ยนเสียงกระทำให้เป็นเสียงพวกโจรตั้งขึ้น.
บิดามารดาได้ยินเสียง สำคัญว่าโจรตั้งขึ้น
จึงกล่าวว่า "พ่อ (ลูกเอ๋ย) พวกโจรตั้งขึ้นแล้ว"
"พวกเราเป็นคนแก่ พ่อ (ลูกเอ๋ย) จงรักษาเฉพาะตนเองเถิด"
บิดามารดาแม้จะร้องอยู่ เขาก็กระทำเสียงโจร
ทุบให้ตายแล้ว โยนทิ้งไปในดงแล้วกลับมา.
**********
พระศาสดาครั้นตรัสบุรพกรรมนี้ของพระเถระแล้วจึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะกระทำกรรมมีประมาณเท่านี้
ไหม้อยู่ในนรก (อเวจี) หลายแสนปี
ด้วยผลวิบากที่เหลือเพียงนั้น
จึงเป็นผู้แหลกละเอียดเพราะทุบอย่างนั้นแหละ
แล้วถึงความตายสิ้นร้อยอัตภาพ
(ถูกทุบตาย ๕๐๐ ชาติ)
โมคคัลลานะได้ความตายอันสมควรแก่กรรมของตนอย่างนี้ทีเดียว
**********
ฝ่ายพวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐
ประทุษร้ายบุตรของเราผู้ไม่ประทุษร้าย
ก็ได้ความตายอันสมควรเหมือนกัน.
เพราะผู้ประทุษร้ายในคนผู้ไม่ประทุษร้าย
ย่อมถึงความพินาศเพราะเหตุ ๑๐ ประการนั่นเทียว
เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
"บุคคลใดประทุษร้ายคนผู้ไม่ประทุษร้าย
ผู้ไม่มีอาชญาด้วยอาชญา
บุคคลนั้นย่อมพลันเข้าถึง ฐานะ ๑๐ อย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
ย่อมถึงเวทนาอันหยาบ ๑
ความเสื่อม ๑
ความแตกทำลายแห่งสีรระ ๑
อาพาธหนัก ๑
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑
ความขัดข้องแต่พระราชา ๑
การกล่าวต่ออย่างร้ายแรง๑
ความสิ้นญาติ ๑
ความผุพังแห่งโภคทรัพย์ ๑
ไฟผู้ชำระย่อมไหม้เรือนของเขา ๑
เพราะกายแตกทำลาย
คนปัญญาทรามนั้น ย่อมเข้าถึงนรก ดังนี้"
**********
ท่านพระสารีบุตรเถระเจ้าปรินิพพานแล้ว
ณ ห้องที่ท่านเกิด ในหมู่บ้านนาลกะ
เมื่อ วันเพ็ญเดือน ๑๒
พระมหาโมคคัลลานะปรินิพพาน
ในวันอมาวสี (สิ้นเดือน) ในกาฬปักษ์
ของเดือน ๑๒ นั่นเอง.
**********
[ที่มา]
- อรรถกถา เล่มที่ ๗๐ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ มหาโมคคัลลานเถราปทาน
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา