22 ม.ค. 2023 เวลา 05:55 • ไลฟ์สไตล์

๏ ปริเฉทที่ ๒๖

มหาปรินิพพานปริวรรต
พระผู้มีพระภาคทรงประชวรหนัก
**********
~ พระผู้มีพระภาคทรงประชวรหนัก ~
ครั้นนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่
ตามความพอพระทัยในอัมพปาลีวันแล้ว
ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
"ดูกรอานนท์ มาไปกันเถิด
เราจักไปยังบ้านเวฬุวคาม"
ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัส
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว...
 
พระผู้มีพระภาคพร้อมภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
เสด็จถึงบ้านเวฬุวคามแล้ว
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จประทับอยู่
ในบ้านเวฬุวคามนั้น ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมารับสั่งว่า
"มาเถิดภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอจงจำพรรษารอบเมืองเวสาลี
ตามที่เป็นมิตรกัน ตามที่เคยเห็นกัน
ตามที่เคยคบกันเถิด"
"ส่วนเรา จะจำพรรษาในบ้านเวฬุวคามนี้แหละ"
พวกภิกษุทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว
จำพรรษารอบเมืองเวสาลีตามที่เป็นมิตรกัน
ตามที่เคยเห็นกัน ตามที่เคย คบกัน
ส่วนพระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษา
ในบ้านเวฬุวคามนั้นแหละ
ครั้งนั้นเมื่อ พระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษาแล้ว
ทรงประชวรอย่างหนัก เกิดเวทนาอย่างร้ายแรง
ถึงใกล้จะปรินิพพาน
ได้ยินว่า ณ ที่นั้น
พระผู้มีพระภาคทรงมีพระสติสัมปชัญญะ
อดกลั้น ไม่พรั่นพรึง ทรงพระดำริว่า
การที่เราจะไม่บอกภิกษุผู้อุปัฏฐาก
ไม่อำลาภิกษุสงฆ์ปรินิพพานเสียนั้น
ไม่สมควรแก่เราเลย
ถ้ากระไร เราพึงใช้ความเพียรขับไล่อาพาธนี้
ดำรงชีวิตสังขารอยู่เถิดฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
ทรงใช้ความเพียรขับไล่อาพาธนั้น
ทรงดำรงชีวิตสังขารอยู่แล้ว
อาพาธของพระองค์สงบไปแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงหายประชวร
คือ หายจากความเป็นคนไข้ไม่นาน
เสด็จออกจากวิหารไปประทับนั่ง
บนอาสนะที่ภิกษุจัดถวายไว้ที่เงาวิหารฯ
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นท่าน พระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นความอดทน
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว..."
"ก็แต่ว่า เพราะการประชวรของพระผู้มีพระภาค
กายของข้าพระองค์ประหนึ่งจะงอมระงมไป
แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข้าพระองค์
แม้ธรรมทั้งหลายก็ไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็แต่ว่า
ข้าพระองค์มามีความเบาใจอยู่หน่อยหนึ่งว่า
พระผู้มีพระภาคจักยังไม่เสด็จปรินิพพาน
จนกว่าจะได้ทรงปรารภภิกษุสงฆ์
แล้วตรัสพระพุทธพจน์อย่างใด อย่างหนึ่ง ฯ"
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูกรอานนท์
"ภิกษุสงฆ์ยังจะหวังอะไรในเราเล่า...
 
"ธรรมอันเราได้แสดงแล้ว
กระทำไม่ให้มีในมีนอกกำมือ
อาจารย์ในธรรมทั้งหลายมิได้มีแก่ตถาคต"
"ผู้ใดจะพึงคิดอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์
หรือว่าภิกษุสงฆ์ จะเชิดชูเราดังนี้
ผู้นั้นจะพึงปรารภภิกษุสงฆ์
แล้วกล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่"
"ดูกรอานนท์ ตถาคตมิได้มีความดำริอย่างนี้ว่า
เราจักบริหารภิกษุสงฆ์
หรือว่า ภิกษุสงฆ์จักเชิดชูเรา
ตถาคตจักปรารภภิกษุสงฆ์แล้ว
กล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่งในคราวหนึ่ง"
"ดูกรอานนท์ บัดนี้ เราแก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่
ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับแล้ว
วัยของเราเป็นมาถึง ๘๐ ปีแล้ว
เกวียนเก่ายังจะใช้ไปได้
เพราะการซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ แม้ฉันใด
กายของตถาคต ฉันนั้นเหมือนกัน
ยังเป็นไปได้ ก็คล้ายกับเกวียนเก่า
ที่ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ฯ"
"ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตเข้าถึงเจโตสมาธิ
อันไม่มีนิมิต เพราะ ไม่ทำไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง
เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่
สมัยนั้น กายของ ตถาคตย่อมผาสุก"
"เพราะฉะนั้น พวกเธอจงมีตนเป็นเกาะ
มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่ มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง อยู่เถิดฯ"
**********
ทรงแสดงเรื่องพึ่งตน พึ่งธรรม
ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า
มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือ จงมีธรรม เป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น ที่พึ่งอยู่...
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
เป็นผู้มีเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก
อย่างนี้แล อานนท์ ภิกษุจึงจะชื่อว่า
มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่
ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี
โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี
จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือ มีธรรม เป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
มิใช่มีสิ่ง อื่นเป็นที่พึ่งอยู่
ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา
จักปรากฏอยู่ในความเป็นยอดยิ่งฯ
(จบคามกัณฑ์ในมหาปรินิพพานสูตรฯ)
**********
~ กถาว่าด้วยอานุภาพของอิทธิบาท ๔ ~
ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตร และจีวรเสด็จ
เข้าไปบิณฑบาตยังเมืองเวสาลี
ครั้นเสด็จเที่ยวบิณฑบาตแล้ว
เวลาปัจฉาภัตเสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว
ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
"ดูกรอานนท์ เธอจงถือเอาผ้านิสีทนะไป
เราจักเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อพักผ่อน..."
ตอนกลางวัน ท่านพระอานนท์
ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว
ถือเอาผ้านิสีทนะตามเสด็จพระผู้มีพระภาค
ไปทางเบื้องพระปฤษฎางค์ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
เสด็จเข้าไปยังปาวาลเจดีย์
ครั้นเสด็จเข้าไปแล้วประทับนั่งบนอาสนะ
ที่ท่านพระอานนท์ปูลาดถวาย
ฝ่ายท่านพระอานนท์
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งกะท่านว่า
"ดูกรอานนท์ เมืองเวสาลี น่ารื่นรมย์
อุเทนเจดีย์ โคตมเจดีย์ สัตตัมพเจดีย์
พหุปุตตเจดีย์ สารันทเจดีย์ ปาวาลเจดีย์
ต่างน่ารื่นรมย์..."
"อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว
กระทำให้ มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน
กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว
สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว"
"ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่
ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป..."
"ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน
กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว
สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว
ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่
จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป..."
แม้เมื่อ พระผู้มีพระภาคทรงกระทำนิมิตอันหยาบ
โอภาสอันหยาบอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็มิอาจรู้ทัน
จึงมิได้ทูลวิงวอนพระผู้มีพระภาคว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป
ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป
เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก
เพื่ออนุเคราะห์โลก
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล
เพื่อความสุขของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ดังนี้"
เพราะถูกมารเข้าดลใจแล้ว
แม้ครั้งที่ ๒ พระผู้มีพระภาค
ก็รับสั่งกะท่านพระอานนท์ ฯลฯ
แม้ครั้งที่ ๓ พระผู้มีพระภาค
ก็รับสั่งกะท่านพระอานนท์ ฯลฯ
ท่านพระอานนท์ก็มิอาจรู้ทัน ...
เพราะถูกมารเข้าดลใจแล้ว ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
รับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
"เธอจงไปเถิดอานนท์
เธอรู้กาลอันควรในบัดนี้"
ท่านพระอานนท์ทูลรับ
พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว
ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณ แล้วไปนั่ง
ณ โคนไม้แห่งหนึ่งในที่ไม่ไกล ฯ
**********

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา