23 ม.ค. 2023 เวลา 10:13 • ประวัติศาสตร์

จีวองชี่ (Givenchy) ค.ศ. 1952

Givenchy นั้นได้ขึ้นชื่อในเรื่องอย่าง เป็นนักปฎิวัติแฟชั่นกลางยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งถือว่าได้เป็น อัจฉริยะแห่งการออกแบบ ในผลิตเสื้อผ้ามากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่มีศักยภาพ ผลงานที่ได้รับการยอมรับ และยกให้เป็นแบรนด์ ชั้นนำระดับโลก วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักอีกหนึ่งอัจฉริยะทางด้านกูตูริเยร์
นาย อูแบร์ เดอ จีวองชี่ เขาได้เกิดเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1927 ที่เมืองโบเวส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยเขานั้นได้เป็น ลูกชานคนเล็กของบ้าน และเวลาที่เขาเกิดนั้น ก็หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบ
ก็ถือว่าได้เป็นช่วงที่กำลังฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่มันก็ยังไม่ได้เหมาะที่จะน่าลงทุนทำธุรกิจอะไรมากนัก แถมหลังจากนั้นไม่นานนัก ก็เกิดข่าวร้ายขึ้นกับครอบครัวของเขาเอง
ซ้าย: Jacques Fath นักออกแบบที่ Hubert ฝึกงานด้วย - ขวา: ร้าน Givenchy แห่งแรกกลางกรุงปารีส / ภาพ: Jacques Rouchon และ Givenchy
ที่คุณพ่อของเขานั้น ได้มาจบชีวิ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดขึ้นใน ปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเขานั้นก็มีอายุได้ประมาณ 3 ขวบเท่านั้นเอง ถือว่าอาจจะเป็นชวงที่เขาเอง ก็ยังจดจำคุณพ่อของเขาไม่ได้นัก และตั้งแต่วันนั้นก็ทำให้ ตัวเขาเองได้มีชีวิต เติบโตขึ้นกับคุณแม่ของเขา และครอบครัวฝั่งคุณแม่มาโดยตลอด
เส้นทางความคิดเหมือนพุ่งตรงและตั้งกรอบให้เด็กคนนี้อยู่ในสายแฟชั่นและการออกแบบตั้งแต่แรก เพราะครอบครัวสอนให้เขารู้จักผูกพันกับเนื้อผ้าวัสดุมาโดยตลอด และพาเขาไปงาน “ปาริเซียงแฟร์” (ปาริเซียง = คนปารีส)
ทำให้เด็กหนุ่มมีโอกาสเห็นผลงานเสื้อผ้าจากห้องเสื้อชื่อดังทั้ง Chanel, Elsa Schiaparelli และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน อูแบร์ ค่อย ๆ ซึมซับความงามและเริ่มเอาความชอบผูกติดไว้จนกลายเป็นสิ่งที่นำพาเขามาสู่ความสำเร็จตลอดชีวิต
อูแบร์ เดอ จีวองชี่
เขานั้นก็เริ่มคิด สร้างสรรค์ผลงานของตัวเขานั้น ให้ออกมาในรูปแบบของตัวเอง ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อเขามีอายุ 17ปี ตัวเขานั้นโชคดีที่เขานั้น ได้รับการสนับสนุน จากคุณแม่ ที่ให้เขานั้นได เข้าศึกษาต่อที่ École des Beaux-Arts ซึ่งเป็นโรงเรียนศิลปะชื่อดัง ในเมืองปารีส
และเมื่อเวลาผ่านมาถึงเวลา ที่มันควรจะถึง เมื่ออูแบร์ ได้รู้จัก และเข้าฝึกงานกับ ฌาค ฟาท (Jacques Fath) และซึ่งเป็นกูตูเยร์ (ผู้ทำชุดโอต์กูตูร์) ถือว่าได้เป็นอีกหนึ่งคนในยุคนั้น ที่ได้มีฝีไม้ลายมือ อันโดดเด่น
และอูเเบร์ก็ได้มีโอกาสที่ จะเข้าไปเรียนรู้ พร้อมทั้งมีการพัฒนา ศักยภาพของตัวเอง ซึ่งเขานั้นก็ได้มีความ มุ่งมั่นตั้งใจ และได้เก็บเกี่ยวความรู้ ในสิ่งที่ตัวเองรัก แถมยังสามารถทำตามความฝัน ของตนเองได้สำเร็จอีกด้วย
ในขณะที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านพ้นสงครามไม่นาน อูแบร์ฝ่าฟันทุกอุปสรรคและคำว่า "ผู้ก่อตั้งแบรนด์" กลายมาเป็นคำอธิบายชื่อของเขา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1952 นิตยสารไลฟ์รายงานมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นกลางกรุงปารีส และนี่คือต้นกำเนิดของ "จีวองชี่" อย่างเป็นทางการ
Bettina Graziani บุคคลผู้เปรียบดั่งนางฟ้าผู้โอบอุ้มแบรนด์
เบติน่า กราเซียนี่ (Bettina Graziani) คือตัวละครที่โผล่เข้ามาเรื่องราวชีวิตของอูแบร์ราวกับเป็นเทวดาคอยปกปักษ์ช่วยเหลือพระเอกในภาพยนตร์สักเรื่อง และหญิงสาวผู้นี้คือต้นเรื่องแห่งการปฏิวัติวงการแฟชั่นของอูแบร์อย่างแท้จริง
บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังของจีวองชี่คนนี้เป็นทั้งพีอาร์ ผู้จัดการ ผู้ช่วย นางแบบ หรือเรียกรวม ๆ ว่า "เป็นทุกอย่างให้แบรนด์แล้ว" และที่สำคัญนี่คือจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ที่ทำให้อูแบร์ผลักดันชื่อตัวเองตั้งธงขึ้นบนถนนสายแฟชั่นในกรุงปารีสได้สำเร็จ
แต่นั่นยังไม่พอเพราะความสุดยอดของเธอประกอบกับฝีมือและความมุ่งมั่นของอูแบร์หล่อหลอมคอลเล็กชั่นแรกออกมาเป็นผลงานชิ้นไอคอนิกทันที
ไม่ว่าโลกจะผลัดเปลี่ยนเป็นยังไงก็ตามต้องบอกว่าคอลเล็กชั่นแรกของจีวองชี่คือหมุดตัวใหญ่ที่ต้องปักอยู่ในไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์แฟชั่นทุกเส้น
"Bettina Graziani" ชื่อคอลเล็กชั่นที่อูแบร์ตั้งให้เกียรติกับ เบติน่า เทพธิดาคู่แบรนด์ที่ส่งเสริมชายหนุ่มให้มีแบรนด์ของตัวเองได้ในวัยเพียงแค่ 25 ปี ถือว่าเป็นช่างออกแบบที่อายุน้อยที่สุดและบทบาทอย่างมากในแวดวงขณะนั้น และด้วยเหตุผลด้านอายุ ทุนและรูปแบบความคิดใหม่ ๆ
การทำงานร่วมกันระหว่าง Hubert และ Bettina กับการแมตช์ชุดง่าย ๆ และเรียบหรูตามสไตล์ Givenchy
ความหรูหราของแฟชั่นเฮาส์ในปารีสโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวัสดุถูกลดทอนไปอย่างมากในคอลเล็กชั่นแรกของอูแบร์ เขาเลือกจะใช้วัสดุราคาถูกลงแต่มีลูกเล่นการตัดเย็บและออกแบบให้สดใหม่ขึ้นในช่วงที่แฟชั่นชั้นสูงของฝรั่งเศสมีภาพจำเป็นชุดเดรสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา
ดั่ง New Look ของ Dior ที่สลัดภาพความแร้นแค้นจากพิษสงครามสู่ความอลังการของชุดที่ใช้เนื้อผ้าและเทคนิคละเอียดยิบ ซึ่งอูแบร์ฉีกเส้นทางตัวเองออกไปและสร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วยความเรียบง่ายแต่สุดยอดของจีวองชี่แทน
สิ่งที่อูแบร์ นำเสนอออกมา ผ่านการออกแบบของเขานั้น ก็ได้สร้างความแปลกใหม่ที่ต้องบอกเลยว่า กระแสออกมาอยุ่ในทางที่ดีเลยจริงๆ และทำให้หลายๆคนนั้น ได้พูดถึงกันเป็นอย่างมากเสียจริง
Givenchy’s first collection
โดยหลังจากนั้นตัวเขาเอง ก็จึงได้ โอกาสที่จะเข้าไปทำเสื้อผ้า เพื่อที่จะนำไปประกอบภาพยนต์ อันโด่งดังอย่างเรื่อง Sabrina ในปี ค.ศ. 1954
นั้นก็ได้หมายความว่า ตัวเขานั้น ก้าวเข้ามาสู้ความสำเร็จอีกขั้น ของวงการแฟชั่นได้แล้ว ในส่วนของทางด้านเสื้อผ้าแฟชั่นของสตรี และก็ได้ทำให้แบรนด์ของเขา นั้นได้เป็นที่รู้จักมากกว่า เดิมในฐานะห้องเสื้อหรู ของอุตสาหกรรมบันเทิง ที่ต้องบอกเลยว่า ได้เป้นจุดเปลี่ยนของเขามากเสียจริงนะ
สำหรับแบรนด์ของเขานั้น ก้ได้สร้างผลงาน ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ สร้างเอกลกษณ์และให้ผู้คนนั้น จกจำแบรนด์ของเขาได้อย่างดีไม่แพ้ใคร นั้นก็คือ ชุดที่ ออเดรย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) ได้นำมาสวมใส่ ในฉากภาพยนต์ เรื่อง Sabrina
Little Black Dress
ซึ่งมันก็สามารถ คว้ารางวัลออสการ์ เมื่อปี ค.ศ. 1954 มาครองได้ และนั่นก็คือชุดราตรรีสีขาว ที่ได้มีการปักลวดลายด้วยสีดำ อย่างละเอียดอ่อน ปรานีต และสวยงาม จนได้กลายมาเป็นแฟชั่นที่ โลกจำจดมาจนถึงทุกวันนี้ เลยนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นการ ตอกย้ำอย่างดีเลยว่า
สำหรับเจ้าแห่งชุดใน อุตสาหกรรมภาพยนต์ นั้นก็ได้กลับมาอีกครั้ง กับเดรสสีดำในตำนานอย่าง Little Black Dress ที่ทาง ออเดรย์ เฮปเบิร์น ได้นำมาสวมใส่ในภาพยนต์เรื่อง Breakfast At Tiffany’s เมื่อปี ค.ศ. 1961 ก็ได้ทำให้กระแส ในเรื่องของความแปลกใหม่ ในการครีเอทชุดของเขาได้อย่างดี
สุดยอดนักออกแบบคนนี้แสดงให้เห็นว่าฝีมือสำคัญกว่าวัสดุ รูปแบบวัสดุเสื้อเชิ้ตง่าย ๆ สามารถถูกเนรมิตเป็นผลงานระดับตำนานที่ไม่มีทางถูกลืมเลือนได้ ความใส่ใจในการเลือกสรรและให้ความสำคัญในความสอดคล้องของรูปแบบชุดกับสถานที่รวมถึงลักษณะกิจกรรม
ปัจจุบันทั้ง เบติน่า และอูแบร์ คงกำลังมีความสุขและเฝ้ามองดูการเติบโตของ แบรนด์ Givenchy ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนทั้งความรักและความทุ่มเท ของทั้งสองอยู่ที่สรวงสวรรค์
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference จีวองชี่ (Givenchy) :
โฆษณา