Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เบื่อเมือง
•
ติดตาม
25 ม.ค. 2023 เวลา 04:02 • ไลฟ์สไตล์
๏ ปริเฉทที่ ๒๖ (ตอน ๔)
มหาปรินิพพานปริวรรต
นายจุนทะถวายสุกรมัททวะ
ทรงประชวรปักขันทิกาพาธ
**********
~ เรื่องนายจุนทะกัมมารบุตร ~
ครั้งนั้น นายจุนทกัมมารบุตรได้สดับข่าวว่า
พระผู้มีพระภาคเสด็จถึง เมืองปาวา
ประทับอยู่ ณ อัมพวันของเราในเมืองปาวา
จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ
ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นนายจุนทกัมมารบุตรนั่งเรียบร้อยแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา
ลำดับนั้น นายจุนทกัมมารบุตร...
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงทรงรับภัตของข้าพระองค์
เพื่อเสวยในวันพรุ่งนี้..."
พระผู้มีพระภาค ทรงรับด้วยดุษณีภาพ ฯ
ลำดับนั้น นายจุนทกัมมารบุตรทราบว่า
พระผู้มีพระภาคทรงรับแล้ว
ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณ หลีกไปแล้ว
นายจุนทกัมมารบุตร ให้ตระเตรียม
ของเคี้ยวของฉันอันประณีต และสุกรมัททวะ เป็นอันมาก
ในนิเวศน์ของตน โดยล่วงราตรีนั้น
ไปให้กราบทูลกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว ฯ
**********
ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตรและจีวร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของนายจุนทกัมมารบุตร
ประทับนั่ง บนอาสนะที่เขาจัดถวาย
ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้ว
รับสั่งกะนายจุนทกัมมารบุตรว่า
"ดูกรนายจุนทะ ท่านจงอังคาสเรา
ด้วยสุกรมัททวะที่ท่านตระเตรียมไว้..."
"จงอังคาสภิกษุสงฆ์ด้วยของเคี้ยวของฉันอย่างอื่น
ที่ท่านตระเตรียมไว้..."
นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว
จึงอังคาสพระผู้มีพระภาค ด้วยสุกรมัททวะที่ตนตระเตรียมไว้
อังคาสภิกษุสงฆ์ด้วยของเคี้ยวของฉันอย่างอื่น ที่ตนตระเตรียมไว้
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะนายจุนทกัมมารบุตรว่า
"ดูกร นายจุนทะ ท่านจงฝังสุกรมัททวะที่ยังเหลือเสียในหลุม
เรายังไม่เห็นบุคคลในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา
และมนุษย์ซึ่งบริโภคสุกรมัททวะนั้นแล้ว
จะพึงให้ย่อยไปด้วยดีได้นอกจากตถาคต..."
นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว
จึงฝังสุกรมัททวะที่ยังเหลือ เสียในหลุม
แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคยังนายจุนทกัมมารบุตรผู้นั่งเรียบร้อยแล้ว
ให้เห็น แจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา
แล้วเสด็จลุกจากอาสนะ เสด็จหลีกไป ฯ
**********
~ นายจุนทกัมมารบุตร บุตรของนายช่างทอง~
เล่ากันมาว่า
บุตรของนายช่างทองนั้นเป็นกุฏุมพีใหญ่ผู้มั่งคั่ง เป็นโสดาบัน
เพราะเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าครั้งแรกเท่านั้น
ก็สร้างวัดในสวนมะม่วงของตนมอบถวาย.
สูกรมัททวะ ได้แก่ ปวัตตมังสะ
ของสุกรที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่ง ไม่หนุ่มนัก ไม่แก่นัก.
นัยว่าปวัตตมังสะนั้นนุ่มสนิท ทำให้สุกอย่างดี.
อาจารย์พวกหนึ่งกล่าวว่า
ก็คำว่าสูกรมัททวะนี้เป็นชื่อของข้าวสุกอ่อน
ที่จัดปรุงด้วยปัญจโครส
(นมสด นมส้ม เนยใส เปรียง และ เนยแข็ง)
และถั่ว เหมือนของสุกชื่อว่า ควปานะ ขนมผสมน้ำนมโค.
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า
วิธีปรุงรส ชื่อว่าสูกรมัททวะ
ก็สูกรมัททวะนั้นมาในรสายนศาสตร์.
สูกรมัททวะนั้น นายจุนทะตบแต่งตามรสายนวิธี
ด้วยประสงค์ว่าการปรินิพพาน
จะยังไม่พึงมีแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
แต่เหล่าเทวดาในมหาทวีปทั้ง ๔
ซึ่งมีทวีปน้อย ๒,๐๐๐ ทวีปเป็นบริวาร
ใส่โอชะลงในสูกรมัททวะนั้น.
ทำให้ไม่มีบุคคลใด ซึ่งบริโภคสุกรมัททวะนั้นแล้ว
จะพึงย่อยได้ นอกจากพระตถาคต
**********
~ ทรงประชวรปักขันทิกาพาธ ~
ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหาร
ของนายจุนทกัมมารบุตรแล้ว ก็เกิดอาพาธอย่างร้ายแรง
มีเวทนากล้าเกิดแต่การประชวรลงพระโลหิต
(ถ่ายเป็นเลือดสด) ใกล้จะนิพพาน
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคทรงมีพระสติสัมปชัญญะ
ทรงอดกลั้นเวทนาเหล่านั้นไว้ มิได้ทรงพรั่นพรึง
ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
มาไปกันเถิด อานนท์ เราจักไปยังเมืองกุสินารา
ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ
**********
~ บุรพกรรมฝ่ายอกุศล ~
โรคปักขันทิกาพาธ
การถ่ายด้วยการลงพระโลหิต ชื่อว่า อติสาระ โรคบิด.
ได้ยินว่าในอดีตกาล
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลคหบดี เลี้ยงชีพด้วยเวชกรรม.
พระโพธิสัตว์นั้น เมื่อจะเยียวยาบุตร
ของเศรษฐีคนหนึ่งผู้ถูกโรคครอบงำ จึงปรุงยาแล้วเยียวยา
อาศัยความโลภในการให้ไทยธรรมของบุตรเศรษฐีนั้น
จึงให้โอสถอีกขนานหนึ่ง ได้กระทำการถ่ายโดยการสำรอกออก
เศรษฐีได้ให้ทรัพย์เป็นอันมาก.
ด้วยวิบากของกรรมนั้น พระโพธิสัตว์จึงได้ถูกอาพาธ
ด้วยโรคลงโลหิตครอบงำในภพที่เกิดแล้ว ๆ
ในอัตภาพหลังสุดแม้นี้ ในปรินิพพานสมัย
จึงได้มีการถ่ายด้วยการลงพระโลหิต
ในขณะที่เสวยสูกรมัททวะที่นายจุนทะกัมมารบุตรปรุงถวาย
พร้อมกับพระกระยาหารอันมีทิพโอชะที่เทวดาในจักรวาลทั้งสิ้นใส่ลงไว้.
กำลังช้างแสนโกฏิเชือก ได้ถึงความสิ้นไป.
ในวันเพ็ญเดือน ๖ พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จดำเนินไปเพื่อต้องการปรินิพพานในเมืองกุสินารา
ประทับนั่งในที่หลายแห่ง ระหายน้ำ ทรงดื่มน้ำ
ทรงถึงเมืองกุสินาราด้วยความลำบากอย่างมหันต์
แล้วเสด็จปรินิพพานในเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง.
แม้พระผู้เป็นเจ้าของไตรโลกเห็นปานนี้
กรรมเก่าก็ไม่ละเว้น.
ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า
"เราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาบุตรของเศรษฐี
ด้วยวิบากของกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา"
[ ที่มา : อรรถกถาอปทาน พรรณนาพุทธาปทาน ]
**********
~ กถาว่าด้วยบิณฑบาต ๒ คราว ~
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
ดูกรอานนท์บางทีใครๆ จะทำความร้อนใจ
ให้เกิดแก่นายจุนทกัมมารบุตรว่า
"ดูกรนายจุนทะ มิใช่ลาภของท่าน
ท่านได้ไม่ดีแล้ว ที่พระตถาคต
เสวยบิณฑบาตของท่านเป็นครั้งสุดท้าย
เสด็จปรินิพพานแล้ว ดังนี้"
"เธอพึงช่วยบันเทาความร้อนใจ
ของนายจุนทกัมมารบุตรเสียอย่างนี้ว่า
ดูกร นายจุนทะ เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว
ที่พระตถาคตเสวยบิณฑบาตของท่านเป็นครั้งสุดท้าย
เสด็จปรินิพพานแล้ว"
"เรื่องนี้เราได้ฟังมา
ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
บิณฑบาต สองคราวนี้ มีผลเสมอๆ กัน
มีวิบากเสมอๆ กัน มีผลใหญ่กว่า
มีอานิสงส์ใหญ่กว่าบิณฑบาตอื่นๆ ยิ่งนัก"
บิณฑบาตสองคราว เป็นไฉน...?
"คือ ตถาคตเสวยบิณฑบาตใดแล้ว
ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างหนึ่ง"
"ตถาคตเสวย บิณฑบาตใดแล้ว
เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพานธาตุอย่างหนึ่ง"
"บิณฑบาต สองคราวนี้ มีผลเสมอๆ กัน
มีวิบากเสมอๆ กัน มีผลใหญ่กว่า
มีอานิสงส์ใหญ่กว่าบิณฑบาตอื่นๆ ยิ่งนัก"
"กรรมที่นายจุนทกัมมารบุตรก่อสร้างแล้ว
เป็นไปเพื่ออายุ ... เป็นไปเพื่อวรรณะ ...
เป็นไปเพื่อความสุข ... เป็นไปเพื่อยศ ...
เป็นไปเพื่อสวรรค์ ... เป็นไปเพื่อความเป็นใหญ่ยิ่ง"
"ดูกรอานนท์ เธอพึงช่วยบันเทา
ความร้อนใจของนายจุนทกัมมารบุตร
เสียด้วยประการ ฉะนี้ ฯ "
**********
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
พุทธประวัติ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย