28 ม.ค. 2023 เวลา 11:59 • ไลฟ์สไตล์

คนส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น

คนเชื่อว่าคนรวยย่อมมีความสุขมากกว่าคนจน ยิ่งรวยมากเท่าไร ความสุขก็มากขึ้นเท่านั้น เพราะคนเชื่อว่าเงินสามารถซื้อความสุขได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ความสุขทุกอย่างแต่ก็ซื้อได้มาก เงินสามารถใช้ซื้ออาหารอร่อย ๆ รับประทานได้ เงินสามารถพาเราไปท่องเที่ยวได้มากขึ้น และไกลขึ้น เงินทำให้เราซื้อบ้าน และซื้อรถยนต์ที่ทำให้เรามีหน้ามีตาในหมู่เพื่อนฝูง และคนรู้จัก เงินทำให้เราส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดี ๆ หรือไปเรียนต่างประเทศได้ เพราะฉะนั้น อย่ามาพูดเลยว่าเงินกับความสุขไม่เกี่ยวกัน
นั่นคือสิ่งที่คนที่ยังไม่ค่อยมีเงินหรือคิดว่าตนยังมีเงินไม่พอมักจะคิด คนเหล่านั้นมักจะ "ฝัน" ว่าถ้าเขามีเงินมากขึ้น เขาคงจะมีความสุขมาก เพราะสิ่งที่เขาคิดอยากจะได้แต่ยังทำไม่ได้ เพราะมีเงินไม่พอ เขาก็จะสามารถซื้อหามาได้ และนั่นคือความสุขที่เขากำลังพยายามไขว่คว้า
แต่เชื่อไหมว่าวันที่เขามีเงินพอ และได้ใช้หรือบริโภคสิ่งที่เขา "ฝัน" ไว้แล้ว สิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ " ค ว า ม สุ ข " อีกต่อไป เขาจะเริ่ม "ฝัน" ถึง " ค ว า ม สุ ข " ใหม่ที่จะต้องใช้เงินมากขึ้นไปอีก เงินคือความสุขหรือเงินเป็นสิ่งที่หลอกลวงกันแน่ ?
ความสุขของคนนั้น เพื่อที่จะอธิบายให้เป็นระบบ คิดว่าน่าจะต้องอิงกับความต้องการของมนุษย์ ซึ่งแมสโลว์ (ABRAHAM MASLOW) นักจิตวิทยาชื่อดังบอกว่ามี 5 ระดับ นั่นคือ ความต้องการเบื้องต้น ได้แก่ อาหาร และน้ำ ความต้องการระดับสอง คือ ต้องการความปลอดภัย และความมั่นคงในชีวิต เมื่อได้รับการตอบสนองแล้ว ความต้องการจะยกระดับขึ้นไปเป็นระดับ 3 ซึ่งก็คือการได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตร และเพื่อนฝูงให้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
ขั้นต่อไปก็คือ การมีสถานะที่โดดเด่นในสังคม และสุดท้ายก็คือ ความต้องการที่จะบรรลุถึงตัวตนที่แท้จริง ซึ่งในทางพระอาจจะเรียกว่านิพพานไปเลย
มาดูความสุขทางด้านอาหารว่าเงินซื้อได้หรือไม่ ?
คิดว่าเงินซื้อความสุขด้านอาหารได้น้อย ความสุขของการกินนั้นเชื่อว่าส่วนใหญ่อยู่ที่ความหิว และรสชาติของอาหาร ซึ่งไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับราคามากนัก คนทั่วไปอาจจะรู้สึกว่าหูฉลามนั้นอร่อยมาก แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้กินมัน แต่ถ้าเขาได้กินมันบ่อยมาก เขาอาจจะบอกว่าพะแนงเนื้ออร่อยกว่า ดังนั้น สำหรับความสุขในด้านของการกินแล้ว คิดว่าถ้าเราไม่จนเกินไป เราจะมีความสุขไม่ต่างกับเศรษฐีมากนัก
ความสุขที่จะได้จากความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย นี่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจเมื่อเรามีบ้านอยู่อาศัยที่ปลอดภัย มีการงานที่มั่นคง เรารู้ว่าเมื่อเราป่วยไข้จะได้รับการรักษาที่ดี มีความอุ่นใจว่าถ้าเกิดปัญหาอะไรที่ไม่คาดคิดทางการเงินเรามีทางแก้ไขได้ และที่สำคัญรู้ว่าเมื่อแก่ตัวลง เราจะมีเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ การมีเงินสะสมน้อยหรือไม่มีสวัสดิการการรักษาพยาบาลเพียงพอก็ย่อมที่จะทำให้เรามีความกังวล และเป็นทุกข์ได้
ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยนั้น เป็นความสุขในระดับหนึ่งเท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้าคนเรามีความมั่นคงเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนที่เพิ่มนั้นจะก่อให้เกิดความสุขเพิ่มน้อยมาก ข้อสรุปก็คือ เราต้องมีเงินในระดับหนึ่ง เพื่อความมั่นคงในชีวิตถ้าจะให้ไม่เกิดทุกข์จากความกังวล
การได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตร และเพื่อนฝูงนั้น คิดว่าเงินไม่น่าจะมีส่วนมากนัก การมีน้ำจิตน้ำใจเอื้ออารีน่าจะมีความสำคัญกว่า และสิ่งนี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ดังนั้น ความสุขจากการที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเงินเลย
การมีสถานะที่โดดเด่นในสังคมเป็นความต้องการในระดับที่สูงขึ้นมา และน่าจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เงินอาจจะซื้อได้ และนี่ก็คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนมีเงินใช้เงินซื้อบ้าน รถยนต์ ที่หรูหรา และเครื่องแต่งกายราคาแพง เพื่อที่จะแสดงความโดดเด่นให้คนทั่วไปเห็น และยอมรับ อย่างไรก็ตาม
ความสุขในด้านนี้มักจะมีด้านมืด นั่นก็คือ ผู้ที่ใช้ของหรูมักจะพบคนที่ใช้ของที่หรูกว่า และความรู้สึกที่ด้อยกว่าโดยการเปรียบเทียบนั้น บ่อยครั้ง มันกลบความสุขที่ควรจะได้รับ และทำให้การใช้เงินซื้อสถานะของตนเองเพื่อให้เกิดความสุขนั้นไร้ผล เพราะแทนที่จะเป็นสุขก็อาจจะกลายเป็นความทุกข์ได้
เราคงไม่พูดถึงความต้องการที่จะบรรลุถึงตัวตนที่แท้จริง ซึ่งคงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงิน แต่น่าจะเป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ แต่อยากจะบอกว่าความสุขของคนนั้น ส่วนใหญ่อยู่ที่เรื่องของสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ซึ่งเงินซื้อได้น้อยมาก สุขภาพกายนั้น ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะป่วยมีเท่ากับคนที่มีเงินน้อยหรือปานกลาง
เช่นเดียวกัน สุขภาพใจนั้น อยู่ที่การทำใจ จากการสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า เราพบว่าคนที่ใช้ชีวิตที่ " พ อ เ พี ย ง " มีความสุขกว่าคนที่ชอบบริโภค ซึ่งไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเขามีเงินมากหรือน้อย อันที่จริงถ้าจะมีอะไรเกี่ยวก็น่าจะเป็นการมีเงินมากอาจจะเป็นความเสี่ยงว่าคุณจะมีความสุขน้อยลงถ้าคุณชอบบริโภค
ข้อสรุปสุดท้ายก็คือ คนที่มีเงินน้อยเกินไปจะหาความสุขได้ยาก เพราะความสุขหลายอย่างต้องใช้เงินซื้อหามา ในอีกด้านหนึ่ง คนที่มีเงินมากเกินไปไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมีความสุขมากกว่าคนที่มีเงินปานกลาง เพราะเงินนั้นซื้อความสุขได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น คนที่มีเงินพอประมาณสามารถที่จะเป็นแชมป์เปี้ยนของคนที่มีความสุขได้ เพราะความสุขนั้น ส่วนใหญ่มาจากสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่มีเงินพอประมาณ และใช้ชีวิตที่พอประมาณ คุณก็น่าจะมีชีวิตที่มีความสุขไม่แพ้คนรวยโดยทั่วไปแล้ว
• • • • •
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : www.pattanakit.net

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา