12 ก.พ. 2023 เวลา 03:39 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ณ ที่สายลมรักพัดผ่าน มหัศจรรย์แห่งความเรียบง่าย

ไม่คิดว่าในความเรียบง่าย จะมี massage ได้มากมายขนาดนี้
ตอนเริ่มดูไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แม้ว่านักแสดงจะเป็น หลิวอี้เฟย และ หลี่เซียน เพราะเรื่องออกโทนเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่พอดูไปเรื่อย ๆ กลับยิ่งชอบ
เพราะทำให้เราค่อย ๆ มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ ไปจนถึงหัวเราะเสียงดัง
ความเรียบง่าย ก็มีเสน่ห์นะ
ณ ที่สายลมรักพัดผ่าน เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่หลบไปอยู่ในชนบทด้วยเหตุผลต่าง ๆ กันไป
หงโต้ว อดีตพนักงานโรงแรม มาเพราะเสียใจที่เพื่อนรักเสียชีวิต
ต้าม่าย นักเขียนผู้หลบมาเขียนหนังสือ เพราะกังวลเรื่องคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอ่าน
นาน่า อดีตยูทูบเบอร์หลบมาเพราะเจอเนติเซ่นถล่มด้วยข้อหาโกงเงินบริจาค
ท้ายที่สุดทุกคนได้เป็นไปตามชื่อเรื่อง Meet Yourself นั่นคือ ค้นพบคำตอบสำหรับตนเอง
เรื่องราวช่วงแรก ๆ มันเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ มาก แต่เพราะนักแสดงนำอย่าง หลิวอี้เฟย หลี่เซียน รวมถึงนักแสดงสมทบทุกคน โดยเฉพาะ คุณย่า (อวู่เหยีนชู ) เล่นได้น่ารัก น่าหยิก จึงน่าติดตามกว่าที่คาด
และต้องยกเครดิตให้ทีมภาพ ที่เหมือนหน่วยงานท่องเที่ยวแห่งชาติจีน ยกกองโฆษณามาถ่ายให้ แค่ดูวิว ก็เพลินแล้ว
ถ้าจะเรียกว่าเป็นซีรีส์ สำนึกรักบ้านเกิด ประเภทส่งเสริมการท่องเที่ยว ก็คงไม่ผิดนัก และประสบความสำเร็จมากด้วย เพราะยังไม่ทันทีซีรีส์จบ สถานที่ถ่ายทำก็มีคนไปต่อคิวเข้าชมบ้านแม้ว่าจะต้องรอนานเป็นชั่วโมงก็ตาม
ช่วงกลาง ๆ เรื่องบทเข้มข้นขึ้นด้วยไดอาล็อค เกี่ยวกับมุมมองชีวิตที่คมคายหลายเรื่อง
คนเขียนบทเรื่องนี้เป็นทีมเดียวกับเรื่องถักทอรักที่ปลายฝัน แถมเอาเพลงประกอบเรื่องนั้นมาเล่นในเรื่องด้วยอีกต่างหาก
ช่วงท้าย ๆ หลังจากหงโต้วและจื่อเหยา ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ก็มาแนวเนือย ๆ หน่อย แต่ก็น่าจะถูกใจสายฟินกันไป
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ดูเรื่องนี้ได้จนจบ คงเป็นอารมณ์ภาพของทั้งเรื่อง มันละเมียดละไม อบอุ่น สว่างสดใสเป็นที่สุด
ดูแล้วอยากไปหาทางที่แบบนี้ในไทย แล้วหลบไปอยู่สักสามเดือนอย่างหงโต้วบ้าง
หากจะพูดถึงประเด็น การกลับไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายในชนบทของคนจีน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จากข่าวเมื่อปี 2019 * มีคนจีนจำนวนไม่น้อยลองย้ายไปอยู่ที่เมืองต้าลี่ มณฑลยูนนาน โดยหวังว่าจะใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องแข่งขันกันสูงมากเหมือนการทำงานในเมือง แต่พอไปอยู่จริงก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะชีวิตสไลว์ไลฟ์ เงินมันก็สโลว์ตามไปด้วย
ในเรื่องนี้ก็สะท้อนให้ว่าการที่จือเหยากลับมาทำธุรกิจในบ้านเกิดนั้น ก็ต้องลงทุน(เงิน) ไปไม่น้อย และไม่ใช่ว่าจะได้ผลกำไรกลับคืนมาภายในปีสองปี ยังไม่นับปัญหามากมายที่ต้องเผชิญ เมื่อต้องเข้าไปเปลี่ยนความคิดความเชื่อของชาวบ้าน
ความฝันกับความจริง อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
แม้ว่าเรื่องนี้จะออกแนวเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่ปมปมปัญหาของหญิงสาว 3 คน ก็น่าสนใจไม่น้อย
ปัญหาของหงโต้ว คือการไม่ปล่อยวาง แน่นอนว่าการสูญเสีย การพลัดพราก เป็นความทุกข์ใหญ่หลวงที่สุดของมนุษย์ แต่หากเรียนรู้และเข้าใจ “ความตาย” ตั้งแรกเด็ก ๆ ก็จะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้น
การพูดถึงเรื่องความตาย ไม่ใช่การแช่ง แต่คือการเตรียมพร้อมกับเรื่องที่จะขึ้นในแน่ ๆ ในชีวิตคนเรา มีใครไม่ตายบ้าง มีใครไม่เคยสูญเสีย พลัดพราก จากคนหรือสิ่งที่ตนรัก
จริง ๆ การตายเพราะป่วยด้วยโรคร้าย นับว่ายังโชคดีกว่าการตายด้วยอุบัติเหตุ เพราะยังมีโอกาสสั่งเสีย และค่อย ๆ ให้ญาติสนิท มิตรสหาย ทำใจยอมรับกับความพลัดพรากที่กำลังจะเกิดขึ้น
กรณีนาน่า สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของเนติเซ่นจีนโดยเฉพาะเหล่าแอนตี้ว่าร้ายกาจเพียงใด ขนาดมีหลักฐานชัดเจนว่านาน่าไม่ได้กระทำความผิดก็ยังไม่วายถล่มด่า ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทางการจีนถึงต้องควบคุมการใช้ออนไลน์อย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นปัจจัยภายนอก แต่สิ่งที่สำคัญคือใจของนาน่าเอง ประการแรกเลย เมื่อคิดจะให้แสงสาดส่องมาให้คนจำนวนมากเห็น ไม่ว่าคุณจะทำดี ตั้งใจดีแค่ไหนก็ตาม ย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ยิ่งในโลกออนไลน์ การถูกกล่าวหาเป็นเรื่องที่หลีกหนีได้ยาก
นั่นเป็นสิ่งที่คนที่จะก้าวเข้ามาในอาชีพนี้ต้องยอมรับให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก จิตต้องแข็งแรงเข้าไว้
ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด มีหลักฐานชัดเจน จะกลัวคำวิพากษ์วิจารณ์ไปทำไม ในมุมหนึ่งนาน่าคือคนที่เสพติดความสำเร็จ เสพติดการยอมรับจากคนอื่น พอมีคนบางส่วนไม่ยอมรับ ก็สติแตก วิ่งหนีไป
ต้าม่าย นับเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดผู้เขียนที่สุด
 
ตลอดชีวิต เพื่อนฝูงนอกวงการมักเข้าใจว่า คนเป็นนักเขียนต้องมีอารมณ์ถึงจะเขียนหนังสือได้ อาจเพราะเมื่อก่อนอาจได้ยินนักเขียนบอกว่า ไม่มีอารมณ์จะเขียน
เวลาได้ยินคำถามแบบนี้ ก็มักจะหัวเราะ เพราะถ้าขืนรอมีอารมณ์เขียนหนังสือ มีหวังได้อดตายกันพอดี
ผู้เขียนโชคดีที่มีโอกาสได้เขียนงานหลายแบบ รวมทั้งการเขียนนิยาย แม้จะเขียนไปไม่กี่เล่มก็ตาม แต่เข้าใจความรู้สึกของต้าม่ายเวลาคิดไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องราวต่อไปอย่างไรดี แต่มองว่าความกังวลของต้าม่ายก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสพติดชื่อเสียง ความสำเร็จเช่นกัน พอไม่ได้คำวิจารณ์ที่ดี ก็เศร้าหมอง
การมัวแต่ไปกังวลว่าคนอ่านจะไม่ชอบ เท่ากับสร้างกรอบให้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ยิ่งทำให้คิดไม่ออกเข้าไปใหญ่
จำได้ว่าหลังจากนิยายเรื่องที่สองของผู้เขียนวางจำหน่าย ก็มีผู้อ่านเข้ามาคอมเมนต์ว่า นิยายของผู้เขียนเหมือนนิยายอีกเรื่องของนักเขียนดังท่านหนึ่ง
ผู้เขียนตอบไปแค่ว่า ไม่เคยอ่านเรื่องนิยายเรื่องนั้น เพราะไม่เคยอ่านจริง ๆ และไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ตอนหลังก็มีคนอ่านอีกคนเข้ามาช่วยแก้ให้ว่า ในเรื่องมีผีเหมือนกัน แต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนกันแน่นอน
เนื่องจากผู้เขียนทำงานสื่อมาก่อนจะเขียนนิยาย จึงเคยชินกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอ่านมาตลอด
เราเขียนหนังสือก็เพื่อให้คนอื่นอ่าน ซึ่งย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นต้องรู้สึกแย่ตรงไหน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า นักเขียนให้คุณค่ากับงานของตัวเองแบบไหน
ผู้เขียนคิดเสมอว่า ความสุขของการเป็นนักเขียน อยู่ระหว่างเขียนงาน เมื่อเขียนงานเสร็จ ความสุขได้จบลงแล้ว หลังจากงานเขียนของเราเผยแพร่สู่สาธารณะ มันไม่ใช่งานของเราอีกแล้ว แต่เป็นงานของใครไม่รู้(ฮา) ที่ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ชอบหรือไม่ชอบก็ได้
สิ่งที่ผู้เขียนทำได้ มีแค่เริ่มต้นเขียนเรื่องต่อไปเท่านั้น
หมายเหตุ
เรื่องนี้ภาพสวยมากถึงมากสุดจริง ๆ เลือกไม่ถูกจริง ๆ จะสวยไปไหน
คุณย่าสองคนนั่งหลับยังน่ารักเลย
แก๊งเด็ก น่ารักทุกคน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา