16 ก.พ. 2023 เวลา 13:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ "คู่มือแห่งความหวังในโลกสุดเฮงซวย"

บนหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ใน Version ภาษาอังกฤษเขียนว่า “A book about hope” หรือหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องความหวัง
ถึงแม้ว่าชื่อหนังสือเล่มนี้คือ Everything is f*cked (โลกนี้มันเฮงซวยไปหมดทุกอย่าง) แต่หนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องความหวังจริงๆค่ะ แต่ไม่ได้พูดในมุมที่พวกเราคุ้นเคยกัน 🙂
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ Mark Manson ที่เขียนหนังสือ The subtle art of not giving a f*ck (ศิลปะแห่งการช่างแม่ง) และเป็น Blogger ที่คนติดตามกว่าล้านคน ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้เลยเพราะภาษาเขียนของเขามีเอกลักษณ์มาก บางคนอาจจะบอกว่าหยาบคายแต่เราคิดว่าเขามีสไตล์การเขียนที่จริงใจและตรงไปตรงมามากกว่า และนั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงขายได้ถึง 13 ล้านเล่ม!
เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องเดียวคือ “ความหวัง” สิ่งที่เราถูกบอกมาตลอดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่หนังสือเล่มนี้บอกเราว่า ความหวัง มันคือสิ่งที่เราควรจะระมัดระวังมันไว้
โลกของมนุษย์ตอนนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่ายังมีปัญหามากมายให้ต้องแก้ไข แต่ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแล้วพวกเราอยู่ในช่วงยุคที่สะดวกสบายและปลอดภัยมากกว่าบรรพบุรุษของเรามาก
ความหวังคือสิ่งที่ขับเคลื่อนเผ่าพันธุ์ของพวกเรามาถึงตรงนี้
เรา “หวัง” ว่าจะได้กินอิ่ม ทำให้มีการปฏิวัติการเกษตร
เรา “หวัง” ที่จะมีเงิน ทำให้เรามีระบบการทำงานและอุตสาหกรรม
เรา “หวัง” ทำให้เราลงมือทำอะไรที่เป็นนวัตกรรมและพาสปีชีส์ของเรามาได้ไกล
แต่ในตอนนี้ที่พวกเรามาไกลมากแล้ว การที่จะ “หวัง” ให้รวยขึ้น ดีขึ้น ไปได้ไกลกว่านี้มันเริ่มจะสร้างปัญหา
ผู้เขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Anxiety (ความวิตกกังวล) เขาสังเกตว่า ความหวัง ทำให้คนอยากจะได้อยากจะมีมากขึ้น อยากยกระดับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ในตอนนี้ให้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งมันท้าทายมากถ้ามองว่าตอนนี้ความจำเป็นและความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ได้รับการตอบสนองไปหมดแล้ว
เรา “หวัง” อยากเลื่อนตำแหน่ง ทั้งๆที่ตอนนี้เงินเดือนก็พอใช้
เรา “หวัง” อยากมีแฟน ทั้งๆที่อยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆก็สบายดี
เรา “หวัง” อยากมีรถยุโรป ทั้งๆที่รถญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ก็สะดวกสบายแล้ว
ตอนนี้ความหวังไม่ใช่เป็นแค่แรงผลักดันเท่านั้น แต่เป็นต้นตอของความวิตกกังวลและซึมเศร้าได้อีกด้วย ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่และแพร่หลายมากโดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เมล็ดพันธุ์แห่ง “ต้องมีความหวังสิ” ถูกฝังลงไปในตัวพวกเราทำให้พวกเราอยากได้ อยากมี อยากยกระดับอยู่ตลอดเวลา
ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงได้บ้าง? แทนที่เราจะหวัง หนังสือเล่มนี้ชวนให้เรา “ยอมรับ” สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เรามี ยอมรับว่านี่แหละคือสิ่งที่จะเป็น จะมีไปในอนาคต เรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้ แทนที่จะหวังและอยากให้มีสิ่งใดสิ่งนึงเกิดขึ้น
มันไม่ได้แปลว่าเราควรใช้ชีวิตเลื่อนลอยแบบไม่ต้องทำอะไรเลยนะคะ เรายังคงมีหน้าที่ ความรับผิดชอบที่ต้องทำเหมือนเดิม มันอาจไม่ได้เปลี่ยนการกระทำของเราเลย แต่มันเปลี่ยน Mindset ที่เราใช้ทำกิจกรรมนั้นๆตังหาก ซึ่ง Mindset ที่ว่านี่คือการทำกิจกรรมนั้นเหมือนมันเป็น “เป้าหมายในตัวของมันเอง”
เช่น เราซื้ออาหารอร่อยๆไปให้เพื่อน ไม่ใช่เพื่อ “หวัง” ให้เพื่อนชอบเรา แต่ซื้อเพราะการซื้ออาหารเป็นเป้าหมายในตัวมันเอง เพราะเราอยากทำ
เราไปทำงาน ไม่ใช่เพราะ “หวัง” ว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เพราะเราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและไม่อยากให้คนอื่นลำบากจากความขี้เกียจของตัวเอง
ถ้าเราทำอะไรโดยที่ให้สิ่งที่เราทำเป็นเป้าหมายแทนที่จะ “หวัง” ว่าอะไรบางอย่างจะเกิดขึ้น เราเองก็จะอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น อยู่กับเรื่องที่เราควบคุมได้ แทนที่จะไปผูกความสุขของตัวเองกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ :)
ในเล่มนี้ตีความความหวังออกมาในอีกรูปแบบที่เราคิดว่าน่าสนใจดี ตอนแรกนึกว่าอ่านแล้วจะรู้สึกว่าโลกเราแย่จัง แต่อ่านแล้วกลับรู้สึกดีกับโลกมากขึ้นเฉยเลย แถมเรายังอ่านไปขำไป เพราะภาษาเขียนของ Mark ตลกร้าย คล้ายๆกับการอ่าน Script ของเดี่ยวไมโครโฟนเลย ถ้าใครอยากอ่านหนังสือที่แปลกใหม่ แตกต่าง แถมตลก เราแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ
ซื้อหนังสือ Everything is f*cked ได้ที่ https://shope.ee/5fGrVIIkgi
—————————————————————
ตอนนี้รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกมีถึง 6 ช่องทางแล้วนะคะ 🥳
เอาใจทั้งสายอ่าน สายฟัง สาย Podcast
ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ :D
โฆษณา