19 ก.พ. 2023 เวลา 15:22 • การศึกษา

จริงหรือไม่ที่เมืองไทยจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางของหนุ่มสาวแดนปลาดิบอีกต่อไป

สวัสดีค่ะทุกคน แอดหายไปนานเลย บังเอิญไปเจอโพสต์หนึ่งเห็นว่าน่าสนใจดีเลยนำมาฝากกันค่ะ คนเขียนชื่อ Mr. Ichiro Nakagawa ซึ่งเป็น editor ข่าวออนไลน์ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย เขาให้ความเห็นว่าเดี๋ยวนี้เมืองไทยไม่เหมาะที่จะเป็นประเทศที่หนุ่มสาวแดนปลาดิบจะมาเยือนได้ง่าย ๆ อีกต่อไป เนื่องจากค่าครองชีพของไทยที่สูงขึ้น สวนทางกับค่าครองชีพของญี่ปุ่นที่ดิ่งลงเรื่อย ๆ
แอดขอเสริมนิดหนึ่งนะคะ ปกติวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นจะทำงานพิเศษหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Arubaito ซึ่งบางคนก็จะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ใช้สำหรับท่องเที่ยวต่างประเทศ
เท้าความไปเมื่อปี 2021 มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ 『安いニッポン 「価格」が示す停滞』ซึ่งตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ Nikkei ชื่อหนังสือแอดขอแปลเป็นไทยสั้น ๆ ว่า “ญี่ปุ่นราคาถูก” หนังสือเล่มนี้พูดถึงหลายหัวข้อเช่น สินค้าญี่ปุ่นถูกกว่าหลาย ๆ ประเทศ, ค่าแรงญี่ปุ่นไม่ปรับขึ้น, ฯลฯ
หลังจากที่หนังสือเล่มนี้เป็นกระแสขึ้นมาก็มีชาวเน็ตบอกว่า “ที่ในหนังสือเขียนก็จริงอยู่แต่ว่าญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่สะดวกสบาย” “ค่าครองชีพถูกก็ทำให้หาของกินถูก ๆ ได้ง่าย ๆ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกจากประเทศที่ปลอดภัยอย่างญี่ปุ่น” “ก็ไม่อยากจะอาศัยอยู่ในที่ที่ค่าเช่าบ้านเดือนละ 300,000 เยน ค่าอาหารกลางวันมื้อละ 3,000 เยน” มีเสียงตอบรับไม่น้อยเลยที่เห็นด้วยกับการที่ญี่ปุ่นมีค่าครองชีพถูก แต่สำหรับ Mr. Nakagawa แล้ว เขากลับไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดที่ว่านี้สักเท่าไรนัก
ปัจจุบันเขาพักอยู่ในโรงแรมห้าดาวของไทย ซึ่งถ้าเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปี 2000 มีแต่คนญี่ปุ่นพักในโรงแรมนี้เต็มไปหมด แต่ปัจจุบันไม่มีเลย ที่เห็นเยอะหน่อยก็คือคนอินเดีย คนฝรั่งก็เยอะเหมือนปกติ ส่วนคนเกาหลีก็มีบ้าง หรืออย่างเวลาเดินข้างทางเมื่อก่อนจะมีเสียงเรียกลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่น “คนนิจิวะ” แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอ เจอแต่ “อันยองฮาเซโย”, “หนีห่าว” (แต่แถวธนิยะ แอดว่าภาษาญี่ปุ่นก็ยังเป็นเมนหลักอยู่นะ)
อีกเรื่องหนึ่งก็คือถ้าเทียบกับเมื่อปี 2000 แล้ว จะมีเสียงเรียกลูกค้าชาวญี่ปุ่นว่า 「エロビデオアルヨ」มีหนังโป๊นะ 「イイオンナイルヨ」มีผู้หญิงน่ารัก ๆ นะ แต่ว่าเดี๋ยวนี้คนญี่ปุ่นไม่ใช่ลูกค้าชั้นดีแล้วก็จะไม่ค่อยเจอเสียงเรียกลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่าใดนัก แม้กระทั่งเมนูร้านอาหารก็เปลี่ยนไป ร้านเดิมที่เมื่อก่อนมีแต่ภาษาญี่ปุ่น เดี๋ยวนี้มีภาษาจีนด้วย หรืออย่างรถตุ๊กตุ๊กก็เหมือนกัน Mr. Nakagawa บอกว่าเพื่อนเขาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยก็บอกว่าคนญี่ปุ่นไม่ใช่ลูกค้าชั้นดีอีกต่อไปเพราะว่าชอบต่อราคา
นอกจากนี้แล้ว ว่ากันว่าการที่จะดูสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ๆ หนึ่ง สิ่งหนึ่งที่จะเป็นดัชนีชี้วัดได้คือบิ๊กแมค หรือที่เราเรียกกันว่า Big Mac Index Mr. Nakagawa ได้ลองเปรียบเทียบเซ็ตเมนู (เบอร์เกอร์ + เฟรนช์ฟรายส์ + เครื่องดื่ม) โดยใช้เรต 1 บาท= 3.92 เยน ที่ญี่ปุ่นราคาแมคในแต่ละท้องถิ่นราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นเขาจึงอ้างอิงราคากลางจากในเว็บไซต์ ที่ไทยราคาในแมคแต่ละที่ก็ไม่เท่ากัน เขาจึงอ้างอิงราคาจากแมคสาขาประตูน้ำ (แอดก็เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าแมคทั้งไทยและญี่ปุ่นแต่ละสาขา ราคาไม่เท่ากัน)
1
รูปนี้ Cr. by แอด
สรุปได้ความว่าแมคที่ไทยราคาแพงกว่าแมคที่ญี่ปุ่น (แต่ก็มีคนญี่ปุ่นบางคนคอมเมนต์สิ่งที่ Mr. Nakagawa เขียน บอกว่าแมคที่ญี่ปุ่นเล็กกว่าเฟ้ย) อันนี้ใครทราบช่วยบอกแอดทีนะคะ
แอดก็รู้สึกเหมือนกันว่าค่าครองชีพของไทยสูงเอา ๆ เดี๋ยวนี้ทานข้าวกลางวันทีต้องกำเงินไว้มื้อละ 100 บาทถึงจะอิ่ม (แอดทำงานในเมือง)และการไปเที่ยวญี่ปุ่นในสมัยนี้ไม่ได้รู้สึกว่าแพงอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าช๊อปปิ้ง การที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงก็เป็นประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ มากเลยนะคะ แต่เหนืออื่นใดหาตัวเครื่องบินราคาถูกให้ได้ก่อน 🤣
ก่อนจากกันมีคำศัพท์เล็ก ๆ น้อยมาฝากกันค่ะ😊
▪️🍟フライポテト furai poteto เฟรนช์ฟรายส์
▪️ 治安のいい国 chian no ii kuni ประเทศปลอดภัย
▪️値切る negiru ต่อราคา
เช่น 1,500 円の品物を1,000 円に値切る。
sengohyaku en no shinamono wo sen en ni negiru
ต่อราคาของจาก 1,500 เยนเหลือ 1,000 เยน
▪️敷居が高い shikii ga takai เอื้อมไม่ถึง (ใช้ในบริบทที่ว่าของแพง)
เช่น あのレストランは高級すぎて敷居が高いよ。
ano resutoran wa takasugite shikii ga takai yo
▪️停滞 teitai ซบเซา
เช่น 景気の停滞が続いている。
keiki no teitai ga tsuduiteiru
เศรษฐกิจซบเซาอย่างต่อเนื่อง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา