23 ก.พ. 2023 เวลา 11:17 • ประวัติศาสตร์

ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) ค.ศ.1985

Tom Ford ทำความรู้จักดีไซเนอร์เทสต์เฉียบผู้ปลุกปั้นแบรนด์ดัง
ฝรั่งเศสกับอิตาลี คือประเทศที่มีแบรนด์และดีไซเนอร์ดัง ๆ อยู่มากมาย แต่แฟชั่นยุโรปก็ไม่ต่างจากแวดวงอื่น ๆ ที่มีคนนอกเปี่ยมความมุ่งมั่นฝีมือดี ฝ่าฟันอุปสรรคและแรงกดดันจนคนในยอมรับ เหมือนเช่นที่ Tom Ford ทำได้
ทอม ฟอร์ด ผู้นี้มีภูมิลำเนา และช่วงวัยเยาว์อยู่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่เมื่อเขาได้ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาจะได้พลัดถิ่นกำเนิดไปอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก เพื่อสมัครเข้าเรียนทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ณ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
แต่ไม่นานนักเขาก็ได้เบนเข็มนาฬิกาชีวิตครั้งสำคัญ เพื่อไปลงเรียนเกี่ยวกับวิชาสถาปัตยกรรม กระทั่งยังได้ฝึกงานที่ Parsons School of Design ในเมืองนิวยอร์กอีกด้วย ก่อนที่จะมีเรื่องเล่าว่าปีสุดท้ายก่อนจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1985
ทอม ฟอร์ด ยังได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้เข้าฝึกงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ของแบรนด์แฟชั่น Chloé และนั่นจึงเป็นดั่งจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ทอมหันมาเริ่มสนใจในสิ่งที่เรียกว่า แฟชั่น มากขึ้น
Tom Ford’s Last Fashion Show for Gucci
พร้อมทุ่มเทให้กับการศึกษาในด้านนี้อย่างเต็มที่ในเวลาต่อมา และเมื่อช่วงชีวิตได้เข้าสู่วัยทำงาน ทอมยังได้มีโอกาสรู้จักกับบุคคลสำคัญในวงการแฟชั่นอเมริกามากมาย ต่อยอดให้ตัวของเขานั้น ผันตัวเองเข้าสู่วงการแฟชั่นยุโรปอย่างจริงจัง
ด้วยการเหินฟ้าสู่เมือง Milan ประเทศอิตาลีในปี ค.ศ. 1990 เพื่อร่วมงานกับแบรนด์ Gucci ก่อนที่ความสามารถอันโดดเด่นที่มีจะผลักดันเขาขึ้นสู่ตำแหน่ง Creative Director ในปี ค.ศ. 1994
ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูการออกแบบแทบทุก Product Line ของ Gucci รวมไปถึงการดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์, แคมเปญโฆษณา และการออกแบบ Gucci Store ก็อยู่ภายใต้การดูแลของเขา
โดย Tom Ford ได้พลิกโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Gucci เสียใหม่ จากแบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย ไปสู่การนำเสนอสไตล์ความคลาสสิกแบบย้อนยุค และชูความโดดเด่นในเรื่องของ Sex Appeal ทำให้ Gucci กลับมายิ่งใหญ่ในวงการแฟชั่นอีกครั้ง
ภาพถ่ายแคมเปญโฆษณาของแบรนด์ Tom Ford ที่สื่อถึงความรุนแรง และเรื่องราวเกี่ยวกับเพศ / ภาพ : fashionlaw
ก่อนที่เขาจะตัดสินใจโบกมือลาทั้งที่ยังประสบความสำเร็จ และถึงแม้เขาจะจากไป แต่สิ่งที่ Tom Ford ได้ทิ้งไว้ให้กับ Gucci นั้นถือได้ว่าเป็นอีกตำนานแห่งวงการแฟชั่น กับการพลิกฟื้นวิกฤติของแบรนด์ Gucci ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
จากเดิมที่ทำรายได้ 230 ล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ.1994 เพิ่มเป็น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ.2003 แต่ท้ายที่สุดทอมก็ได้ตัดสินใจแขวนนวมบนสังเวียนของกุชชี่ เพื่อแสวงหาความสำเร็จใหม่มาเติมเต็มสีสันแห่งชีวิต ซึ่งนั่นหมายรวมถึงการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองเป็นสำคัญ
แบรนด์ที่จะเขาตั้งใจไว้ว่าจะให้มันเป็นนิยามของคำว่าเลิศหรูที่เป็นที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริงเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2005 โดยเขาใช้องค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้สะสมมาผสานการออกแบบที่มีความเฉพาะตัว พร้อมใส่ตัวตนของเขาลงไป
ภาพถ่ายแคมเปญโฆษณาของแบรนด์ Tom Ford
โดยเขามักจะใช้หลักคิดในแบบนักสถาปัติมากรรมมาใช้ในการออกแบบจึงทำให้ผลงานของเขามักจะมีความชัดเจนอย่างมากในเรื่องของโครงสร้างที่ให้ความสวยงามอย่างสมดุล
อย่างเช่น ขวดน้ำหอมทั้ง 2 รุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ทั้งขวดรูปทรงหมากรุกของน้ำหอมในไลน์ Private Blend และขวดที่เป็นรายริ้วรอบในกลุ่มของ Signature
ในส่วนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับท็อป
โดยสินค้าของเขาในตอนนี้ก็มีทั้ง เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และ หอมน้ำ ซึ่งก็ค่อยๆ ทรงอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆในวงการแฟชั่นระดับโลก
Private Blend และ Signature
Tom Ford นั้นไม่ได้สุดยอดแค่ในด้านแฟชั่น เพราะเขายังกระโจนเข้าสู่ความท้าทายใหม่ ๆ กับศาสตร์ทางด้านศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่เขาชื่นชอบ และให้ความสนใจนั่นคือการสร้างภาพยนตร์
ซึ่งหนังเรื่องแรกอย่าง “A Single Man” ที่เขาลงมือเป็นโปรดิวเซอร์, เขียนบท และกำกับ ในปี ค.ศ.2009 นั้นส่งให้ดารานำชายอย่าง Colin Firth ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และสำหรับ “Nocturnal Animals” หนังเรื่องที่สองของ Tom Ford ก็ได้รับรางวัล Grand Jury prize จาก Venice Film Festival ในปี ค.ศ. 2016
รวมถึงรางวัลลูกโลกทองคำ และเป็นอีกครั้งที่หนังของเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะทางด้านศิลปะของผู้ชายที่ชื่อว่า Tom Ford คนนี้
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) :
โฆษณา