10 มี.ค. 2023 เวลา 08:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Banshees of Inisherin (2022) – ทำไมไม่พูดกันดี ๆ

บางทีจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบางอย่าง อาจจะมาจากเรื่องเล็กจ้อยจนเราคาดไม่ถึง การเปลี่ยนแปลงของกระแสบางอย่าง ก็อาจจะมีต้นกำเนิดหรือที่มาในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด ผู้กำกับ ฯ และมือเขียนบทสัญชาติไอริช มาร์ติน แม็คดอนากห์ ที่มักจะเป็นเจ้าของผลงานตลกร้ายดราม่าขึ้นชื่ออย่าง In Bruges และ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ก็มาพร้อมกับเรื่องราวอันเล็กน้อยของกระทาชายสองคน ที่นำพาพวกเขาไปสู่โศกนาฎกรรม ในผลงานใหม่อย่าง The Banshees of Inisherin
The Banshees of Inisherin เล่าเรื่องในยุคสมัยที่ สงครามกลางเมืองไอร์แลนด์ ใกล้จะสิ้นสุด สหายสองนายอย่าง คอล์ม นักไวโอลินที่ใจใฝ่ฝันจะรังสรรค์บทเพลง กลับตัดสินใจตัดความสัมพันธ์จาก พาด์เรค ชายหนุ่มผู้ใสซื่อและเป็นที่รักของคนบนเกาะแบบขาดสะบั้น ความฉันท์มิตรกลับพลิกกลายเป็นความเย็นชา โดย พาด์เรค ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่า เหตุใดคอล์มจึงตัดสินใจเช่นนั้น และดูท่าทั้งสองไม่อาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ๆ
ตัวหนังเริ่มต้นอย่างเรียบง่าย และพาเข้าเรื่องแทบจะทันที ก่อนจะค่อย ๆ ดำเนินเรื่องราวผ่านบทสนทนากับเหล่าตัวละครไม่กี่ตัว ท่ามกลางทัศนียภาพอันเขียวขจี บนเกาะนอกชายฝั่งไอร์แลนด์สมมติอย่าง ไอนิขีริน ปกคลุมด้วยบรรยากาศควันจาง ๆ จากไฟสงคราม ในขณะเดียวกันที่จังหวะเรื่องราวดูไม่น่าพลิกผัน แต่มันก็มาพร้อมกับเหตุการณ์ ที่เผยให้เห็นจุดยืนอันชัดเจนของตัวละคร จนน่าสนใจว่า เรื่องราวที่ดูเล็กน้อยและเรียบง่ายนี้ จะมาพร้อมบทสรุปและไปสิ้นสุดที่ใด
หากจะหาคำนิยาม มันคือหนังแนวถนัดของ มาร์ติน แม็คดอนากห์ โดยแท้ เพราะหนังของแม็คดอนากห์ มักจะพูดถึงการนำพาตัวละครมาเผชิญหน้ากัน ด้วยบทสนทนาที่แสนหฤหรรษ์ตลกร้าย พลันว่าด้วยเรื่องราว ที่หากคนอื่นอาจเล็งเห็นว่ามันเป็นเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับพวกเขา เฉกเช่น เหล่านักฆ่าที่ลี้ภัยไปพักผ่อนใน In Bruges หรือ หญิงแก่ลายครามที่ทวงถามหาความยุติธรรมจากรัฐด้วยการติดป้ายประณาม อย่าง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri
อย่างเรื่องนี้ มันคือการถามไถ่ถึงสาเหตุที่แท้จริง ว่าทำไมสองสหายที่ดูท่าน่าจะซี้กัน กลับตัดความสัมพันธ์กันอย่างไม่ใยดี
ขณะที่เรื่องราวเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ดูจริง แต่สถานการณ์ดูเหนือจริงและตลกร้ายมากทุกขณะ ตัวละครในเรื่อง กลับถูกวางมาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งฝั่งของ พาด์เรค ที่มีความซื่อและจิตใจที่ใสสะอาดเป็นทุน ขณะเดียวกัน คอล์ม คือชายแก่ที่มาพร้อมความคิดในการมองโลกจากความเป็นจริง ด้วยวัยที่มากขึ้นและทัศนคติที่กว้างขึ้น ทำให้เขามองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากสายตาที่พาด์เรคมอง
หรือตัวละครอย่าง โชบาน น้องสาวของพาด์เรค เหมือนเป็นดั่งตัวแทนคนดู ที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งแสนโง่เขลาระหว่างชายคนสองคน พลางหาหนทางที่จะหลีกเร้นไปจากเกาะไอนิชีรินที่แสนจืดชืดนี่
หลายช่วงเวลา เราจึงได้อยู่ในบทสนทนาที่ทั้งสองปะทะคารมกัน ด้วยเรื่องง่าย ๆ แต่มันนำพาไปสู่การถกเถียง โดยมีแง่มุมทางสงครามเป็นตัวสะท้อน ถึงทัศนคติและอุดมการณ์ที่พวกเขามี ทั้งพาด์เรคที่ใช้ชีวิตคนหนุ่ม ทำงานปศุสัตว์เยี่ยงเกษตรกรทั่วไป และไม่คิดว่าสงครามจะนำพามาซึ่งอะไรก็ตาม
แต่กลับด้านกัน คอล์ม กลับหวังจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่า “ในรูปแบบและมุมมองที่เขาเชื่อ” หรือนั่นคือ การทิ้งไว้ซึ่งบทดนตรี ที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา จึงไม่แปลก เมื่อเขาแก่ตัวลง และมุมมองกว้างขึ้นตามแบบที่เขาคิด เขาจึงมองว่า การตัดสัมพันธ์ฉันทมิตรกับพาด์เรค คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
ความเก่งกาจของ The Banshees of Inisherin คือการใช้บรรยากาศอันเรียบเรื่อยของหนัง สะท้อนแง่มุมการปะทะกันระหว่างอุดมการณ์และการใช้ชีวิต ซึ่งก็สื่อถึงภาวะสงครามกลางเมืองไอร์แลนด์ได้อย่างดี ที่ฝั่งนึงอยากปลดแอกเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ กับอีกฝ่ายที่สนับสนุนความคิด ในการให้เป็นรัฐอิสระภายใต้อาณัติจักรวรรดิอังกฤษ ก่อนที่มันจะลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง
การลำดับจัดวางเรื่องราวผ่านตัวละคร ที่มีความแตกต่างในทัศนคติที่ใช้ในการมองโลก สะท้อนและสอดรับกับภาวะสงครามกลางเมืองไอร์แลนด์ ที่หนังดูเหมือนจะ “จงใจ” เซ็ตเรื่องราวและใช้มันเป็นฉากหลังของเรื่องราวได้อย่างดี อีกทั้งตัวละครรายล้อมก็ต่างมีปฏิกริยาที่มีต่อสงครามแตกต่างกันไป ทั้งรายของโชบาน หรือกระทั่ง โดมินิค ที่ฝ่ายนึงสื่อถึงภาวะสมองไหล กับอีกฝ่ายไม่แยแสกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของสงครามแม้แต่น้อย
ความเอกอุของเรื่องราว ส่องผ่านและนำด้วยการแสดงที่น่าเชื่อถือของทีมนักแสดง ความตลกร้ายแปรเปลี่ยนเป็นโศกนาฎกรรมโดยแท้ เพราะเรื่องราวที่ดูง่าย ๆ ที่ว่าด้วยความขัดแย้งทางมิตรภาพระหว่างสองฝ่าย ผันเปลี่ยนกลายเป็นวีรกรรมนองเลือดในรูปแบบที่ไม่คาดคิด ทั้งที่เรื่องราวทั้งหมดมันน่าจะจบลงโดยง่าย หากตัวละครทั้งสองคน ยอมพูดจาและเข้าหากันด้วยเหตุผล ไม่ต่างจากสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้น เหตุเพียงเพราะความต่างขั้วกันของอุดมการณ์
สรุปแล้ว The Banshees of Inisherin คือหนังตลกร้ายอันเอกอุของมาร์ติน แม็คดอนากห์ นำด้วยบทภาพยนตร์ที่รุ่มรวยและการแสดงชั้นเยี่ยม ด้วยบทสนทนาและสถานการณ์ดูท่าน่าขำร่วน เรื่องราวที่ดูน่าเล็กจ้อย แต่กลับใหญ่โตและบานปลายราวกับโศกนาฎกรรมก็ไม่ปาน สะท้อนถึงทัศนคติและอุดมการณ์ที่แตกต่างระหว่างคนสองขั้ว โดยใช้สงครามกลางเมืองไอร์แลนด์เป็นฉากหลังได้อย่างคมคาย
4.5 / 5
The Banshees of Inisherin (2022)
Written & Directed by Martin McDonagh

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา