12 มี.ค. 2023 เวลา 12:00 • ดนตรี เพลง

Marvin Gaye ผู้ใช้เสียงเพลงต่อต้านสงคราม

ถ้าพูดถึงนักร้องในตำนานเพลงโซล เชื่อว่า Marvin Gaye จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่แวบมาในหัว
ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง "Let's Get It On" และ "Sexual Healing"
นอกจากจะมีเสียงร้องที่นุ่มนวลจนได้ฉายาว่าเป็นราชาเพลงโซลแล้ว
Marvin Gaye ยังเป็นนักร้องที่ใช้เสียงเพลงเป็นอาวุธในการต่อต้านสงครามอีกด้วย
🎵 จุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรี
Marvin Pentz Gaye, Jr เกิดในปี 1939 ที่เมือง Washington, D.C.
โดยคุณพ่อของ Marvin Gaye เป็นคนที่เข้มงวดมาก
ตลอดช่วงเวลาวัยเด็กของเขา Marvin Gaye พบว่า ตัวเองสงบทุกครั้งเมื่อได้ฟังดนตรี
และเชี่ยวชาญการเล่นเปียโนกับกลองมาตั้งแต่ยังเล็ก
จนกระทั่งเข้าเรียนมัธยมปลาย การร้องเพลงของเขานั้นถูกร้องแค่ในโบสถ์เท่านั้น
แต่ไม่นานนัก เขาก็ได้พัฒนาการร้องแบบ R&B และ Doo-wop (แนวเพลงสไตล์ที่เน้นเสียงร้องเป็นหลัก) ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1950 Gaye ได้เข้าร่วมกลุ่มนักร้องชื่อ The New Moonglows
ด้วยเสียงร้องอันโดดเด่นทำให้ในที่สุด Marvin Gaye ก็ได้เซ็นสัญญากับ Motown Records
หลังจากที่เขาเข้าไปอยู่ภายใต้ Motown Records แล้ว ก็ยังไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง เพียงแต่ทำดนตรีเบื้องหลังให้กับนักร้องดังในสมัยนั้นอย่าง Little Stevie Wonder
จากนั้นในปี 1962 เขาก็ปล่อยซิงเกิ้ลเดี่ยวของเขา คือ "Hitch Hike"
ในสาารถไต่ชาร์ต Top 40 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ตลอดช่วงยุค 60s เพลงของ Marvin Gaye จะได้รับผลตอบรับที่ดีเสมอ
นอกจากนี้ยังมีออกเพลงคู่กับนักร้องหญิงในตำนานอย่าง Diana Ross และ Mary Wells
และในสมัยนั้น เพลง "Can I Get a Witness" กับ "I Heard it Through the Grapevine"
ได้กลายมาเป็นเพลงฮิตตลอดกาล และ เป็นเพลงที่มียอดขายมากที่สุดในยุค 60s ของค่าย Motown Records
Marvin Gaye และ Tammi Terrell ได้สร้างความประทับใจให้กับวงการด้วยการทำเพลงคู่ที่ต่อมาโด่งดังจนกลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ เพลง "Ain't No Mountain High Enough" และ "If I Could Build My Whole World Around You."
แต่แล้วโชคไม่ดีก็มาเยือน เมื่อยุคราชาและราชินีเพลง R&B ต้องจบลง
เพราะ Terrell ป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมองในปี 1970
และเมื่อคู่ร้องของเขาเสียชีวิต ก็ได้นำความมืดมนเข้ามาสู่ในชีวิต
พร้อมทั้งประกาศว่า เขาจะไม่ร้องเพลงคู่กับผู้หญิงคนไหนอีก รวมถึงจะลาเวทีไปตลอดกาล
แต่แล้วความรู้สึกสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็มลายหายไปเมื่อเขาได้พบกับ “What’s Going On”
🎵 “What’s Going On” เพลงต่อต้านสงครามที่ดีตลอดกาล
“What’s Going On” เป็นอัลบั้มที่ออกมาในช่วงปี 1971
โดยเนื้อหาของเพลงทั้งอัลบั้มมีการบรรยายถึงทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามที่เดินทางกลับมาสู่สหรัฐอเมริกา ความเกลียดชัง การเหยียดผิว การใช้สารเสพติด และ ความยากจน
โดยมีเพลงหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า“What’s Going On” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้ม
เพลงนี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Benson ซึ่งอยู่ในค่าย Motown เช่นเดียวกัน
ในตอนนั้น Benson ได้เห็นเหตุการณ์ที่ตำรวจทำร้ายประชาชนที่มาประท้วงต่อต้านสงครามอย่างโหดร้ายและทารุณ ภายหลังเหตุการณ์นั้นถูกเรียกว่า 'Bloody Thursday' หรือ วันพฤหัสฯนองเลือด
จากเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนั้น Benson ก็ตั้งคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้นที่นี่"
และจากคำถามหนึ่งนำไปสู่คำถามอื่น “ทำไมต้องส่งลูกตัวเองไปต่างประเทศ ให้ห่างไกลจากครอบครัว” หรือ “ทำไมต้องเข่นฆ่าลูกหลานตัวเองบนท้องถนน”
Benson ได้แต่งเพลงเพื่อแสดงความกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาในบทเพลง
แต่กลับไม่มีใครอยากร้องเพลงนี้ เนื่องจากบางฝ่ายมองว่า นี่คือเพลงที่สะท้อนนัยทางการเมือง
สุดท้าย Marvin Gaye กลับนำเพลงนี้ไปเรียบเรียงใหม่และร้องเอง
และตั้งชื่อเพลงว่า “What’s Going On”
ภายหลังที่ อัลบั้ม What’s Going On วางจำหน่าย
ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจนฮิต ติดอันดับ 6 บนชาร์ต Billboard Top LPs
และกลายเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดในตอนนั้นของ Marvin Gaye
ในส่วนของเพลง “What’s Going On” ก็ขายได้ 2 แสนก๊อปปี้ในสัปดาห์แรก และทะยานขึ้นถึงอันดับ 2 บนชาร์ต Billboard Hot 100
นอกจากนี้ อัลบั้ม What’s Going On ยังถูกโหวตจากทุกสำนักให้เป็นอัลบั้มที่ “ดีที่สุดตลอดกาล” อีกด้วย และเพลง “What’s Going On” ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดตลอดกาลเช่นกัน และได้รับเลือกให้บรรจุไว้ในหอสมุดเพลงแห่งชาติโดยหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
ถึงแม้ Marvin Gaye จะจากโลกใบนี้ไปแล้ว
แต่คุณค่าที่เขาได้ใส่ไว้ผ่านบทเพลงจะยังคงอยู่
ผ่านบทเพลงที่ยังก้องกังวานในใจผู้ฟังตลอดไป
“I didn’t know how to fight before, but now I think I do. I just have to do it my way. I’m not a painter. I’m not a poet. But I can do it with music”.
“ผมไม่เคยรู้วิธีสู้รบมาก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ผมจะสู้ในแบบของผม นั่นคือการใช้เสียงเพลง”
Marvin Gaye
ผู้เขียน : ณิศรา วาดี Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:
โฆษณา