Dr. Dre ศิลปินฮิปฮอป
ผู้ทำรายได้สูงสุดในโลกช่วงทศวรรษ 2010 โดยนิตยสาร Forbes
หากกล่าวถึงศิลปินนักร้องระดับโลกที่สร้างรายได้สูงสุดตลอดกาลคงนึกถึง Michael Jackson The beatles หรือย้อนไปไกลหน่อยคงเป็น Elvis Presley
แต่ในช่วงทศวรรษที่ 2010 ต้องยกให้กับศิลปินฮิปฮอปอย่าง Dr. Dre ที่ทำรายได้แซงหน้า Taylor Swift ด้วยรายได้กว่า 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนนิตยสารชื่อดัง Forbes ยกให้เป็นศิลปินผู้ทำรายได้สูงสุดในทศวรรษที่ 2010
Dr. Dre เป็นใคร แล้วอะไรที่ทำให้ศิลปินแนวเพลงฮิปฮอปก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องที่ทรงอิทธิพลในทศวรรษที่ 2010 Bnomics จะมาเล่าให้ฟัง
แอนเดร โรเมลล์ ยัง (Andre Romell Young) คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ Dr. Dre หากย้อนดูแบ็คกราวน์ชีวิตก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงหลงใหลในดนตรี เป็นศิลปินที่มีความสามารถแบบทุกวันนี้
เขาเกิดในปี 1965 ทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นนักร้อง แต่แม่ได้ออกจากวงดนตรีก่อนที่เขาจะเกิด และชื่อกลางของเขา Romell ก็มาจากชื่อวงที่พ่อเขาเป็นสมาชิก
หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน เขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่แต่งงานใหม่หลายครั้ง ทำให้เขาต้องย้ายบ้านไป ๆ มา ๆ ตอนที่เขาอยู่ใน Centennial High School เขาแสดงความสามารถในการร่างภาพ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบตัวเองว่าเขาไม่ได้ชอบงานพวกนี้ แต่สิ่งที่เขาชอบคือเสียงเพลง
เขาได้รับ Music Mixer ในวันคริสมาสตร์ปี 1984 เขาเริ่มสร้างสรรค์ทำนองเพลง ดนตรีเป็นของตัวเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในวงการเพลงทั้งด้านการร้อง แร๊ป จนได้ชื่อเล่นในวงการว่า Dr.Dre มาจากนักบาสเกตบอลชื่อดังคือ Julius "Dr. J." นั่นเอง
จากการฝึกซ้อม ขวนขวายจนเชี่ยวชาญที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์หรือพรแสวงกันแน่ แต่ไม่นานนักเขาก็ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่กับเพื่อนแร็ปเปอร์ในนามของวง N.W.A. (****** With Attitude) ซึ่งเป็นกลุ่มฮิปฮอป มีสไตล์การแร็ปที่รุนแรง สะท้อนชีวิตคนบนท้องถนน จนถูกแบนจากหลายสถานีวิทยุในอเมริกา หากแต่ยอดขายก็ทะลุกว่า 10 ล้านแผ่น
ในปี 1988 อัลบั้มที่สองชื่อ Straight Outta Compton แนวเพลงนี้ถูกเรียกว่าอันธพาลแร็ป กล่าวถึงความขัดแย้งของสังคมระหว่างคนผิวดำและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยิ่งตอกย้ำความชื่นชอบของชาวอเมริกันด้วยยอดขายกว่า 2 ล้านชุด เรียกได้ว่าวง N.W.A. มีชื่อเสียงและโด่งดังอย่างมากในทศวรรษ 1990
ความสามารถของ Dr. Dre ถูกพิสูจน์อีกครั้งเมื่อเขาออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1999 และทำยอดขายหลายล้านตลับ!
นอกจากเบื้องหน้า เขายังทำงานเบื้องหลังให้กับศิลปินฮิปฮอปและแร็ปเปอร์มากมายมาโดยตลอด จนในปี 1996 เขาได้ก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองชื่อ Aftermath Entertainment และสร้างชื่อจากการปลุกปั้นศิลปินที่ทั่วโลกต้องรู้จักนั่นคือ Eminem และ 50 Cent
ในช่วงแรกก็เกิดปัญหาเพราะหากพูดถึงวงการแร็ปเปอร์ส่วนใหญ่ศิลปินต้องเป็นคนผิวดำ การที่ Dr. Dre ปลุกปั้น Eminem ซึ่งเป็นคนผิวขาว ทำให้ถูกวิจารณ์มากมาย จนในที่สุดเขาก็ได้พิสูจน์ว่าพวกนักวิจารณ์เหล่านั้นคิดผิด เพราะ Eminem กลายเป็นศิลปินที่มียอดจำหน่ายอัลบั้มสูงสุดในทศวรรษที่ 2000 และนิตยสารชื่อดังอย่าง Rolling Stone ยกย่องให้เขาเป็น 1 ใน 100 ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
การปลุกปั้น Eminem และ 50 cent ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของ Dr. Dre แต่แล้วความสำเร็จใหม่ก็มาถึง
เมื่อนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ Dr. Dre กลายเป็นศิลปินฮิปฮอปผู้ทำรายได้สูงสุดในโลกช่วงทศวรรษ 2010!!
และรายได้เหล่านี้ไม่ได้มาจากการขายอัลบั้ม หรือ ทัวร์คอนเสิร์ตอย่างศิลปินที่โด่งดังเทียบเคียงในยุคเช่น Taylor Swift หรือ Beyoncé แต่มาจากการทำธุรกิจหูฟังชื่อดังอย่าง Beats ภายใต้บริษัทชื่อ Beats Electronics ในปี 2006
Beats ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยภาพลักษณ์หูฟังระดับพรีเมี่ยม คุณภาพดี จนเป็นที่นิยมทั้งในหมู่ศิลปินและคนทั่วไป แม้แต่ Lebron James นักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดังก็ยังใช้หูฟังนี้ จนในปี 2014 จากอุปกรณ์หูฟังขยายสู่การทำสตรีมมิ่งเพลงชื่อ Beats Music
และนี่เป็นจุดสร้างรายได้มหาศาลให้กับ Dr.Dre เพราะเขาได้ขายกิจการ Beats Electronic บริษัทหูฟังและ Beats Music บริการสตรีมเพลงให้แก่ Apple ด้วยจำนวนเงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเขายังถือหุ้นใน Beats ราว 20%!
ซึ่งรายได้กว่า 950 ล้านดอลลาร์ส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นใน Beats จนทำให้ Dr. Dre เป็นศิลปินที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงทศวรรษที่ 2010 แม้จะไม่มีทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก หรือยอดขายอัลบั้มมหาศาล แต่จากการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เรียกได้ว่า เขาเป็นทั้งศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในวงการเพลงอย่างแท้จริง
ผู้เขียน: ขัตติยาภรณ์ ด้วงแก้ว Political Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
