8 เม.ย. 2023 เวลา 07:21 • หนังสือ

#3 The Ra Contact Volume 1 — #บทนำ (2)

▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸
The Law of One and its Cosmology
This is how Ra described the Law of One :
นี่คือวิธีที่ราห์อธิบายถึงกฎแห่งความเป็นหนึ่ง :
[In truth there is no right or wrong. There is no polarity, for all will be, as you would say, reconciled at some point in your dance through the mind/body/spirit complex which you amuse yourself by distorting in various ways at this time. This distortion is not in any case necessary.
[ ความจริงไม่มีถูกหรือผิด ไม่มีขั้วตรงข้ามใด ๆ เพราะทุกอย่างจะกลับมาประสานกลมกลืนกันเมื่อถึงจุดหนึ่งในการร่ายรำของคุณผ่านความซับซ้อนของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ ที่ซึ่งคุณได้สร้างความสนุกสนานให้กับตัวเองด้วยการบิดเบือนความจริงไปต่างๆ นานาอยู่ในเวลานี้ ซึ่งการบิดเบือนนี้ไม่จำเป็นในทุกกรณี
It is chosen by each of you as an alternative to understanding the complete unity of thought which binds all things. You are not speaking of similar or somewhat like entities or things. You are every thing, every being, every emotion, every event, every situation. You are unity. You are infinity. You are love/light, light/love. You are. This is the Law of One.]
มันคือทางเลือกที่พวกคุณแต่ละคนได้เลือกในการทำความเข้าใจถึงความเป็นหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ของความคิดซึ่งผูกมัดทุกสิ่ง (คุณคิดว่าคุณเป็นสิ่งใดคุณก็เป็นสิ่งนั้น)
ตัวคุณไม่ได้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิต หรือเป็นสิ่งที่คล้ายกันหรือค่อนข้างคล้ายกันกับสิ่งมีชีวิตหรือเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณคือทุกสิ่ง คือทุกตัวตน คือทุกอารมณ์ คือทุกเหตุการณ์ คือทุกสถานการณ์ คุณคือความเป็นหนึ่งเดียว คุณคือความไร้ที่สิ้นสุด คือความไร้ขอบเขต คือความไร้ขีดจำกัด คุณคือความรักและแสงสว่าง คือแสงสว่างและความรัก ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่คุณเป็น และนี่ก็คือ “กฎแห่งความเป็นหนึ่ง”]
In this book, Ra brings us face to face with the same basic truth that has been reported by mystics from all quarters of the world throughout the ages: the astounding realization that the One Infinite Creator is within us and is within everything, everywhere. In fact, the Law of One asserts there is nothing that is not the Creator; there is nothing that outside of this underlying unity.
ในหนังสือเล่มนี้ ราห์นำเราไปพบกับความจริงขั้นพื้นฐานเดียวกันกับที่ได้รับการรายงานโดยผู้วิเศษ (ผู้เผยพระวจนะ/คุรุผู้รู้แจ้ง) จากทั่วทุกมุมโลกตลอดทุกยุคทุกสมัย: การตระหนักรู้อย่างน่าประหลาดใจว่าพระผู้สร้างที่ไม่มีที่สิ้นสุดเพียงหนึ่งเดียวนั้นดำรงอยู่ในตัวเรา ดำรงอยู่ในทุกสิ่ง และดำรงอยู่ในทุกที่ทุกกาล อันที่จริง กฎแห่งความเป็นหนึ่งยังยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดที่ไม่ใช่พระผู้สร้าง และไม่มีอะไรที่อยู่นอกเหนือความเป็นเอกภาพที่เป็นรากฐานของทุกสิ่งนี้
Ra reports that the Creator has made the infinite creation out of Itself for the purpose of knowing and experiencing Itself. This "intelligent infinity," as Ra calls it, generates out of its own being the galaxies, stars, planets, entities such as ourselves, darkness and light, love and fear, every shade of meaning and experience, every mode of thought and activity, and everything else real and imagined on every plane of existence.
ราห์ รายงานว่าพระผู้สร้างได้สร้างสรรพสิ่งจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นอนันต์ออกมาจากตัวเองเพื่อจุดประสงค์ในการรู้จักและมีประสบการณ์ถึงตัวเอง (ว่าตัวเองสามารถเป็นอะไรได้บ้าง)
กาแลคซี่ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ สิ่งมีชีวิต เช่น มนุษย์เรา และอื่นๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ความมืดและแสงสว่าง ความรักและความกลัว คำนิยามและประสบการณ์ในทุกรูปแบบ ความคิดและกิจกรรมในทุกรูปแบบ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นจริงและทุกจินตนาการที่เป็นไปได้บนระนาบ (มิติ) แห่งการดำรงอยู่ทั้งหมด ล้วนถือกำเนิดขึ้นมาจาก "สติปัญญาอันไร้ขอบเขต" (หรือ สิ่งนั้นอันเป็นทั้งหมด) นี้ตามที่ ราห์ เรียก
And It has endowed each and every seeming portion of this creation with a foundation of free will: the capacity to learn, to grow, to intend, to adapt, to make evolutionary choices, to chart a return path of experience to the Creator.
และสิ่งนั้นได้ประทานเจตจำนงเสรีให้เป็นรากฐานแห่งตัวตนของสรรพสิ่งทั้งปวงที่ถูกสร้างขึ้นนั้น : เจตจำนงเสรีในการที่จะเรียนรู้ เติบโต ตั้งเป้า ปรับตัว ตัดสินใจเลือกวิวัฒนาการ สร้างแผนภูมิเส้นทางแห่งประสบการณ์เพื่อกลับคืนสู่พระผู้สร้าง
As we travel on our spiritual journeys we exercise free will, choosing to gradually know ourselves more clearly, and sooner or later we grow into unity with the One Creator. As all of the infinity of entities in the infinite creation travel this path, the One Creator comes to know Itself in ways that are unimaginable and endless through every free will choice that is ever made by each portion of the creation.
ในขณะที่เราเดินทางอยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เราได้ใช้เจตจำนงเสรีในการเลือกที่จะค่อยๆรู้จักตนเองได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆว่าเราคือใคร และไม่ช้าก็เร็วเราก็จะเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้สร้างเพียงหนึ่งเดียวนั้น เมื่อสรรพสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดในการสร้างสรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเดินทางไปบนเส้นทางนี้ พระผู้สร้างเพียงหนึ่งเดียวนั้นจะได้รู้จักตัวเองในทุกรูปแบบเท่าที่จะเป็นไปได้และไม่มีที่สิ้นสุดผ่านทุกทางเลือกโดยเจตจำนงเสรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยแต่ละภาคส่วนของสรรพสิ่งที่ถูกตนเองสร้างขึ้นทั้งปวงนั้น
The journey that each soul takes, according to Ra, moves through an infinite system of "octaves," each octave divided into seven ascending densities (or concentrations) of light.
การเดินทางที่แต่ละดวงวิญญาณเลือกเดินนั้น ตามที่ ราห์ กล่าว ต้องเคลื่อนผ่านระบบ "แปดขั้นบันไดเสียง (อ็อกเทฟ)" อันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งแต่ละอ็อกเทฟจะแบ่งออกเป็นเจ็ดความหนาแน่น (หรือความเข้มข้น) ของแสงจากน้อยไปหามาก (😮😯😲🤯🤯🤯)
In the first density of our current octave, fire and wind teach earth and water to be formed in such a way as to produce the foundation for subsequent biological life.
ความหนาแน่นขั้นแรกของอ็อกเทฟในปัจจุบันของเรา ไฟและลมสอนให้ดินและน้ำก่อตัวในลักษณะที่จะสร้างรากฐานสำหรับชีวิตทางชีวภาพที่จะเกิดขึ้นตามมา
The second density is the level of consciousness inhabited by bacteria and single-celled organisms in the lower stages to plants and animals in the higher stages.
This density's lessons involve transforming from the random change of first density to a more coherent awareness that facilitates growth and directed movement. As entities progress through the second density, they begin to strive toward the next density of selfconsciousness; and as the spirit complex becomes awakened, graduation to the third density becomes possible.
ความหนาแน่นที่สองคือระดับของความรู้สึกตัวที่มีอยู่ในแบคทีเรียและสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวในขั้นล่างไปจนถึงพืชและสัตว์ในขั้นที่สูงขึ้น
บทเรียนของความหนาแน่นนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนจากการเคลื่อนที่แบบสุ่มของความหนาแน่นแรกไปสู่การรับรู้ที่สอดคล้องกันมากขึ้นซึ่งเอื้อต่อการเติบโตและการเคลื่อนไหวที่สามารถกำกับทิศทางได้ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตกำลังก้าวหน้าผ่านความหนาแน่นที่สอง พวกมันเริ่มพยายามไปสู่ความหนาแน่นถัดไปของการตระหนักรู้ในตนเอง และเมื่อความซับซ้อนของวิญญาณได้ตื่นขึ้น (รู้สึกได้ถึงความเป็นตัวเอง ในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ได้มากขึ้น) การจะบรรลุถึงระดับความหนาแน่นที่สามก็เป็นไปได้
Earth and its human population are currently approaching the end of the third-density cycle, according to the Confederation. In this third density, the density of choice, we have a more highly developed self-awareness that includes the mind, the body, and, for the first time, a fully activated spirit. The function of this density is to polarize our consciousness and to choose our form of love, our form of service.
ขณะนี้โลกและประชากรมนุษย์กำลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของวัฏจักรของความหนาแน่นที่สาม อ้างอิงข้อมูลจากสมาพันธ์ (แห่งดาวเคราะห์ผู้ให้บริการของพระผู้สร้างหนึ่งเดียว) ความหนาแน่นที่สามนี้ คือความหนาแน่น (มิติ) แห่งการเลือก เรามีการตระหนักรู้ในตนเองที่พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงจิตใจ ร่างกาย และเป็นครั้งแรกที่จิตวิญญาณถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่
หน้าที่ของความหนาแน่นนี้ก็คือการทำให้จิตสำนึกของเรามีขั้วตรงข้าม (และระหว่างนั้น)★ และเลือกรูปแบบของความรัก (จะรักอย่างไรกับทั้งตัวเอง ผู้อื่น สิ่งอื่น) ที่เป็นรูปแบบแห่งการบริการของเรา
★สร้างความเป็นคู่ขึ้นในจิตสำนึกเพื่อให้เรามีทางเลือก เช่น ผู้รู้ – สิ่งที่ถูกรู้ เป็นต้น ความเป็นคู่ และสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ทำให้เกิดทางเลือก มีอะไรให้เราสามารถเลือกได้ว่าง่ายๆ เพราะหากไม่มีอะไรให้เลือก เราจะวิวัฒนาการตัวเองได้อย่างไร –ผู้แปล–
On one end of the spectrum of polarization is service to self: an exclusive love of self which rejects universal love and seeks to control, manipulate, exploit, and even enslave others for the benefit of the self.
ด้านหนึ่งของแถบสีของความเป็นขั้วตรงข้ามก็คือ #การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง : มันคือการผูกขาดความรักไว้ที่ตนเองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคือการปฏิเสธความรักสากล (รักทุกคน) และการพยายามควบคุม ชักใย หาประโยชน์ และแม้กระทั่งกดขี่ผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
On the other end of the spectrum is service to others: a love of not only the self, but of all other-selves. Service to others seeks and embraces universal, unconditional love, sees the Creator in all things, and supports the free will of all. Our lived lives are not so black and white, however, as we strive toward either end of the spectrum of polarity in consciousness.
อีกด้านหนึ่งของแถบสีก็คือ #การรับใช้ผู้อื่น : คือความรักที่ไม่เพียงมีต่อตนเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อื่นด้วย คือการรับใช้ผู้อื่นให้แสวงหาและโอบรับความรักสากล รักที่ไม่มีเงื่อนไข ให้มองเห็นพระผู้สร้างที่ดำรงอยู่ในทุกสิ่ง และสนับสนุนเจตจำนงเสรีของทุกคน อย่างไรก็ตาม ชีวิตของคนเราก็ไม่ได้เป็นขาวและดำอย่างเดียวเสมอไป ในขณะที่เราพยายามไปสู่จุดสิ้นสุดของแถบสีด้านใดด้านหนึ่งของความเป็นขั้วตรงข้ามในจิตสำนึก
In congruency with various wisdom traditions of Earth, Ra communicates that we are moving toward a "new age," or what Ra would call a harvest to the fourth density of love and understanding. This is where the social memory complex is born, where thoughts become things, love becomes visible, and the positive and negative polarities separate from each other to inhabit environments more suited to their respective and divergent courses of evolution.
เพื่อให้สอดคล้องกับภูมิปัญญาพื้นถิ่นในที่ต่างๆของโลก ราห์ สื่อสารว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ ​​"ยุคใหม่" หรือสิ่งที่ ราห์ เรียกว่า การได้รับผลของความหนาแน่นที่สี่ ที่เป็นความหนาแน่นของความรักและความเข้าใจ ที่เป็นจุดกำเนิดของความทรงจำทางสังคมเชิงซ้อน ที่ซึ่งความคิดกลายเป็นทรัพย์สิน (เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ) ความรักกลายเป็นสิ่งที่มองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม และขั้วบวก–ขั้วลบแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมกับแนวทางวิวัฒนาการตามลำดับที่แตกต่างกัน
The fifth density is the density of light, wherein wisdom becomes the focus and criterion for graduation to the next density.
ความหนาแน่นที่ห้าคือความหนาแน่นของแสง ซึ่งปัญญาจะกลายเป็นจุดสนใจและเป็นหลักเกณฑ์สำหรับการสำเร็จการศึกษาเพื่อไปสู่ความหนาแน่นถัดไป
The sixth density balances and unifies the love learned in fourth density with the light (wisdom) learned in fifth density and produces a power to serve others that is more effective than that of love or wisdom alone.
ความหนาแน่นที่หกคือการสร้างสมดุลและหลอมรวมความรักที่เรียนรู้ตอนอยู่ในความหนาแน่นที่สี่เข้ากับแสงสว่าง (ปัญญา) ที่เรียนรู้ตอนอยู่ในความหนาแน่นที่ห้า และสร้างพลังในการรับใช้ผู้อื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าความรักหรือปัญญาแค่เพียงอย่างเดียว
The seventh density reaches a realm of experience even more difficult to describe. According to Ra it is the density of “foreverness," and here we begin to move into total harmony with the One Creator.
ความหนาแน่นที่เจ็ดคือการเข้าถึงอาณาจักรแห่งประสบการณ์ที่ยากจะบรรยายให้ออกมาเป็นคำพูดได้ ตามที่ ราห์ กล่าว นี่คือความหนาแน่นของ "ความเป็นนิรันดร" และที่นี่เราเริ่มเข้าสู่ความหลอมรวมกลมกลืนอย่างสมบูรณ์กับพระผู้สร้างหนึ่งเดียว
The eighth density represents the complete coalescence of all of the creation with the One Creator and can be viewed as the first density of a new octave, similar in arrangement to the notes on a musical scale. The fruits of this octave will eventually give birth to another octave of densities, whose fruits will give birth to another octave of densities, and so on, infinitely.
ความหนาแน่นที่แปดคือการแสดงถึงการหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ของสรรพสิ่งทั้งมวลกับพระผู้สร้างหนึ่งเดียว และสามารถมองได้ว่าเป็นความหนาแน่นแรกของอ็อกเทฟใหม่ คล้ายกับการเรียงกันของโน้ตในระดับเสียงดนตรี (ที่มี 8 เสียง — โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด) ในที่สุดผลของอ็อกเทฟนี้ก็จะให้กำเนิดความหนาแน่นของอ็อกเทฟถัดไป (ที่มี 8 เสียง หรือ 8 ขั้น) ซึ่งผลของมันก็จะทำให้เกิดความหนาแน่นของอ็อกเทฟถัดไปอีกอ็อฟเทฟหนึ่ง ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด★
(★🤯🤯🤯🤯🤯🤯🤯🤯🤯 — สมองพังโดยสมบูรณ์ครับงานนี้ 😅 –ผู้แปล–)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา