#4 The Ra Contact Volume 1️⃣ — #บทนำ (3) : การติดต่อกับราห์เกิดขึ้นได้อย่างไร
▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸
How the Ra Contact Came to Be
การติดต่อกับราห์เกิดขึ้นได้อย่างไร
Don Elkins started asking the big questions about life when he was in junior high school. Amidst the everyday reading, writing, and arithmetic he was thinking to himself: What is the meaning of life? How big is the universe, and how does it work? What don't we know? That desire to understand and put the puzzle pieces together would persist unabated throughout his incarnation.
ดอน เอลกินส์ เริ่มถามคำถามสำคัญเกี่ยวกับชีวิตเมื่อเขาอยู่ชั้นมัธยมต้น ท่ามกลางการอ่าน เขียน และคิดเลขทุกวัน เขาคิดกับตัวเองว่า : ความหมายของชีวิตคืออะไร❓ เอกภพนั้นใหญ่แค่ไหน และมันทำงานอย่างไร❓ มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกบ้าง❓เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าความปรารถนาที่จะเข้าใจและนำชิ้นส่วนปริศนาต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันนั้นจะคงอยู่ตลอดไปตลอดการเกิดใหม่ของเขา
In his professional life Elkins would go on to become a professor of both Mechanical Engineering and Physics, and in his personal life a determined investigator of UFOs, reincarnation, and other areas of inquiry that might be cobbled together under the heading of the paranormal.
ในชีวิตการทำงานของเขา เอลกินส์ เป็นศาสตราจารย์ทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลและฟิสิกส์ และในชีวิตส่วนตัวของเขา เขาคือผู้สืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับยูเอฟโอ การกลับชาติมาเกิด และการสืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในด้านอื่นๆ
He realized that modern science fell short of revealing the fundamental workings and purpose of the universe, so he turned to these fields for answers that science could not provide.
เขาตระหนักว่าวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ขาดการเปิดเผยข้อมูลถึงการทำงานขั้นพื้นฐานและจุดประสงค์ของเอกภพ ดังนั้นเขาจึงหันไปหาศาสตร์ที่ต่างไปเหล่านั้นเพื่อหาคำตอบที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้ได้
Carla L. Rueckert was a person gifted since childhood with a soaring intellect and a profoundly deep and personal faith. On the latter point she called herself a "cradle Episcopalian" and, eventually, a mystical Christian.
คาร์ลา แอล. รือเคิร์ตเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่วัยเด็กด้วยสติปัญญาอันสูงส่งและศรัทธาส่วนตัวอันลึกซึ้ง ในช่วงเวลาต่อมาเธอถึงกับแทนตัวเองว่าเป็น "บาทหลวงตัวน้อย" และในท้ายที่สุดก็กลายเป็นคริสเตียนผู้เชี่ยวชาญในเรื่องลึกลับและเวทมนตร์คาถา
On the former, Carla was a precocious child who excelled in school, mastering any test offered her. And most centrally, despite tough circumstances growing up, Carla vibrated with a love of life. She lived to dance, to sing, to interact with nature, and to embody a life of devotion and service.
ในอดีต คาร์ลาเป็นเด็กฉลาดเกินวัยที่เก่งในการเรียน เธอมีความเชี่ยวชาญกับทุกวิชาที่ได้เรียน และที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเธอจะเติบโตขึ้นมาผ่านการมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่คาร์ลาก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในการใช้ชีวิต เธอมีชีวิตอยู่เพื่อเต้นรำ ร้องเพลง มีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ และใช้ชีวิตเพื่อการอุทิศตนและการรับใช้
She was so committed to the loving viewpoint that people often took her as innocent or naïve, compelling from some a desire to protect and guard Carla against a world they felt was less pure than she was.
เธอมีความยึดมั่นในมุมมองเรื่องความรักจนผู้คนมักมองว่าเธอไร้เดียงสา ใสซื่อหรืออ่อนต่อโลกมากเกินไป จึงทำให้พวกเขาเกิดความปรารถนาที่จะปกป้องและคุ้มกันคาร์ล่าจากโลกที่พวกเขารู้สึกว่าไม่บริสุทธิ์อย่างที่เธอเป็น
In late 1961 Don was given a small, brown volume, creatively titled The Brown Notebook, which had been compiled by Walt Rogers of Detroit, Michigan, a fellow who previously experienced a face-to-face encounter with a UFO entity.
ปลายปี พ.ศ. 2504 ดอนได้รับหนังสือสีน้ำตาลเล่มเล็กๆที่มีชื่ออันสร้างสรรค์ว่า 'สมุดบันทึกสีน้ำตาล' ซึ่งรวบรวมโดย วอลต์ โรเจอร์สแห่งเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เพื่อนที่เคยมีประสบการณ์เผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวกับยูเอฟโอ
After the encounter, Mr. Rogers displayed "lingering telepathic contact" with this entity, a phenomenon that frequently was reported in similar encounters from the 1950s. Rogers's compiled brown notebook contained information about the metaphysical nature of reality from alleged extraterrestrial sources.
หลังจากการเผชิญหน้า นายโรเจอร์สได้เปิดเผยถึง "การติดต่อทางกระแสจิตอย่างไม่ลดละ" กับตัวตนดังกล่าวนี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ถูกรายงานอยู่บ่อยครั้งในการเผชิญหน้าที่คล้ายกันนี้ในช่วงปี 1950 สมุดบันทึกสีน้ำตาลที่รวบรวมโดยโรเจอร์สมีข้อมูลเกี่ยวกับอภิปรัญญาว่าด้วยความจริงในธรรมชาติ (หรือจักรวาล) ที่แหล่งข้อมูลนั้นถูกกล่าวอ้างว่าได้รับมาจากสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก
It also described how a group of people who meditated together on a frequent basis could receive this sort of information via telepathic contact with extraterrestrial entities.
นอกจากนี้ในสมุดบันทึกยังอธิบายอีกว่ากลุ่มคนที่ทำสมาธิร่วมกันเป็นประจำสามารถรับข้อมูลประเภทนี้ผ่านการติดต่อทางกระแสจิตกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกได้อย่างไร
Elkins was so thoroughly impressed with the correlations between the channeled material in the notebook and his own work that, based on this information, he decided to try an experiment with a dozen of his physics students in Louisville, Kentucky.
เอลกินส์ รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาที่อยู่ในสมุดบันทึกกับงานของเขาเอง จากข้อมูลนี้ เขาจึงตัดสินใจทำการทดลองกับนักเรียนฟิสิกส์หลายสิบคนของเขาที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้
News of that reached the ears of a girlfriend of one of those students. She had recently developed a driving interest in silence and love of meditation, so she asked to attend. Her name was Carla L. Rueckert.
ข่าวนั้นไปถึงหูแฟนสาวของนักเรียนคนหนึ่ง เธอเพิ่งพัฒนาความสนใจในเรื่องการอยู่กับความสงบนิ่งและชอบทำสมาธิ ดังนั้น เธอจึงขอเข้าร่วมการทดลองนี้ด้วย ซึ่งชื่อของเธอก็คือ คาร์ลา แอล. รือเคิร์ต
Don didn't tell the group what might happen, only that something interesting could possibly occur if they meditated together. He was actually attempting to conduct a scientific experiment to see if the students would receive extraterrestrial telepathic contact without prompting.
ดอนไม่ได้บอกคนในกลุ่มว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาบอกแต่เพียงว่าอาจมีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นได้หากพวกเขาทำสมาธิด้วยกัน เขากำลังพยายามทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อดูว่านักเรียนจะได้รับการติดต่อทางกระแสจิตจากสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกหรือไม่
After some time had elapsed, and no definitive results were produced, Walt Rogers visited the group and channeled from his source, Hatonn, the entity with whom he had experienced the face-to-face encounter. Hatonn said that they had been trying to channel through some of Don's group, but the students were not aware that the impressions they had been receiving-but not verbalizing-were from extraterrestrials.
หลังจากเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง และไม่มีผลลัพธ์อะไรที่แน่ชัด วอลต์ โรเจอร์ส (เจ้าของสมุดบันทึกสีน้ำตาล) ได้ไปเยี่ยมกลุ่มและลองรับส่งสัญญาณจากแหล่งข้อมูลของเขาดู ซึ่งก็คือ 'ฮาตอน' ที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่เขาเคยเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว ฮาตอนกล่าวว่าพวกเขาพยายามติดต่อผ่านกลุ่มของดอน แต่นักเรียนไม่ทราบว่าความประทับใจที่พวกเขาได้รับแต่ไม่ได้พูดออกไปนั้นมาจากสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก
Elkins felt that this event nullified the scientific validity of the experiment, but it did begin producing results. After this visit everyone in the group, except Carla, learned how to channel; she preferred silent meditation.
เอลกินส์ รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ของการทดลองเป็นโมฆะ แต่มันก็เริ่มสร้างผลลัพธ์ หลังจากการไปเยี่ยมเยียนเพื่อทำการทดลองกับทุกคนในกลุ่ม ยกเว้นแต่คาร์ลา ที่ยังคงเรียนรู้ถึงวิธีการรับส่งสัญญาณผ่านกระแสจิต (แชลแนล) เพราะเธอชอบทำสมาธิเงียบๆคนเดียวมากกว่า
Carla's and Don's respective courses after this meeting took them on different paths for some time, but they would eventually reunite and officially join together upon a shared mission of research and seeking in 1968. Two years later they would form the L/L Company, changing its name to L/L Research in 1976.
เส้นทางของ คาร์ล่า และ ดอน หลังจากการประชุมครั้งนั้นได้พาพวกเขาไปในเส้นทางที่แตกต่างกันระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและร่วมมือกันอย่างเป็นทางการโดยมีภารกิจร่วมกันในการวิจัยและแสวงหาในปี 1968 สองปีต่อมา พวกเขาได้ก่อตั้งบริษัท L/L ขึ้นและเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์วิจัย L/L ในปี 1976
And it was in 1974 —twelve years after Carla attended Don's first channeling experiment— that Don asked Carla to take up the channeling service herself. Not coincidentally this was the same year that Elkins began to actually preserve (not throw away or recycle) the cassette recordings of the channelings.
และในปี 1974 —สิบสองปีหลังจาก คาร์ล่า เข้าร่วมการทดลองการรับส่งสัญญาณทางกระแสจิตครั้งแรกของ ดอน— ดอนได้ขอให้ คาร์ล่า เป็นผู้ทำการรับส่งสัญญาณทางกระแสจิตด้วยตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ปีนี้เป็นปีเดียวกับที่ เอลกินส์ได้เริ่มอนุรักษ์ (ไม่ทิ้งหรือนำไปรีไซเคิล) เทปคาสเซ็ตที่บันทึกการแชนเนลเหล่านั้นเอาไว้
The messages took a qualitative leap forward thanks to Carla's aptitude in channeling coupled with the refinements she made to Don's rudimentary channeling protocols. Among these refinements, Carla developed the crucial procedures of tuning the instrument and challenging the contact that became hallmarks of L/L Research's style of channeling.
ข้อความเหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพ (ความชัดเจนของการสื่อสาร) ต้องขอบคุณความถนัดและความเก่งกาจของคาร์ล่าในเรื่องการแชนเนล ควบคู่ไปกับการปรับแต่งที่เธอทำกับกระบวนการการแชนเนลขั้นพื้นฐานของดอน ท่ามกลางการปรับแต่งเหล่านี้ คาร์ล่า ได้พัฒนาขั้นตอนสำคัญในการปรับจูนตัวรับสัญญาณ (ซึ่งก็คือตัวผู้รับสัญญาณ) และวิธีการรับส่งสัญญาณ ของการติดต่อ (กับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก) จนกลายเป็นจุดเด่นของรูปแบบการรับส่งสัญญาณทางกระแสจิตของศูนย์วิจัย L/L (ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ)
In 1978, Jim McCarty was living off the grid in a log cabin that he built on his 132 acres of land in the woods of central Kentucky. One evening, while he was listening on his battery-powered radio to station WKQQ broadcasting from Lexington, Kentucky, he heard an interview with Don Elkins and Carla L. Rueckert on the topic of UFOs.
ในปี 1978 จิม แมคคาร์ตี้ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในกระท่อมไม้ซุงที่เขาสร้างขึ้นบนที่ดินขนาด 132 เอเคอร์ในป่าทางตอนกลางของรัฐเคนตักกี้ ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เย็นวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังฟังวิทยุที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ของสถานีกระจายเสียง WKQQ ที่กำลังออกอากาศจากเล็กซิงตัน รัฐเคนตักกี้ เขาได้ยินบทสัมภาษณ์ของ Don Elkins และ Carla L. Rueckert ในหัวข้อที่เกี่ยวกับ UFO
Fascinated, Jim hoped to meet them one day. A year later, his wish came true when he was introduced to Don and Carla by fellow homesteaders who knew them. After driving to Louisville each Sunday night for a year to attend their channeling meditations, Don and Carla invited Jim to join them to help with their research. Jim moved in with them on December 23, 1980.
จิมรู้สึกทึ่งมากและหวังว่าจะได้พบพวกเขาในสักวันหนึ่ง หนึ่งปีต่อมา ความปรารถนาของเขาก็เป็นจริงเมื่อเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับดอนและคาร์ลาโดยเพื่อนร่วมหมู่บ้านที่รู้จักกับพวกเขา หลังจากขับรถไปลุยวิลล์ทุกคืนวันอาทิตย์เป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อเข้าร่วมการฝึกสมาธิ ดอนและคาร์ลาก็ชวนจิมเข้าร่วมเพื่อช่วยในการค้นคว้าด้วย จิมย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเขาในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 1980
Twenty-three days later, on January 15, 1981, while Carla was teaching a student how to channel, a voice spoke through Carla and said, “I am Ra.”
ยี่สิบสามวันต่อมา ในวันที่ 15 มกราคม ปี 1981 ขณะที่คาร์ลากำลังสอนนักเรียนคนหนึ่งถึงวิธีการแชนแนล เสียงหนึ่งได้พูดผ่านคาร์ลาและบอกว่า “ฉันคือราห์”
Prior to this session all of Carla's channeling had been done consciously, but when serving as an instrument to channel Ra, she went completely unconscious. In a way that was never fully understood by Don, Carla, or Jim, she left her body for the Ra contact. Ra was then able to remotely and mechanically operate Carla's vocal chords to produce replies to Don's questions.
ก่อนการติดต่อสื่อสารกับราห์นี้ คาร์ล่าทำการแชนแนลทุกครั้งอย่างมีสติ แต่เมื่อเธอทำหน้าที่เป็นตัวรับส่งสัญญาณในการติดต่อสื่อสารกับ ราห์ เธอก็หมดสติไปโดยสิ้นเชิง ด้วยวิธีที่ดอน คาร์ลา หรือจิมไม่เคยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอทิ้งร่างของเธอไว้เพื่อให้ราห์เข้ามาติดต่อ (ส่วนจิตสำนึกหรือสติสัมปชัญญะของเธอไปอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาไม่เคยรู้) จากนั้นราห์ก็สามารถสั่งงานคอร์ดเส้นเสียงของคาร์ล่าจากระยะไกลและเพื่อใช้ตอบคำถามของดอนได้
For every subsequent of the 105 sessions following the first one, Carla would slip into unconsciousness, completely unaware of what was coming through her. It wasn't until session 23 that Don began showing her the transcripts of Ra's words. He had previously kept them from her to preserve the scientific viability of the contact.
ทุกๆ 105 ครั้งของการติดต่อนับจากการติดต่อครั้งแรก คาร์ลาจะสลบไปโดยไม่รู้สึกตัวและไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง จนกระทั่งการติดต่อครั้งที่ 23 ดอนเริ่มแสดงให้เธอเห็นสำเนาคำพูดของราห์ ก่อนหน้านี้เขาเก็บมันไว้จากเธอเพื่อให้การติดต่อสื่อสารนั้นเป็นไปตามกระบวนทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง★
★ผมเดาว่า ดอน คิดว่า ถ้าให้คาร์ล่ารู้เนื้อหาของการติดต่อ เธออาจคิดข้อมูลเอาเองและพูดออกมา อาจจะโดยไม่ตั้งใจหรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้เนื้อหาที่ได้รับไม่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง อะไรประมาณนั้นครับ –ผู้แปล–
The Ra contact was such a quantum leap forward in depth of insight and breadth of vision that Don, Carla, and Jim devoted themselves completely to this contact for the next three years and two months. *
การติดต่อสื่อสารกับ ราห์ นั้นเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเชิงลึกของความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในเรื่องที่เกี่ยวกับความจริงของจักรวาล ซึ่ง Don, Carla และ Jim ทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับการติดต่อสื่อสารนี้ในอีกสามปีกับสองเดือนข้างหน้า*
[* To read a more in-depth account of the events that led up to the contact with Ra, see the Resource Series.]
[หากต้องการอ่านเรื่องราวเชิงลึกเพิ่มเติมของเหตุการณ์ที่นำไปสู่การติดต่อกับ ราห์ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://www.llresearch.org/library/the-ra-contact-resource-series]
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
