6 พ.ค. 2023 เวลา 16:25 • นิยาย เรื่องสั้น

เกิดใหม่ทั้งที ก็กลายเป็นสลิ่มไปซะแล้ว

ตอนที่ 10 : ไม่ใช่นิยาย (2)
หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามายังโบสถ์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้เจออะไรที่แปลกไปกว่าปกติแต่อย่างใด เพราะหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องจัดเตรียมที่อยู่ด้านหลังโบสถ์แล้วมาโผล่ที่ข้างๆ บัลลังค์พิธี สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าเขาก็คือเก้าอี้ไม้ยาวจำนวนมากที่วางอยู่เต็มสองข้างทาง และประตูไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายทางเดิน
"ในนี้ไม่เห็นจะมีอะไรเลย"
"มีสิ ต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว"
สาวกระบังลมตอบกลับ ก่อนเธอจะเดินนำราวัลล่าไปรอบๆ โบสถ์โดยหลีกเลี่ยงการใช้เสียงให้ได้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงบริเวณประตูไม้ทางเข้าหลักของโบสถ์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินวนไปวนมาอยู่ในโบสถ์เกือบสองรอบ จนกระทั่งหญิงสาวพาราวัลล่าเดินกลับมาที่ข้างๆ บัลลังค์พิธีอีกครั้ง พลางหันมาทำหน้ามุ่ยใส่เขา ซึ่งเอาจริงๆ หน้าเธอในร่างสลิ่มก็เหมือนยัยป้าที่พร้อมจะบ่นตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้หนักกว่าเดิมซะอีก
"หาไม่เจอล่ะสิ"
"ก็ใช่น่ะสิ"
"แล้วเรากำลังหาอะไรอยู่ ?"
"วัคซีนไง"
สาวกระบังลมตอบกลับมาสั้นๆ ราวัลล่าจึงตอบเธอกลับไปว่า
"รู่แล้วว่าหาวัคซีน แต่ในรูปแบบไหน แบบเข็ม หรือแบบภาชนะอะไรสักอย่างที่ด้านในมีเข็มเยอะๆ "
"แบบภาชนะ เพราะวัคซีนที่เรากำลังหาอยู่คือวัคซีนที่เขตการปกครองอื่นบริจาคมาให้สลิ่มแลนด์ ซึ่งมันก็น่าจะมากับพาชนะ แล้วคนพวกนี้ก็ไม่น่าจะเอาออกมาตรวจหรอก ได้แบบไหนก็เก็บแบบนั้น จากนั้นก็ส่งออกไปทั้งๆ แบบนั้น"
"งั้นเหรอ"
ราวัลล่าตอบกลับเพียงสั้นๆ ก่อนเขาจะมองไปรอบๆ ด้านในโบสถ์ แล้วชี้ไปที่กล่องรับบริจาคที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าโบสถ์
"ฉันว่ากล่องวัคซีนน่าจะอยู่ในนั้น"
"บ้าเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก"
"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ?"
ราวัลล่าเถียงกลับ ก่อนสาวกระบังลมจะพ่นลมหายใจออกมาราวกับว่าเธอไม่เห็นด้วยกับเขาเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ ย่องไปที่กล่องรับบริจาคนั้น ใช้เวลาสักพักในการจัดการกับล็อคของตู้บริจาค จากนั้นเธอก็วิ่งกลับมาทางราวัลล่าด้วยใบหน้าดีใจและกล่องวัคซีนที่อยู่บนศีรษะ
"เบา เบา"
ราวัลล่าพยายามจะส่งเสียงบอกอีกฝ่าย แต่เขาก็ใช้เสียงดังไม่ได้ และมันก็ดูจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงของชายสองคนดังมาจากทางด้านหลังประตูไม้ว่า
"เห้ย ตื่นเร็วฉันได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านใน"
"อ๋าาาาาา ขออีกห้านาทีครับแม่"
"เห้ย ตื่นน เห้ยยยย แม่งเอ้ย ไอเวรนี่ กูเข้าไปตรวจคนเดียวก็ได้"
วินาทีที่ได้ยินแบบนั้นราวัลล่าก็หลบเข้ากับบัลลังค์พิธีทันที แต่สาวกระบังลมที่ดูเหมือนจะค่อยคุ้นสิ้นกับความผิดพลาด หรือชีวิตที่ผิดไปจากแผนการณ์ที่ตนเองวางไว้กับยื่นแข็งที่อยู่กลางโบสถ์ ไม่เคลื่อนไหว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ราวกับว่าระบบประสาทของเธอนั้นลัดวงจรไปแล้ว
เพียงไม่นานประตูหลักของโบสถ์ก็ถูกเปิดออก ก่อนแสงไฟฉายจะส่องเข้ามาด้านในโบสถ์ และเปลี่ยนเป้าหมายไปจับจ้องที่หญิงสาวที่กำลังถือหีบเหล็กเล็กๆ ไว้บนศีรษะทันที หญิงสาวกระบังลมที่เหมือนจะเครื่องช็อตไปแล้วจึงค่อยๆ คุกเข่าลง ในขณะที่หัวใจของราวัลล่าเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป และเขาก็ไม่รู้เลยว่าถึงตัวเองจะไม่ถูกจับ แต่ถ้าคู่หูของเขาโดนจับได้ เขาจะหนีไปจากโลกแห่งนี้ยังไง และควรจะเริ่มจากจุดไหนถ้าไม่มีเธอ
คำถามมากมายพุดขึ้นมาในหัวของราวัลล่า ก่อนพวกมันจะจางหายไปจนหมดเมื่อเขาใช้เสียงต่ำๆ ของตัวเองพูดออกมาว่า
"โอมมมมม อาเบราเตสิน เรเมตาคารินเดซินเมคิตา คิตา คิตา อาราเม ซินเบ เบเบ้ เบเบ้ คัมม่อนเบเบ้"
ราวัลล่าค่อยๆ พูดคำเหล่านั้นออกมาแบบช้าๆ ด้วยเสียงต่ำๆ จนราวกับว่านั่นคือเสียงสวดมนตร์ ในขณะเดียวกันกับที่หญิงสาวกระบังลมที่ค่อยๆ นั่งคุกเข่าลงเหมือนจะได้สติกลับมาอีกครั้ง ก่อนเธอจะค่อยๆ หันหน้ากลับไปทางด้านหลังอย่างเชื่องช้า พร้อมกับสองตาที่เบิกโพลงจนเหลือเพียงลูกตาขาว ในขณะที่ทุกส่วนในร่างกายของเธอถูกล็อคอยู่กับที่
"เชี้ยยยยยย อย่าทำลูกเลยเจ้าแม่กวนอำ"
"ข้า...ไม่ใช่...เทพ...ของเจ้า"
ในขณะที่ราวัลล่าใช้เสียงต่ำๆ ของเขาตอบสลิ่มการ์ดคนนั้นกลับไป สาวกระบังลมก็เพิ่มความ Intense เข้าไปด้วยการทำท่าอยู่ดีๆ ก็คอหัก ซึ่งเหมือนจะเป็นท่าเอกลักษณ์ของคนโดนผีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ แสงไฟฉายที่สลิ่มการ์ดคนนั้นถืออยู่จึงสั่นระรัว ในขณะที่สลิ่มการ์ดกรีดร้องออกมาว่า
"ปกป้องลูกด้วยเจ้าแม่กวนอำำำำำ"
สลิ่มการ์ดที่ถือไฟฉายเข้ามากรีดร้องสุดเสียง ก่อนมันจะวิ่งหนีออกไปจากโบสถ์พร้อมกับเสียงกรีดร้อง เพื่อนของมันอีกคนที่ดูเหมือนจะพึ่งตื่นจึงเปิดไฟฉายและส่องเข้ามาด้านในโบสถ์อีกครั้ง แต่แม้แสงไฟที่หมอนั่นส่องเข้ามาจะไม่ได้ส่องไปเจอกับสาวกระบังลมที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางโบสถ์ สลิ่มการ์ดที่พึ่งตื่นก็กรีดร้องออกมาแบบสุดเสียง แล้ววิ่งหนีไปทางที่เพื่อนตัวเองวิ่งไปด้วยความเร็วพอๆ กัน
"ฮะ ฮะ ไอสลิ่มการ์ดคนที่สองนั่นยังไม่เห็นฉันด้วยซ้ำ อะไรของมันล่ะเนี่ย"
หลังจากที่เหตุการณ์ฉุกเฉินจบลง สาวกระบังลมก็พูดขึ้นพลางค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาราวัลล่าพร้อมรอยยิ้ม แค่ดูจากใบหน้าราวัลล่าก็พอจะรู้ว่าเธอคงมีหลายเรื่องที่อยากจะคุย ในขณะที่ราวัลล่าเองก็เช่นเดียวกัน
ถึงกระนั้นราวัลล่าก็ตัดสินใจตอบเธอกลับไปว่า
"ไป วิ่งก่อน เดี๋ยวค่อยคุยทีหลัง"
ทั้งสองจึงวิ่งออกจากโบสถ์ผ่านทางประตูเล็กๆ ด้านหลังโบสถ์ ก่อนพวกเขาจะกลืนหายไปในความมืด พร้อมกับเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะขบขัน
โฆษณา