19 พ.ค. 2023 เวลา 12:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

BRI: สรุปธุรกิจและรายได้ประจำไตรมาส 1/2023

BRI: BRITANIA PCL
1Q23
📌Business Model
ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยพัฒนาที่ดินและสร้างเป็นโครงการเพื่อขายแก่ผู้อยู่อาศัย โดยตัวบริษัทได้แบ่งโครงการออกเป็นทั้งหมด 4 Segments ด้วยกันคือ
1. BRIGHTON (2.5-4 Million/Units)
2. BRITANIA (4-8 Million/Units)
3. Grand BRITANIA (8-20 Million/Units)
4. BELGRAVIA (20-50 Million/Units)
📌Financial Performance
ใน 1Q23 นั้นทาง Britania มียอด Presale อยู่ที่ 2,545 ล้านบาท(+7%YoY) และมียอดโอนรวมทั้งหมด 1,395 ล้านบาท(+10%YoY) ซึ่งสัดส่วนโครงการที่มากที่สุดคือ Britania→Grand Britania→Brighton→Belgravia นั่นเอง
รายได้รวม 1,477 ล้านบาท (-0.4%YoY)
กำไร 329 ล้านบาท (-7%YoY) → ที่เห็นลดลงเพราะใน 1Q22 นั้นมีกำไรพิเศษจากราคาที่ดินเพิ่มมาแต่ในปีนี้ไม่มี
GPM=32.8%, NPM=22.2%
📌Key Highlight
Britania เป็นบริษัทขายแนวราบที่ได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทรนช่วงก่อนหน้านี้(ช่วงโควิท19 ที่ผู้คนต้องการซื้อบ้านเดี่ยวมากกว่าการอยู่คอนโด) แต่ปีนี้ภาพรวมของแนวราบจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ทางผู้บริหารเองก็มีแผนที่จะรับมืออยู่แล้วบ้าง
🔹 กลยุทธ์ใหม่ คือ ทางผู้บริหารได้ใช้วิธีการ JV กับ Landlord เพื่อที่จะลดต้นทุนค่าที่ดินลง(โดยปกติบริษัทอสังหาฯ จะมีค่าที่ดินเป็นต้นทุนหลัก) และใช้การร่วมลงทุนกับเจ้าของที่นั่นๆ โดยการแบ่งสัดส่วนหุ้นลงทุนกัน ข้อดี คือ ไม่ต้องไปหาที่ดินเอง และได้ต้นทุนที่ดีในราคาไม่แพงเกินไป
นอกเหนือจากนั้นยังใช้เงินลงทุนน้อย เพราะทาง Landlord ก็ออกด้วย แล้วทาง Britania ก็ได้รับค่าบริหารการขายไปเลยด้วย(อารมณ์เหมือนจับมือกันแบบ win-win) ตรงนี้ผู้บริหารเลยมองว่าจะสามารถต่อยอดไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้แบบไม่จำกัด(ส่วนนี้ทางทีมคิดว่าไม่จำกัดคือการที่เงินลงทุนใช้น้อยลงไปมาก)
🔹 ขยายโครงการไปยังจังหวัดต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่ดี และกำลังมองถึงเมืองที่มี GDP เติบโตไวๆ อีกด้วย อาทิเช่น ขอนแก่น, อยุธยา และระยอง เป็นต้น (ปีนี้แพลนว่าจะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 20 โครงการรวมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด)
🔹 มองหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการให้ต่างชาติเข้ามาเช่าซื้อระยะยาว เพราะปัจจุบันต่างชาติจะติดปัญหาเรื่องการเข้ามาซื้อถือครองเลย
📌Risk
🔹 Supply ที่เพิ่มมากขึ้นพอสมควร จะทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงมากในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ทางบริษัทอาจจะต้องทำการตลาดมากขึ้น แต่ทางผู้บริหารบอกเลยว่าจะไม่ตัดราคาเพื่อแข่งขัน แต่จะเน้นคุณภาพกับความเชื่อมั่น
🔹 ดอกเบี้ยขาขึ้น จุดนี้จะโดนทั้งจากการที่ตัวบริษัทต้องกู้เพื่อนำมาสร้าง และทางผู้ซื้อที่จะผ่านการกู้ยากมากขึ้นทำให้เหมือน Demand ช่วงนี้จะเริ่มชะลอตัวลง แต่ทาง Britania เองช่วยลูกค้าโดยการไปช่วยดีลกับธนาคารให้ด้วยเช่นกัน
🔹 ราคาต้นทุนในการก่อสร้างที่สูงขึ้นและยังไม่ปรับตัวลง ส่วนนี้จะกระทบกับตัว Margin เต็มๆ แต่ทางผู้บริหารก็บอกว่าพยายามจัดการให้ดีอยู่โดยการไปดีลกับ Supplier ต่างๆ และยังไม่ค่อยส่งผลมากเท่าไหร่ เพราะไม่ได้พุ่งขึ้นหวือหวาอย่างตอนช่วงเกิดสงคราม
📌 Summary
สรุปโดยรวม Britania นั้นน่าจะเติบโตล้อไปกับ GDP ของประเทศได้ ซึ่งจุดนี้เราก็ต้องติดตามกันว่าประเทศไทยจะมีการจัดการที่ดีพอมั้ย และช่วงนี้อสังหาฯ หลายๆเจ้าเองก็เริ่มชะลอตัวลง จึงอาจจะต้องหวังพึ่งกำลังซื้อจากต่างชาติซะมากกว่า ซึ่งทาง Britania เองก็ออกแบบบ้านออกมาแนวๆตะวันตกอยู่จึงน่าจะพอจับลูกค้าต่างชาติได้อยู่บ้าง
ส่วนการที่ไปจับมือกับ Landlord นั้นก็จะมีผลต่อ %NPM พอสมควรเลย ซึ่งน่าจะเห็นได้ในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป เพราะในปีนี้ยังพัฒนาโครงการเดิมๆที่เคยพูดไว้ก่อนหน้าอยู่ เป็นหุ้นที่ยังมี Growth ที่ PE ไม่แพงและจ่ายปันผลสูงมากอีกด้วย (ตั้งแต่ปีนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นจ่าย 2 ครั้งต่อปีแล้ว) แต่ด้วยความที่เป็นหุ้นอสังหาฯ ที่เป็นภาคส่วนใหญ่ระดับนึงของ GDP จึงได้รับ PE ที่ไม่ค่อยสูงมากเท่าไหร่อยู่แล้วเนื่องจากการเติบโตของอสังหาฯ ในไทยนั้นไม่ได้เติบโตรุนแรงเท่าอดีตแล้วครับ
#JTrader
#เทรดไปเที่ยวไป
#แผนชัดก็ซัดเลย
#BRI
ปล1. จากข้อมูลข้างต้น ไม่มีเจตนาชักชวน หรือให้ซื้อ-ขายตามบทความข้างต้น
ปล2. การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาไตร่ตรองการลงทุนว่าจะซื้อหรือขายด้วยตัวท่านเองเท่านั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา