23 พ.ค. 2023 เวลา 23:00 • การตลาด

กรณีศึกษา The North Face จากร้านเล็กๆ ในซานฟรานซิสโก

เชื่อว่าหากใครเป็นสาย Outdoor คงไม่มีใครไม่รู้จัก The North Face อย่างแน่นอน
แบรนด์ก่อตั้งในปี 1966 โดย Douglas Tompkins และ Susie Tompkins
คู่สามีภรรยาผู้ชื่นชอบ กิจกรรมกลางแจ้งและการเดินป่า
พวกเขาเริ่มสร้างสรรค์เสื้อผ้า และอุปกรณ์สำหรับการปีนเขาเชิงเทคนิค
ของพวกเขาเอง จนเกิดเป็นแบรนด์ "The North Face"
เริ่มต้นเป็นเพียงร้านเล็กๆ อยู่ทางชายหาดทางเหนือ ของซานฟรานซิสโกเท่านั้น
ต่อมา The North Face ได้เริ่มมีผู้ติดตามที่กว้างขวางและภักดีมากขึ้น
เนื่องจากเครื่องแต่งกายที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยองค์ประกอบการใช้งานไ ที่ใช้ได้จริงและหลากหลาย
  • ช่วงทศวรรษที่ 80 The North Face ได้เปิดรับความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการที่แบรนด์ ได้เปิดตัวชุดสกีที่มีให้เลือกหลากหลาย
เครื่องแต่งกายสกีเหล่านี้ส่วนใหญ่สวมสีพาสเทลและสีนีออน
นำเสนอสไตล์สปอร์ตที่มีชีวิตชีวา
และ The North Face ยังได้มีการรับสมัครนักกีฬา กลางแจ้งของแบรนด์ และส่งไปแข่งขันในกีฬาจ่างๆ เช่น สกี ปีนเขา วิ่งเทรด เป็นต้น
ซึ่ง "สก็อต ชมิดต์" นักเล่นสกีมืออาชีพที่มีชื่อเสียง
ด้วยความขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ที่ดุดัน และการแสดงในภาพยนตร์สกีหลายเรื่อง
เขาก็เป็นสมาชิกของ "Extreme Team" ของ The North Face ในขณะนั้น
สก็อต ชมิดต์ ช่วยทำให้การเล่นสกีผาดโผนเป็นที่นิยม และทำให้ The North Face เป็นที่รู้จักในครัวเรือน ได้สร้างการรับรู้และตัวตนที่ชัดเจนให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
นักกีฬาที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า "อีวอน ชูนาร์ด" เป็นนักปีนผา ที่เป็นที่รู้จักจากการบุกเบิก ในการปีนเขาที่มีลักษณะการปีนที่ยาก
The North Face ได้รับประโยชน์จาก อีวอน ชูนาร์ด เพราเขาได้ช่วยให้การปีนเขาเป็นกีฬาที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ แบรนด์จึงได้รับผลดีในส่วนนี้ไปด้วย
นอกจากนั้นในช่วงเวลาเดียวกัน The North Face ยังเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้งรายเดียวในสหรัฐอเมริกา ที่จำหน่ายทั้งเสื้อผ้าชั้นนอก ชุดสกี
ถุงนอน แพ็ค เต็นท์ ผลิตภัณฑ์กีฬากิจกรรมกลางแจ้ง อื่นๆ ครบครัน
หรือก็คือ The North Face เป็นแบรนด์ที่กำลังครอง ส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่
ในอุตสาหกรรมส่วนนี้อยู่ในตอนนั้นนั่นเอง
  • ความสำเร็จครั้งต่อมาเกิดขึ้นในปี 1990 ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่วัฒนธรรมฮิปฮอป ได้ถึงจุดสูงสุดบนชายฝั่งตะวันออก
เหล่าแร็ปเปอร์ได้เป็น ผู้นำแฟชั่นในขณะนั้นอีกด้วย และแร็ปเปอร์เหล่านั้น
ก็นิยมที่จะสวมใส่แจ็คเก็ต
The North Face จึงตัดสินใจเปิดตัวเครื่องแต่งกาย Nuptse แจ็คเก็ตปักเป้าทรงกล่อง และคอลเลคชั่น Tekwear
เป็นเครื่องแต่งกาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ที่เริ่มมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้นทำให้เป็นที่ชื่นชอบ ของผูู้บริโภคและผู้ที่คลั่งไคล ที่ชอบแต่งกายแฟชั่น
หรือนับได้ว่านี้คือ จุดเริ่มขึ้นที่ The North Face เริ่มบุกเบิกและให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกายแฟชั่นมากขึ้น
  • ต่อจากนั้นในปี 2000 The North Face ถูกขายกิจการให้ VF Corporation
เป็นการเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ The North Face ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ได้ดีมากขึ้น
The North Face ได้เริ่มกลายเป็นไอคอนแฟชั่น และพบเห็นเครื่องแต่งกายของแบรนด์ จากเหล่าคนดังและแฟชั่นบล็อกเกอร์
ที่เวลาไปเที่ยวในแหล่องท่องเที่ยวที่เป็น ป่าไม้ ภูเขาทั่วไป หรือภูเขา
ก็มักจะแต่งตัวจาก เครื่องแต่งกายของแบรนด์
  • ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความร่วมมือระหว่างแบรนด์สตรีทแวร์
และแบรนด์สตรีทแวร์อย่าง Supreme ซึ่งทั้งสองแบรนด์ได้มีการร่วมงานกันมามากกว่า 20 ครั้งแล้ว
นี้ยังไม่นับแบรนด์สตรีทแวร์อื่นๆในตลาด ที่ The North Face ได้ไปร่วมงานอีกด้วย
ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ ทางแบรนด์เริ่มมีภาพจำของความ "หรูหรา" และความเป็น "แฟชั่นสตรีท"
แต่ก็ยังคงสามารถใช้งานได้จริง ตามแบบฉบับดั้งเดิมของทางแบรนด์
  • ต่อมาในปี 2020 VF Corporation เจ้าของแบรนด์ The North Face ได้ประกาศว่ากำลังที่จะเข้าซื้อ แบรนด์ Supreme ด้วยมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้ทั้งสองแบรนด์ ก้าวสู่อนาคตที่ไร้ขีดจำกัดของ
การทำงานร่วมกัน และเป็นที่ฮือฮาของวงการสตรีทแวร์ในเวลานั้น
ปีเดียวกัน The North Face ยังได้ประกาศร่วมงานกับ Gucci ออกแบบคอลเลคชั่นร่วมกัน จึงได้รับความสนใจจากสื่อแฟชั่นทั่วโลก
เป็นการทำให้ตัวตน ของแบรนด์ในด้านความหรูหรา "ชัดและโดดเด่น"
ขึ้นมามากขึ้นไปอีก
  • ถึงแม้ว่า The North Face เองก็เป็นแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบ เรื่องรายได้จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในช่วงปี 2019 ถึง 2021 เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ
​แต่ในปี 2022 หลังจากเหตุการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 คลี่คลายลง บริษัทแม่อย่าง VF Corporation ได้ออกมาเปิดเผยรายได้ของบริษัท
โดยในจำนวนแบรนด์ของบริษัท The North Face เป็นแบรนด์ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น
มากที่สุด
การเติบโตรายได้ของ The North Face ได้ดีดตัวสูงขึ้นในหลายภูมิภาค
โดย เอเชียแปซิฟิก 28%, ยุโรป 40%, สหรัฐอเมริกา 29% และทั่วโลก 33%
เป็นจำนวน 2.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบรายปี
สำหรับแบรนด์อื่นๆ อย่าง Vans และ Timberland มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 20% เป็น 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
และ Dickies เพิ่มขึ้น 19% สำหรับปีนี้ โดยมีรายได้ 702 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นี้จึงเป็นสิ่งรับประกันถึง ความแข็งแกร่งและความจงรักภักดีที่มีต่อแบรนด์
จากผู้บริโภคและผู้ที่คลั่งไคล้ในแบรนด์ The North Face
ที่สั่งสมมาเป็นเวลายาวนานได้อย่างดี
และขอขอบคุณรูปภาพจาก flickr

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา