3 มิ.ย. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Roku บริษัทสตรีมมิ่งที่ Netflix ร่วมลงทุน

ยุคของการสตรีมมิ่งมาถึงแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในวิธีที่ผู้คนบริโภคสื่อ
การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มการสตรีมเช่น Netflix, Hulu และ Amazon Prime Video ทำให้สามารถรับชมรายการและภาพยนตร์ ที่เราชื่นชอบได้ทุกที่ทุกเวลาที่เราต้องการ
สิ่งนี้นำไปสู่การลดลงของการสมัครรับข้อมูลเคเบิล และดาวเทียมแบบดั้งเดิม เนื่องจากผู้คนไม่ได้ผูกติดอยู่กับตารางเวลา หรือช่องใดช่องหนึ่งอีกต่อไป
  • วันนี้เลยจะมาทำรู้จักกับอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมนี้ บริษัทนั้นชื่อว่า Roku
Roku ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่พัฒนาอุปกรณ์สตรีมมิ่งและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสำหรับอินเทอร์เน็ตทีวี มีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่ซานโฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งโดย Anthony Wood ซึ่งเคยก่อตั้ง ReplayTV ซึ่งเป็นบริษัท DVR ที่แข่งขันกับ TiVo หลังจากความล้มเหลวของ ReplayTV
Wood ทำงานที่ Netflix ได้ระยะหนึ่ง ในปี 2007 บริษัทของ Wood เริ่มทำงานร่วมกับ Netflix ใน Project Griffin
ซึ่งเป็นกล่องรับสัญญาณที่อนุญาตให้ผู้ใช้ Netflix สามารถสตรีมเนื้อหา Netflix ไปยังทีวีของตนได้
เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเปิดตัวโครงการ ผู้ก่อตั้ง Netflix ตัดสินใจว่าจะขัดขวางข้อตกลงด้านใบอนุญาตกับบุคคลที่สาม
ทำให้ Netflix เลิกใช้แพลตฟอร์มอื่นที่คล้ายคลึงกัน และทำให้โครงการนี้ล้มหายตายจากไป
ต่อมา Roku ได้ Netflix เป็นผู้ร่วมลงทุน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทคือ Roku DVP-N100 วางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2008
DVP-N100 เป็นกล่องรับสัญญาณขนาดเล็กราคาไม่แพง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสตรีมเนื้อหาจากบริการออนไลน์ต่างๆ รวมถึง Netflix, Amazon Prime Video, Hulu เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ของ Roku ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค และบริษัทได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาดสตรีมมิ่งอย่างรวดเร็ว ในปี 2017
บริษัทจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการผ่านผู้ค้าปลีกและผู้จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ของ Roku มีจำหน่ายในหลากหลายร้านค้า เช่น Amazon, Best Buy, Walmart, Target, Costco, Newegg, B&H Photo Video, Walgreens, CVS เป็นต้น
รวมถึงส่งตรงถึงลูกค้าผ่านเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เม็กซิโก บราซิล ชิลี เปรู อเมริกาเหนือและใต้ และยุโรป
และยังมี Roku Affiliate ที่เป็นตัวช่วยเผยแพร่และค้าขาย ผลิตภัณฑ์ของ Roku อีกช่องทางนึง เป็นสาเหตุให้ Roku เข้าถึงมือผู้บริโภคได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
  • บริการหลักๆ ของบริษัท Roku มีดังนี้
- อุปกรณ์สตรีมมิ่ง
Roku จำหน่ายอุปกรณ์สตรีมหลากหลายประเภท อย่างเช่น Roku Express, Roku Streaming Stick และ Roku Ultra เป็นต้น
อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสตรีมเนื้อหาจากบริการสตรีมต่างๆ ได้ รวมถึง Roku ยังเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตทีวีเพื่อสร้าง Roku TV เป็นสมาร์ททีวีที่ติดตั้ง Roku OS ของตนเองไว้
- ซอฟต์แวร์
Roku ยังพัฒนาและให้สิทธิ์ใช้งานซอฟต์แวร์แก่บริษัทอื่นๆ ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้บริษัทอื่นๆ สามารถสร้างอุปกรณ์สตรีมของตนเอง หรือรวมความสามารถในการสตรีมของ Roku เข้ากับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาได้
รวมถึง Roku OS ซึ่งบริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง เป็นระบบปฏิบัติการที่ทำงานบนอุปกรณ์สตรีม Roku ทั้งหมด
- การโฆษณาบนแพลตฟอร์ม
Roku ยังสร้างรายได้จากการโฆษณา เมื่อผู้ใช้รับชมการสตรีมเนื้อหาบนอุปกรณ์ Roku พวกเขาจะเห็นโฆษณา Roku ขายโฆษณาเหล่านี้ให้กับผู้ที่ต้องการลงโฆษณา
ตัวอย่างเช่น
การสนับสนุนโฆษณาผ่าน Roku Channel ซึ่งให้บริการภาพยนตร์ รายการทีวี และรายการต้นฉบับที่หลากหลาย
  • โดยช่องทางรายได้ของ Roku แบ่งเป็นสองทางหลักๆ
- แพลตฟอร์ม สัดส่วน 87% ในปี 2022
การขายโฆษณาดิจิทัลและบริการที่เกี่ยวข้อง บริการเผยแพร่เนื้อหา
ได้แก่ ส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครรับข้อมูลและธุรกรรม, ค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายด้านสื่อและความบันเทิง, การสมัครสมาชิกระดับพรีเมียมสำหรับลูกค้าที่ต้องการเนื้อหาแบบไม่มีโฆษณา
และการขายปุ่มช่องที่มีตราสินค้าบนรีโมทคอนโทรลของบริษัท และการจัดการสิทธิ์ใช้งานกับผู้ให้บริการและแบรนด์ทีวี
- อุปกรณ์ สัดส่วน 13% ในปี 2022
ส่วนอุปกรณ์สร้างรายได้จากการขายเครื่องเล่นสตรีมมิ่งและผลิตภัณฑ์เสียง ซึ่งรวมถึงการขายฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ฝังตัว และการอัพเดทซอฟต์แวร์
Roku ขายเครื่องเล่นและผลิตภัณฑ์เสียงส่วนใหญ่ให้กับผู้จัดจำหน่ายรายย่อยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านจริง และร้านค้าปลีกออนไลน์ ตลอดจนผ่านเว็บไซต์ของบริษัทเอง
โดยรายได้ประจำปีของ Roku ในปี 2022 อยู่ที่ 3.127 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.09 %จากปี 2021
  • สิ่งที่น่าให้ความสนใจและผลการดำเนินงานที่สำคัญของปีนี้
รายรับในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 741 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบรายปี
ในปี 2023 พบว่าชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงต่อวัน กับโทรทัศน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV)
หรือคิดเป็น 1 ใน 5 (21.4%) ของเวลารับชมดิจิทัลของผู้ชมวัยผู้ใหญ่ (18 ปีขึ้นไป)
Roku มีชั่วโมงการสตรีมอยู่ที่ 25.1 พันล้านชั่งโมง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี แต่รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน อยู่ที่ 40.67 ลดลง 4% เมื่อเทียบรายปี
บัญชีที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 71.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบรายปี และระบบปฏิบัติการของ Roku เป็นระบบปฏิบัติการสมาร์ททีวีอันดับ 1 ในสหรัฐฯ
โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 43%
 
ซึ่งการที่ Roku มีส่วนแบ่งการตลาดของสมาร์ททีวีเกือบครึ่งนึง ถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญต่อบริษัท อาจนำไปสู่โอกาสและการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ในปีนี้ Roku กำลังสานต่อการลงทุนในตลาดฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฮมอีกด้วย และกำลังจะมีการอัพเดท Roku OS เพื่อรองรับการใช้งานในส่วนนี้ เร็วๆนี้ อาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับ Roku
แม้ข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งของ Roku นั้น คือ เสนอเนื้อหาจากช่องสตรีมที่ให้เลือกหลากหลาย, อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย, ราคาที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แต่อุปกรณ์ของ Roku ยังไม่รองรับการดูแบบออฟไลน์มากนัก ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถรับชมได้เฉพาะเนื้อหาที่กำลังสตรีมอยู่เท่านั้น
และ Roku ยังกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากรายใหญ่ ในตลาดสื่อสตรีมมิ่ง
อย่างเช่น Apple TV, Amazon Fire TV และ Google Chromecast เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับความนิยมของแพลตฟอร์ม และเนื้อหาที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มเป็นอย่างมาก
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม แรงกดดันด้านกฎระเบียบและยังมีปัจจัยเสริมด้านลบภายนอก เรื่องเพดานหนี้ เงินเฟ้อ และการเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในสหรัฐอเมริกา
อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
นอกจากนี้บริษัท Roku ยังเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็กที่กำลังเติบโต โดยมีมูลค่า ณ วันที่ 3/6/2023 ที่ 8.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นบริษัทที่ยัง "ไม่มีผลกำไรเป็นบวก"
บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด และประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา