4 มิ.ย. 2023 เวลา 23:00 • ธุรกิจ

ย้อนอดีต KIKKOMAN ซอสถั่วเหลืองเก่าแก่ ของญี่ปุ่น

หากพูดถึงซอสถั่วเหลืองของประเทศญี่ปุ่น คงต้องย้อนอดีตกันสักหน่อย
ต้นกำเนิดของถั่วเหลืองของประเทศญี่ปุ่นนั้น ต้องสืบย้อนไปถึง ซอสถั่วเหลืองชนิดข้นที่เรียกว่า "เจียง" ซึ่งถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 2,200 ปีที่แล้ว
เจียง ทำขึ้นโดยการหมักส่วนผสมของถั่วเหลือง ข้าวสาลี และเกลือ กระบวนการหมักสร้างเครื่องปรุงรสที่มีรสเค็ม ใช้ในการถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร
ซอสถั่วเหลืองชนิดนี้ได้รับการแนะนำให้รู้จัก กับประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาของ "ราชสำนัก ยามาโตะ" ในปี 250 ถึง 710 จากจีนและคาบสมุทรเกาหลี
หลังจากนั้นท่ามกลางการพัฒนาของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ซอสถั่วเหลืองนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นซอสถั่วเหลืองที่ชื่อว่า “โชยุ” ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสหมักที่มีเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น
และในช่วงปลายปี 1600 การผลิตซอสถั่วเหลืองของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เริ่มขึ้นใกล้กับ "เมืองโนดะ" ในจังหวัดชิบะ
  • ยุคต้นกำเนิดของซอสถั่วเหลือง Kikkoman
ในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 18 เมืองโนดะตั้งอยู่บน ที่ราบ คันโตซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ภูมิภาคที่ผลิตถั่วเหลืองและข้าวสาลีชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น
เริ่มเจริญรุ่งเรืองในฐานะ "ใจกลางของประเทศญี่ปุ่น" ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นตลาดขนาดใหญ่ก็ได้ถูกสร้างขึ้น
โนดะยังล้อมรอบด้วยแม่น้ำหลักสองสายคือ "โทเนะ และ เอโดะ"
และด้วยเหตุนี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการขนส่งทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง
ต่อมาไม่นานอุตสาหกรรมซอสถั่วเหลือง ของประเทศญี่ปุ่นก็ได้เริ่มเติบโตขึ้น
โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ตระกูล "โมงิ" และ "ทาคานาชิ" ในช่วงเวลานี้เองที่ "Kikkoman Soy Sauce" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
  • Kikkoman ซอสถั่วเหลืองต้นตำรับญี่ปุ่นโดยแท้
ซอสถั่วเหลืองของ Kikkoman ใช้วิธีการกลั่นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า "ฮอนโจโซ" พูดให้เข้าใจง่าย คือการ “การต้มตามธรรมชาติ”
ทำจากส่วนผสมพื้นฐาน 4 ชนิด ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี เกลือ และน้ำ
และองค์ประกอบสำคัญที่ถือเป็น "กุญแจสำคัญ" ของ Kikkoman
สิ่งนั้นเรียกว่า "กิ๊กโคแมน แอสเปอร์จิลลัส" เป็นรา โคจิชนิดหนึ่ง
1
มีบทบาทสำคัญมากในการหมักวัตถุดิบและผลิต สี รสชาติ และกลิ่น ให้กับซอสถั่วเหลืองของ Kikkoman
  • "บริษัท โนดะ โชยุ จำกัด" ก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้น และกลายเป็นที่นิยม
ในปี 1917 ตระกูลโมงิ ทาคานาชิ และ โฮริคิริ รวมธุรกิจเข้าด้วยกันเพื่อก่อตั้ง Noda Shoyu Co., Ltd.
และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Kikkoman Shoyu Co., Ltd. ในปี 1964
ชื่อทางการค้านี้ยังถูกเปลี่ยนแปลงอีกรอบ ในปี 1980 ให้เป็น "Kikkoman Corporation" ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
และกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตซอสถั่วเหลือง "รายใหญ่ที่สุด" ในประเทศญี่ปุ่น เป็นที่นิยม เนื่องจากแทบทุกคนใช้ซอสถั่วเหลือง ในระหว่างรับประทานมื้ออาหาร รายได้จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปี 1920
และเริ่มขยายสายผลิตภัณฑ์ออกไปในรูปแบบต่างๆ เช่น ซอสถั่วเหลืองสำหรับเนื้อสัตว์ บะหมี่ ปลา และไก่ ในปี 1930
  • ญี่ปุ่นหยุดชะงักหลังสงคราม
หลังจากประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามครั้งที่สอง โรงงานและการผลิตของบริษัท ในเมืองโนดะเกือบจะหยุดลง "โดยสิ้นเชิง"
เพราะช่วงหลังสงครามเป็น ช่วงที่โหดร้ายสำหรับประชากรญี่ปุ่นทุกคน การขาดแคลนอาหาร การขาดเชื้อเพลิง และเศรษฐกิจที่ทรุดโทรม
มีส่วนทำให้เกิดความอดอยากตลอดเวลาหลายปี ซึ่ง Kikkoman Corporation ก็เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ประเทศญี่ปุ่นค่อยๆ สร้างประเทศและเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ได้ในที่สุด
  • การขยายตัวของซอสถั่วเหลืองของ Kikkoman ไปทั่วโลก
Kikkoman พลิกฟื้นความมั่งคั่งได้ในปี 1940 ยังเป็นช่วงที่ทั่วโลกเริ่ม "เปิดรับชาวญี่ปุ่น" มากขึ้นแล้ว
บริษัทได้ขายซอสถั่วเหลืองและเครื่องปรุงรสอื่นๆ ขยายตัวไปยังบริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟิก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศต่างๆ
เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย ไต้หวัน และเกาหลี เป็นต้น
และในไม่ช้าความนิยมของผลิตภัณฑ์ ก็แพร่กระจายไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกจนถึงสหรัฐอเมริกา ในปี 1950
ต่อมาในปี 1957 บริษัทได้ก้าวไปสู่ "การพัฒนาระดับสากล" โดยก่อตั้งบริษัท Kikkoman International, Inc. ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ในประเทศสหรัฐฯ
และยังเป็นบริษัทสาขาแห่งแรกของบริษัทที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
แม้ว่าความสนใจจะเริ่มขึ้นอย่างช้าๆ
แต่สุดท้ายซอสถั่วเหลืองก็เข้ามาอยู่ในสูตรอาหารของเชฟ ในร้านอาหารที่หรูหราและในมื้ออาหารทั่วไป ซอสถั่วเหลืองเริ่มถูกนำมาใช้ในอาหารอเมริกันที่แตกต่างกัน เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ซีซาร์สลัด และซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิว เป็นต้น
และบริษัทได้เริ่มแนะนำสินค้าอื่นๆ เช่น ซอสเทอริยากิและเต้าหู้เพื่อกระตุ้นจินตนาการเรื่องอาหารของชาวอเมริกัน ทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจะมาเป็นรากฐานให้กับ Kikkoman Corporation จนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น
- ปี 1962 บริษัทได้ก่อตั้ง Tone Coca-Cola Bottling Company, Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุขวดน้ำอัดลมที่ตั้งอยู่ใกล้โตเกียว
การร่วมทุนครั้งนี้เป็นการส่ง "สัญญาณ" ถึงการเข้าสู่ตลาดของบริษัทที่ "ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง" กับซอสถั่วเหลืองและเครื่องปรุงรสอาหาร
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดเตรียมการผลิตและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ Del Monte ส่วนหนึ่งในตลาดประเทศญี่ปุ่น
ได้แก่ น้ำผลไม้เดลมอนเต้และผลิตภัณฑ์ จากมะเขือเทศหลากหลายชนิด ทำให้แบรนด์กลายเป็นชื่อที่ใช้ในครัวเรือนทั่วเกาะญี่ปุ่น
- ปี 1964 Kikkoman ได้ก่อตั้ง Mann's Wine Company, Ltd. เพื่อจุดประสงค์ในการผลิตและจำหน่าย ไวน์ บรั่นดีและแชมเปญต่างๆ ของตนเองในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อเสริมการก่อตั้งบริษัทนี้ ผู้บริหารของ Kikkoman ได้สร้างห้องทดลองเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน
ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้องุ่นที่ปลูกในประเทศ เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ได้
ทศวรรษนี้จบลง "อย่างงดงาม" เมื่อ Kikkoman ลงทุนใน Japan Food Corporation ซึ่งเป็นบริษัทการค้าขนาดใหญ่ที่ให้การเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น
- ปี 1972 Kikkoman สร้างโรงงานผลิตในประเทศสหรัฐฯ ของตนเอง
โรงงานตั้งอยู่ในวอลเวิร์ธ รัฐวิสคอนซิน ใจกลางเขตมิดเวสต์ตอนบน โดยเริ่มผลิตซอสถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ
ในปีเดียวกัน Kikkoman ก็ได้เริ่มดำเนินกิจการร้านอาหารในเครือที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่เยอรมนีตะวันตก ชื่อ Kikkoman Daitokai และก็ได้รับความนิยมในทันที
จากความสำเร็จของ Kikkoman Daitokai นี้ ผู้บริหารจึงตัดสินใจเปิดเครือข่ายร้านอาหารที่มีสไตล์คล้ายกันในประเทศญี่ปุ่น
- ต่อมา Kikkoman ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตเพิ่มอีกสองแห่งที่ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1973 และเซาเปาโล ประเทศบราซิล ในปี 1976
และเนื่องด้วยเครือข่ายร้านอาหารในเยอรมนี มีผลประกอบการที่ดีตั้งแต่เปิดทำการ
- บริษัทจึงก่อตั้ง Kikkoman Trading Europe GmbH ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ อีกแห่งเพื่อใช้ประโยชน์จากความต้องการ ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ของทางญี่ปุ่น
เช่น ซอสถั่วเหลือง ในปี 1979
- เวลาผ่านไปจนถึงช่วงปี 1980 ถึง 1990 บริษัทก่อตั้งโรงงานเพิ่มอีกในประเทศสิงคโปร์ และชิโตเสะในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อผลิตสินค้าตอบรับความต้องการที่มากขึ้นของตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การดำเนินงานของ Kikkoman ในยุโรปก็ขยายตัวเช่นกัน บริษัทขยายธุรกิจร้านอาหารด้วยการก่อตั้ง Kikkoman Restaurants SA ซึ่งเป็นบริษัทสาขาในสวิตเซอร์แลนด์
- ในช่วงทศวรรษนี้ ศูนย์วิจัยที่ทันสมัยของ Kikkoman ยังได้ค้นพบ "วิธีการปรับปรุงจุลินทรีย์" ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท
ตัวอย่างเช่น
นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างเอนไซม์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเภสัชกรรมได้ และยังมีสิทธิบัตรอื่นๆมากมาย
ที่พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ ที่ให้ผลกำไรสูงสุดผลิตภัณฑ์หนึ่งของบริษัทในเวลานั้น
- ต่อมาปี 1990 Kikkoman บริษัทได้ขยายความร่วมมือและซื้อ "สิทธิ์การค้าฝั่งเอเซีย" กับ Del Monte ซึ่งครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นฟิลิปปินส์ เพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และได้ก่อตั้ง Kikkoman Trading (S) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในญี่ปุ่นและสิงคโปร์
และยังก่อตั้ง President Kikkoman, Inc โรงงานผลิตซอสถั่วเหลืองในไต้หวัน
- ปี 1992 Kikkoman Australia Pty. Limited ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากความต้องการของตลาดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
- ปี 1996 โรงงาน Kikkoman Foods Europe BV (KFE) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นที่ฮูเกแซนด์ ซัปเปเมียร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีสำนักงานในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี
  • แล้วปัจจุบัน Kikkoman เป็นอย่างไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Kikkoman Corporation ได้ทำธุรกิจและสายการผลิตใหม่ๆ ทั้งที่ล้มเหลวและประสบความสำเร็จมากมาย
2
มีการ "ปิดโรงงานผลิตบางส่วน" ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงความต้องการซอสถั่วเหลืองในญี่ปุ่นที่ลดลง ต้นทุนการผลิตที่สูง และปัญหาเศรษฐกิจทั้งญี่ปุ่นและทั่วโลก
แต่ก็มีการขยายการดำเนินงานไปสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงจีน อินเดีย และอเมริกาใต้
และก่อตั้งโรงงานใหม่เพิ่มเติมที่ เมืองฉือเจียจวงในมณฑลเหอเป่ย์ และ เมืองคุนซานในมณฑลเจียงซู ของประเทศจีน
ปัจจุบัน Kikkoman Corporation ผลิต จำหน่าย และส่งออกซอสถั่วเหลือง ซอสจิ้มและซอสหมัก เครื่องปรุงรสพกพา เครื่องปรุงรสเดลมอนเต้ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่มนมถั่วเหลือง เครื่องดื่มเดลมอนเต้ ผลไม้กระป๋อง ซอสมะเขือเทศ ข้าวโพดกระป๋อง อาหารเพื่อสุขภาพ สาเก มิริน และไวน์
บริษัทยังผลิตและจำหน่ายน้ำยาตรวจวินิจฉัยทางคลินิก เอนไซม์ และผลิตภัณฑ์ทางชีวเคมีอื่นๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัท Kikkoman Corporation ยังมีโลจิสติกส์ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ การสนับสนุนแบ็คออฟฟิศ และธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอีกต่อไป
1
และขอขอบคุณรูปภาพจาก Wikimedia Commons

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา