15 พ.ย. 2023 เวลา 05:21 • ธุรกิจ

เบื้องหลังความสำเร็จของ Mixue แบรนด์ร้านไอศกรีมและชายอดนิยม

Mixue (蜜雪冰城) เป็นแฟรนไชส์ร้านไอศกรีมและเครื่องดื่มสัญชาติจีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1997 โดย Zhang Rongping ในเมืองเซียงไฮ้ เป็นที่รู้จักจากเมนูไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟและเครื่องดื่มที่ราคาไม่แพงและรสชาติอร่อย
เมนูยอดนิยมของ Mixue ได้แก่ ไอศกรีมวาฟเฟิล น้ำเลม่อน ชาผลไม้ และชานม
ปัจจุบันมีสาขาในประเทศจีนมากกว่า 29,000 สาขา และในต่างประเทศอีกกว่า 3,000 สาขา
เคล็ดลับเบื้องหลังการประสบความสำเร็จของ Mixue นั้นมีอะไรบ้าง เรามาไขเคล็ดลับนั้นกัน
เริ่มจากการที่ Mixue ใช้โมเดลธุรกิจอย่าง S2B2C (Supplier to Business to Consumer) หรือก็คือ ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ (Supplier) ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับธุรกิจ (Business) เพื่อให้ธุรกิจนั้นนำไปขายต่อให้กับผู้บริโภค (Consumer) โดยที่ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์หรือบริการของ Mixue นั้นจะครอบคลุมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อ การผลิต การขาย คลังสินค้า และการขนส่งเครื่องดื่มและไอศกรีมสำเร็จรูป ตลอดจนการดำเนินงานแบบลูกโซ่ทุกด้าน
โดยดำเนินงานผ่าน 3 บริษัท บริษัทแรก MIXUEBINGCHENG Co., Ltd เป็นบริษัทแม่ของ Mixue จะรับหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์ของ Mixue การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ และการตลาด
บริษัทที่สอง Daka International Food Co., Ltd เป็นบริษัทที่รับผิดชอบในการผลิตและจัดหาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบให้กับ Mixue
และบริษัทที่สาม Shangdao Zhihui Supply Chain Co., Ltd เป็นบริษัทที่รับผิดชอบในการจัดหาและจัดส่งผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบให้กับ Mixue
ด้วยความร่วมมือกันของบริษัทเหล่านี้ ทำให้ซัพพลายเชนของ Mixue นั้นแข็งแกร่งและสมบูรณ์ส่งผลให้ Mixue สามารถมีต้นทุนทางธุรกิจต่ำกว่าคู่แข่งถึง 20%
เมื่อต้นทุนทางธุรกิจต่ำกว่าคู่แข่งทำให้ Mixue สามารถขายไอศกรีมและเครื่องดื่มได้ในราคาที่ถูก หรือก็คือ เน้นที่จำนวนไม่ได้เน้นที่ราคา
โดยไอศกรีมและเครื่องดื่มของ Mixue นั้นมีราคาอยู่ที่ระหว่าง 1 ถึง 10 หยวน ซึ่งต่างจากแบรนด์เครื่องดื่มชาส่วนใหญ่ในเมืองใหญ่ของจีน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์จะมีราคาอยู่ที่ 20 ถึง 30 หยวน
ร้านไอศกรีมและเครื่องดื่มของ Mixue จะวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ในระดับล่าง และเน้นไปที่เมืองระดับท้องถิ่น ด้วยราคาที่ไม่แพงจะทำให้ Mixue สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมาก
ในด้านต่างประเทศ Mixue จะเน้นไปที่กลุ่มชาวจีนและนักศึกษาวิทยาลัยในต่างประเทศเป็นหลัก โดยพื้นที่ร้านค้ามาตรฐานของ Mixue มักจะกำหนดไว้ที่ 20-40 ตารางเมตร
โดยมีความกว้างของร้านค้า 3-4 เมตร ซึ่งทำให้ร้านค้ามีความคล่องตัว ใช้พื้นที่ขนาดเล็ก และมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ และจะทำให้ง่ายต่อการขยายสาขา
และเนื่องด้วย Mixue ทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ผู้ที่ต้องการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ของ Mixue
ทาง Mixue จะเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์โดยแบ่งเป็นสามระดับ ได้แก่ เมืองหลวงของจังหวัด เมืองทั่วไปของจังหวัด และเมืองของท้องถิ่น
ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์จะต้องชำระเงินตามพันธสัญญา การจัดการรายวัน คำแนะนำการปฏิบัติงาน และอื่นๆ
แต่จุดที่สำคัญและน่าสนใจอยู่ตรงที่ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ต้องซื้อส่วนผสมและวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ใช้จากทาง Mixue เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับให้กับทางแบรนด์
ทำให้ Mixue สามารถควมคุมคุณภาพของส่วนผสมและวัสดุบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าของพวกเขาได้
และสิ่งที่หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบนั่นก็คือ ถึงแม้ Mixue จะเป็นร้านขายไอศกรีมและเครื่องดื่ม แต่ "รายได้หลักของ Mixue ไม่ได้มาจากไอศกรีมและเครื่องดื่ม"
แต่มาจาก "การขายวัตถุดิบและวัสดุบรรจุภัณฑ์" ของทางแบรนด์ต่างหาก
โดยวัตถุดิบและวัสดุบรรจุภัณฑ์สองรายการนี้ที่ทาง Mixue ขายให้กับแฟรนไชส์มีสัดส่วน 86.27%, 85.56% และ 87.08% ของรายได้ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2021 ตามลำดับ
ซึ่งก็จะหมายความว่า รายได้ของ Mixue มีความสัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนสาขาของแบรนด์ ยิ่ง Mixue ขยายสาขาได้มากรายได้ของ Mixue ก็จะมีแนวโน้มมากขึ้นตามไปด้วย
และเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆอีกอย่างก็คือ มาสคอตราชาหิมะ (雪王) ของทาง Mixue จะมีการเปลี่ยนรูปแบบไปตามวัฒนธรรมในท้องถิ่นนั้นๆ อย่างในประเทศไทยมาสคอตจะสวมมงกุฎและอัญมณีสีทองและเงิน ซึ่งจำลองตามสไตล์การแต่งกายในวัฒนธรรมไทย
และแทบทุกครั้งที่ขยายสาขาไปยังภูมิภาคใหม่ Mixue จะเปิดเพลงประกอบในร้านเวอร์ชั่นภาษาท้องถิ่นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านี้ทำให้แบรนด์ดูเป็นมิตรและกลมกลืนไปกับท้องถิ่นหรือภูมิภาคที่ร้านตั้งอยู่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ Mixue จะมีการเติบโตที่รวดเร็วแต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายรูปแบบต่างๆ เช่น ต้นทุนการดำเนินงานในออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นที่สูงกว่าที่อื่นๆ และการแข่งขันจากแบรนด์ท้องถิ่นในต่างประเทศ เป็นต้น
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น Mixue มีจุดแข็งที่ระบบซัพพลายเชนเพื่อให้สามารถควมคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาง Mixue ก็ยังจำเป็นต้องพัฒนาระบบซัพพลายเชนในต่างประเทศให้ดีมากขึ้นพร้อมกับการเติบโตของแบรนด์ด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก Wikimedia Commons

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา