12 มิ.ย. 2023 เวลา 14:54 • หนังสือ

รีวิวหนังสือ “66 วิธีลับคมสมอง”

เล่มที่ 26
“การลับคมสมองจะต้องเริ่มจากการสั่งสมประสบการณ์ให้มากที่สุด สมองจะสั่งสมประสบการณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการท้าทายหรือลงมือทำอะไรใหม่ๆ”
ผู้เขียนบอกว่า “เมื่อรู้สึกว่าความสามารถด้านการจดจำเสื่อมถอย วิธีที่ได้ผลคือการเพิ่มความสามารถด้านความคิด ไม่ใช่ความสามารถด้านการจดจำ เมื่อความสามารถด้านความคิดเพิ่มขึ้น ฮิปโปแคมปัสก็จะกลับมาทำงาน ทำให้ความสามารถด้านการจดจำที่เสื่อมถอยนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
ดังนั้นถ้าใครรู้สึกความจำเริ่มเสื่อม จึงควรเสริมความสามารถด้านความติดให้แข็งแกร่ง โดยการหาโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้อื่นเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ”
ผู้เขียนบอกว่า มีวิธีคิดแบบรหัสสมองที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพสมองให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอธิบายว่า เซลล์ประสาทในสมองมากกว่า 100,000 ล้านเซลล์ แต่ละกลุ่มจะมีฐานบัญชาการของตัวเอง ซึ่งผู้เขียนเรียกกลุ่มของเซลล์ประสาทและฐานบัญชาการของกลุ่มเซลล์ประสาทนี้ว่า “รหัสสมอง”
ผู้เขียนอธิบายให้เห็นภาพว่า “รหัสสมองเป็นการมองสมองให้เป็นแผนที่แผ่นหนึ่งที่มีการกำหนดแต่ละจุดของสมองที่ทำงานแตกต่างกันให้มีบ้านเลขที่หรือรหัสไปรษณีย์นั่นเอง รหัสสมองมีการกำหนดไว้เป็นตัวเลขแล้ว เช่น รหัสสมอง 20 และ 30 เกี่ยวกับการจดจำ รหัสสมอง 39 และ 40 เกี่ยวกับความเข้าใจ”
รหัสสมองมี 120 ตัว แบ่งได้ 8 กลุ่ม
1.รหัสสมองด้านความคิด
2.รหัสสมองด้านอารมณ์
3.รหัสสมองด้านการสื่อสาร
4.รหัสสมองด้านความเข้าใจ
5.รหัสสมองด้านการเคลื่อนไหว
6.รหัสสมองด้านการได้ยิน
7.รหัสสมองด้านการมองเห็น
8.รหัสสมองด้านการจดจำ
ผู้เขียนยกตัวอย่างการทำงานของรหัสสมอง เช่น ขณะที่อ่านหนังสือและใช้ความคิดไปพร้อม ๆ กัน รหัสสมองด้านการมองเห็นก็จะทำงานเชื่อมต่อกับรหัสสมองด้านความคิด
“รหัสสมองด้านความคิดเปรียบเสมือนหอบัญชาการของสมอง อยู่บริเวณสมองกลีบหน้าของทั้งซีกซ้ายและซีกขวา ลักษณะพิเศษก็คือเป็นศูนย์กลางศักยภาพที่ทำให้เกิด ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้เกิดสมาธิ ความมุ่งมั่น”
ผู้เขียนยกตัวอย่างภาพถ่าย MRI สมองพร้อมอธิบายประกอบภาพว่า “สมองของเด็กทารกแรกเกิดนั้นกิ่งก้านของสมองยังไม่มีการพัฒนา จะเห็นได้ว่าสมองส่วนใหญ่ยังเป็นสีขาว...เมื่อกิ่งก้านเจริญเติบโตขึ้นก็จะมีขนาดใหญ่ ส่วนที่เคยเป็นสีขาวก็จะมีกิ่งก้านสีดำเข้ามาปกคลุม ซึ่งจากภาพถ่ายสมองของผู้ใหญ่จะเห็นว่าสมองส่วนใหญ่เป็นสีดำและมีส่วนหนึ่งเป็นสีขาว”
“ในสมองของเราไม่มีส่วนใดเลยที่ไม่อยากเจริญเติบโต แต่การที่เราเบื่อหน่าย ท้อแท้ เพราะคิดว่าทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ไม่มีประโยชน์หรอก นั่นเองที่เป็นตัวปิดกั้นข้อมูลที่จะเข้าสู่รหัสสมอง จึงทำให้รหัสสมองหมดโอกาสที่จะเจริญเติบโต”
ผู้เขียนยังแนะนำให้เรารู้จักนิสัยของสมองอีกว่า “นิสัยของสมองที่มีเหมือนกันทุกคนมีเพียง 4 ข้อเท่านั้น”
1.ความรู้สึกดีใจเมื่อได้รับคำชม เช่น เมื่อได้รับคำชมว่าหูไวดี รหัสสมองด้านการได้ยินที่ได้รับข้อมูลด้านบวกนี้ก็จะตอบสนองด้วยการสั่งว่าต้องฟังให้ดี
2.การใช้ตัวเลขทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ช่วยให้สมองเข้าใจเรื่องราวโดยรวมทั้งหมดได้ง่ายขึ้น
3.การกำหนดเส้นตายทำให้การเปิดปิดชัดเจนขึ้น เมื่อทำงานเสร็จ ทำให้การใช้สมองจะได้ผ่อนคลาย
4.การพักผ่อนทำให้การแสดงออกดีขึ้น
คุณหมอโทะชิโนะริบอกว่า “ได้ตรวจภาพ MRI สมองของมนุษย์ตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์จนถึงอายุ 100 ปี มากกว่า 10,000 คน จากการเปรียบเทียบพบว่า สมองจะเจริญเติบโตมากที่สุดตอนช่วงอายุ 20 ถึง 49 ปี..อายุมาตรฐานที่สมองจะพัฒนาได้ดีคือช่วงอายุประมาณ 30 ปี...ดังนั้น หากสมองได้รับการลับคมอย่างถูกต้อง สมองก็จะมีทั้งความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”
เล่มนี้คุณหมอบอกว่า “สมองจะพัฒนาและเจริญเติบโตไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นชีวิต ประเด็นที่ว่า ยิ่งอายุมาก สมองก็ยิ่งเสื่อมนั้นเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง” เรื่องนี้ตรงกับเนื้อหาในหนังสือ How to boost your brain ของ Michael Powell
และหนังสือ The Power of Output ของคุณหมอ คาบะซาวะ ชิอง ที่บอกว่า “เรามีความเชื่อผิดเกี่ยวกับสมองมานานว่า สมองพัฒนาการทำงานถึงจุดหนึ่งแล้วจะไม่พัฒนาต่อไปอีก ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าสมองสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง” และ “ปัจจุบันมีการค้นพบว่าสมองมนุษย์จะสร้างเซลล์ประสาทใหม่ขึ้นทุกวัน”
สรุปแล้ว แม้ว่าหน้าปกของหนังสือจะบอกว่าเป็นหนังสือ Bestseller ในญี่ปุ่น แต่โดยรวมแล้ววิธีที่ผู้เขียนแนะนำว่าเป็นวิธีลับสมอง 66 วิธี นั้นส่วนใหญ่เป็นการใช้ชีวิตประจำวันของเราตามปกติอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นวิธีลับสมองเลย
เมื่ออ่านไปถึงบทที่เริ่มแนะนำวิธีทั้ง 66 วิธี ซึ่งเริ่มตั้งแต่หน้า 50 กว่าขึ้นไปนั้น อ่านไปก็รู้สึกเบื่อและคิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักที ไม่อยากอ่านต่อแล้ว อ่านจบก็รู้สึกว่าวิธีที่พูดเขียนมาไม่ได้ทำให้สมองแกร่งขึ้น คิดไว จำแม่น ปราดเปรื่อง ตามที่หน้าปกหนังสือบอกไว้
ซึ่งบทส่งท้ายของหนังสือผู้เขียนก็บอกไว้เองว่า “ถึงจะทำตามวิธีฝึกในหนังสือเล่มนี้ เพียงแค่นี้ก็ยังไม่ทำให้สมองแข็งแกร่งขึ้นหรอกนะครับ สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องเพิ่มความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปในการฝึกด้วย”
โดยส่วนตัวรู้สึกชอบเนื้อหาประมาณ 50 หน้าแรกของหนังสือ ที่เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสมอง แต่ส่วนของวิธีการไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์เท่าไหร่ มีแค่ไม่กี่วิธีที่อยากนำไปใช้ เช่น “มองหาข้อดีของคนรอบข้างให้ได้ 3 ข้อ” ลองหาเวลา 20 นาที พยายามจดจำบางอย่างให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด” มันจึงทำให้วิธีการที่ผู้เขียนตั้งเป็นชื่อหนังสือแทบจะไม่มีประโยชน์เลย
สรุปให้ 2 ดาว ⭐️⭐️ หลังจากอ่านเล่มนี้ได้ความรู้เรื่องการฝึกพัฒนารหัสสมองในด้านที่เรายังไม่เก่ง เช่น รหัสสมองด้านการสื่อสาร จะพยายามฝึกภาษาให้หลากหลายและสื่อสารมากขึ้น พยายามฝึกบอกตัวเองว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่โกรธ ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ ต้องเลี่ยงออกห่างจากตรงนั้น ฉันต้องสุภาพกับทุกคน” และจะพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้สมองทำงานได้เต็มที่ตั้งแต่เช้าตามคำแนะนำของคุณหมอโทะชิโนะริ
ผู้เขียน : โทะชิโนะริ คะโตะ
ผู้แปล : อังคณา รัตนจันทร์
สำนักพิมพ์ : NANMEEBOOKS
หมวด : พัฒนาตนเอง/แรงบันดาลใจ
ขนาดรูปเล่ม : 143 x 210 x 11 มม.
น้ำหนัก : 235 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : 2 สี
ชนิดกระดาษ : กระดาษปรู๊ฟ
จำนวนหน้า : 224 หน้า ปกอ่อน
ISBN : 9786160429998
 
หนังสือราคา 195 บาท มี 224 หน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา