21 มิ.ย. 2023 เวลา 03:20 • หนังสือ

#33 HWG. — บทที่ 2️⃣0️⃣ (ส่วนที่ 2) :

เมื่อเราเข้าสู่ "นิพพาน" แล้วเราจะไม่คงอยู่ในสภาวะนั้นตลอดไป แต่เราจะแยกตัวออกมาจากสภาวะนั้นเพื่อไปมีประสบการณ์ถึงตัวตนในขั้นถัดไปของเรา และจะหมุนวนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปชั่วนิรันดร์
▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลชิ้นที่ 2 ที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
𝗚 : "𝗢𝗻𝗰𝗲 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘂𝘁𝗲𝗿 𝗹𝗶𝗺𝗶𝘁 𝗼𝗳 '𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘀𝗶𝗱𝗲'—𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀, 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗮𝗸𝗲𝗻 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗮𝘀 𝗳𝗮𝗿 𝗮𝘀 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗻 𝗴𝗼 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗼𝗳 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴,
𝘆𝗼𝘂—𝗺𝗲𝘁𝗮𝗽𝗵𝗼𝗿𝗶𝗰𝗮𝗹𝗹𝘆—𝘁𝘂𝗿𝗻 𝗮𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗮𝗻𝗱 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝗯𝗮𝗰𝗸, 𝗺𝗼𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲, 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘁𝗶𝗺𝗲 𝗵𝗲𝗮𝗱𝗶𝗻𝗴 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗸𝗻𝗼𝘄.
G : เมื่อเธอไปถึงขีดจำกัดของ “อีกด้านหนึ่ง (ไปถึงขีดจำกัดของสภาวะแห่งการเป็น)” —นั่นก็คือ เมื่อเธอได้นำสิ่งที่เธอมาเพื่อที่จะได้รู้ติดตัวไปได้ไกลที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ภายในขอบเขตหรือสภาวะแห่งการหยั่งรู้ (ความรู้แจ้ง)★แล้ว เธอ (พูดในเชิงเปรียบเทียบ)—จะหันหลังและเดินทางกลับ โดยเคลื่อนผ่านอาณาจักรทางจิตวิญญาณอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอได้นำสิ่งที่เธอรู้ทั้งหมด (ในตอนที่ไปอยู่อีกด้านหนึ่ง) ติดตัวกลับไปยังแกนกลางหรือแก่นแท้ของความเป็นเธอด้วย
★𝘁𝗵𝗲 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗼𝗳 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 : หากแปลตรงตัวก็จะประมาณว่า เป็นอาณาเขตหรือที่ที่มีความรู้ทั้งมวลอยู่ ; หากใช้ภาษาแบบนิวเอจ ก็น่าจะเป็น 'อาคาชิกเรคคอด' (ที่ที่ความรู้ทั้งมวล ความทรงจำทั้งมวลถูกบันทึกเอาไว้) ;หากใช้ภาษาแบบพุทธ ก็น่าจะเป็น 'สัพพัญญู หรือ สัพพัญญุตญาณ' (สภาวะแห่งการหยั่งรู้ในสรรพสิ่งทั้งมวล) ผมก็เลยแปลว่า ขอบเขตแห่งการหยั่งรู้ หรือ ความรู้แจ้ง ครับ –ผู้แปล–
"𝗬𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝘁𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗹𝗲𝗱𝗴𝗲 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴, 𝘁𝗼 𝗻𝗼𝘄 𝗲𝗻𝗴𝗮𝗴𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗼𝘀𝘁 𝘀𝗮𝗰𝗿𝗲𝗱 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀; 𝘁𝗵𝗲 𝗿𝗲-𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗦𝗲𝗹𝗳 𝗮𝗻𝗲𝘄, 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗶𝘀𝗶𝗼𝗻, 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗟𝗲𝘃𝗲𝗹.
𝗜𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝗙𝗿𝗲𝗲 𝗖𝗵𝗼𝗶𝗰𝗲, 𝘆𝗼𝘂 𝗱𝗲𝗰𝗶𝗱𝗲, 𝗴𝗶𝘃𝗲𝗻 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗸𝗻𝗼𝘄, 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝘄𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗼𝗳 𝗪𝗵𝗼 𝗬𝗼𝘂 𝗔𝗿𝗲, 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗲𝘅𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗶𝘁.
เธอได้นําความรู้ที่เธอได้รับติดตัวกลับไปยังแกนกลางของความเป็นเธอ เพื่อมีส่วนร่วมใน 'กระบวนการอันศักดิ์สิทธิ์สูงสุด' ซึ่งนั่นก็คือ #การสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับถัดไปของเธอ (ที่เธอเพิ่งหยั่งรู้มา) ที่แกนกลาง ในห้วงขณะแห่งทางเลือกเสรีของเธอ เธอจะเป็นคนตัดสินใจ จากทุกสิ่งที่เธอเพิ่งรู้มา ว่าอะไรคือประสบการณ์แห่งความเป็นเธอที่เธอปรารถนาจะได้ประสบต่อไป ผ่านการแสดงออกทางกายภาพของตัวตนของเธอ
"𝗛𝗮𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗺𝗼𝘃𝗲𝗱 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗼𝗳 𝗧𝗼𝘁𝗮𝗹 𝗜𝗺𝗺𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻—𝗼𝗳 𝗯𝗲𝗶𝗻𝗴 '𝗼𝗻𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗚𝗼𝗱'—𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗽𝗿𝗲𝗽𝗮𝗿𝗲𝗱 𝘁𝗼 𝗯𝗲 𝗯𝗼𝗿𝗻 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻."
เมื่อผ่านประสบการณ์ของการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งหมดนั้นอีกครั้ง —เป็น “หนึ่งเดียวกับพระเจ้า”— เธอก็พร้อมแล้ว (เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว) ที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง
𝗡 : 𝗜 𝗮𝗺 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗹𝗲𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗲 '𝗼𝗿𝗮𝗻𝗴𝗲' 𝗮𝗻𝗱 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 '𝗮𝗽𝗽𝗹𝗲'? 𝗜 𝗮𝗺 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗹𝗲𝘃𝗲𝗹 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗮𝗻𝗱 𝗴𝗼 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹?
N : ผมจะทิ้ง “ส้ม” แล้วกลับไปที่ “แอปเปิล” งั้นหรือครับ❓ ผมจะปรับระดับของจิตวิญญาณแล้วกลับไปที่โลกทางกายภาพ❓
𝗚 : "𝗬𝗲𝘀."
G : ใช่แล้ว
𝗡 : 𝗪𝗵𝘆? 𝗪𝗵𝘆 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗜 𝘄𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗼 𝗱𝗼 𝘁𝗵𝗮𝘁?
N : ทำไมครับ❓ ทำไมตัวผมถึงต้องการที่จะกลับไปที่โลกกายภาพล่ะ❓
𝗚 : "𝗜𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗮𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝗸𝗻𝗼𝘄. 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝘀𝗼𝗺𝗲𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝗱 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝗶𝘁 𝗮𝗿𝗲 𝘁𝘄𝗼 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴𝘀.
G : เพื่อที่เธอจะได้มีประสบการณ์ถึงสิ่งที่เธอรู้มา (ตอนอยู่ที่อีกด้าน) ไงล่ะ เพราะ 'การรู้' และ 'การมีประสบการณ์' นั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
"𝗧𝗵𝗲 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗜 𝗮𝗺 𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗱𝗲𝘀𝗰𝗿𝗶𝗯𝗶𝗻𝗴 𝗶𝘀 𝗰𝗶𝗿𝗰𝘂𝗹𝗮𝗿.
กระบวนการที่ฉันกำลังจะอธิบายต่อไปนี้นั้นเคลื่อนที่เป็นวงกลม (เป็นวัฏจักร)
"𝗬𝗼𝘂 𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗳𝗼𝗹𝗹𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵' 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗲𝘀𝘁𝗮𝗯𝗹𝗶𝘀𝗵 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆. 𝗬𝗼𝘂 𝗺𝗼𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗔𝗴𝗮𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗼 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲, 𝗶𝗻 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀.
𝗬𝗼𝘂 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗶𝗼𝗿 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵' 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆 𝗮𝗻𝗲𝘄, 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗴𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗶𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗲𝘃𝗲𝗿 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗲𝗹𝗱 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝗪𝗵𝗼 𝗬𝗼𝘂 𝗔𝗿𝗲.
𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀, 𝘆𝗼𝘂 𝗲𝗹𝗲𝘃𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗦𝗲𝗹𝗳, 𝗺𝗼𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗶𝘁 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗹𝗲𝘃𝗲𝗹. 𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝗰𝗮𝗹𝗹𝗲𝗱 𝗲𝘃𝗼𝗹𝘂𝘁𝗶𝗼𝗻.
เธอเข้าสู่แกนกลางของความเป็นเธอหลังจากสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” เพื่อสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาใหม่ เธอเคลื่อนผ่านอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ และด้วยการผ่านกระบวนการนั้นทำให้เธอสามารถตระหนักรู้ได้อีกครั้งว่าเธอคือใครและเป็นอะไรได้อย่างสมบูรณ์ เธอย้อนกลับไปที่แกนกลางของความเป็นเธอก่อนสิ่งที่เธอเรียกว่า “การเกิด” เพื่อสร้างตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอได้รู้ (ได้รับตอนที่อยู่อีกด้าน) เกี่ยวกับตัวตนของเธอในขั้นถัดไปขึ้นมาใหม่
ซึ่งนั่นก็คือ เธอได้ยกระดับของประสบการณ์และการแสดงออกถึงตัวตน (ความเป็นพระเจ้า) ของเธอขึ้นไปอีกขั้น นี่จึงถูกเรียกว่า #การวิวัฒนาการ
𝗬𝗼𝘂 𝗹𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲. 𝗥𝗲-𝗲𝗻𝘁𝗿𝘆 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲—𝗮𝗻 𝗲𝘅𝘁𝗿𝗲𝗺𝗲𝗹𝘆 '𝗵𝗲𝗮𝘃𝘆,' 𝗱𝗲𝗻𝘀𝗲 𝗲𝘅𝗶𝘀𝘁𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗰𝗼𝗺𝗽𝗮𝗿𝗲𝗱 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗷𝘂𝘀𝘁 𝗲𝗺𝗯𝗿𝗮𝗰𝗲𝗱—𝗽𝗿𝗼𝗱𝘂𝗰𝗲𝘀 𝗮 𝗹𝗼𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗲𝘀𝘁𝗮𝗯𝗹𝗶𝘀𝗵𝗲𝗱.
𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝗯𝘆 𝗱𝗲𝘀𝗶𝗴𝗻. 𝗪𝗲𝗿𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗼 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝗶𝘁, 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗻𝗼𝘁 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗶𝘁 𝗶𝗻 𝗮𝗻𝘆 𝗼𝗳 𝗶𝘁'𝘀 𝗽𝗮𝗿𝘁𝘀—𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗽𝗿𝗲𝗰𝗶𝘀𝗲𝗹𝘆 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱 𝘁𝗼 𝗱𝗼.
เธอไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกทางกายภาพก็เพื่อที่เธอจะได้รู้จักตัวเอง (ในขั้นถัดไป) ผ่านประสบการณ์ของเธอเอง การกลับเข้าสู่ชีวิตทางกายภาพอีกครั้ง —ที่เป็นการดำรงอยู่ใน 'ความหนาแน่น' เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเพิ่งได้รับมา (ในโลกวิญญาณ)— ก่อให้เกิดสภาวะอันสับสนงุนงง-ไม่แน่ใจ (ความหลง-ความไม่รู้) ในตัวตนอันสมบูรณ์แบบในขั้นถัดไปที่เธอได้สร้างขึ้นที่แกนกลาง (ลืมว่าตนคือใคร)
ซึ่งนี่เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกออกแบบไว้ เพราะหากเธอรู้ถึงตัวตนอันสมบูรณ์แบบที่เธอสร้างขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ (จำได้ทั้งหมด) เธอจะไม่สามารถมีประสบการณ์ถึงตัวตนในขั้นถัดไปของเธอได้★ — เพราะสาเหตุเพียงหนึ่งเดียวที่เธอเข้าสู่โลกทางกายภาพก็เพื่อมามีประสบการณ์ถึงตัวตนที่เธอสร้างขึ้นใหม่ดังกล่าว
★เราจึงต้องทำให้ตัวเองลืมเสียก่อน ประมาณว่าหากเรารู้แผนก่อน เราจะไม่ได้รับประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่ เช่น... (ผมจะยกตัวอย่างแบบสุดโต่งหน่อยนะครับ)
เราวางแผนร่วมกันกับวิญญาณอีกดวง (หรือหลายดวง) ว่า ในชีวิตทางกายภาพครั้งต่อไป เราจะเป็นคนที่ถูกฆ่าเพื่อเป้าหมายบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ (เช่น เพื่อเป็นบทเรียนอะไรบางอย่างให้กับผู้คน) ส่วนอีกคน (หรืออีกฝ่าย) จะเป็นคนมาฆ่าเรา หากเรารู้ก่อน-จำได้ เราก็จะอ้อ นี่เป็นบทหรือแผนที่วางไว้ก่อนแล้ว เราก็จะรู้สึกเฉยๆ หรือ ปล่อยวางได้ง่ายๆ ไม่อะไรกับอะไร นี่ทำให้ประสบการณ์ที่วางแผนไว้ว่าจะได้รับในห้วงเวลาที่ถูกฆ่าสูญเสียคุณค่าไป
แต่ถ้าเราไม่รู้ (ลืม) ณ ห้วงขณะที่โดนฆ่านั้น เราจะได้เรียนรู้หรือมีประสบการณ์อย่างแท้จริง เราตัดสินใจเลือกอะไรในห้วงเวลานั้น❓ จะเลือกอาฆาตแค้น หรือว่าเลือกกลัว และ เลือก ฯลฯ ❓ หรือว่าเลือกปล่อยวางเพราะเข้าใจความจริงของชีวิตแล้ว (ซึ่งนี่จะเป็นการปล่อยวางที่แท้จริง เพราะเราไม่รู้อะไรมาก่อนเลย) อะไรประมาณนั้นครับ –ผู้แปล–
𝗪𝗵𝗲𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 '𝘄𝗼𝗿𝗸' 𝗶𝘀 𝗱𝗼𝗻𝗲 (𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗻𝘁𝗲𝗻𝗱𝗲𝗱 𝘁𝗼 𝗯𝗲 𝗮 𝘁𝗼𝘁𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗷𝗼𝘆𝗳𝘂𝗹 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲, 𝗮𝘀 𝗶𝘀 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗔𝗳𝘁𝗲𝗿𝗹𝗶𝗳𝗲), 𝘆𝗼𝘂 '𝗱𝗶𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻,' 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗲𝘀𝘁𝗮𝗯𝗹𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆.
𝗬𝗼𝘂 𝗿𝗲-𝗲𝗺𝗲𝗿𝗴𝗲 𝗮𝗻𝗱 𝗺𝗼𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀 𝘄𝗵𝗼 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗶𝗻 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴. 𝗬𝗼𝘂 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗶𝗼𝗿 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵' 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆 𝗮𝗻𝗲𝘄, 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗶𝘁.
𝗬𝗼𝘂 𝗴𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵 𝗮𝗻𝗱 𝗹𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗦𝗲𝗹𝗳 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
เมื่อ “งาน” นี้เสร็จสิ้น (เธอตั้งใจให้งานนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าเบิกบานใจอย่างที่สุด เช่นเดียวกับประสบการณ์ในชีวิตหลังความตาย) เธอก็จะ “ตายอีกครั้ง” และเข้าสู่แกนกลางของความเป็นเธอเพื่อสร้างตัวตนอันสมบูรณ์แบบของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เธอแยกตัวออกมาจากสภาวะแห่งการหลอมรวมกับทั้งหมดและเคลื่อนผ่านอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณเพื่อแสดงออกว่าเธอเป็นใครและอะไรอย่างเต็มที่ผ่านสิ่งที่เธอได้รู้มาในตอนที่หลอมรวม
เธอย้อนกลับไปยังแกนกลางของความเป็นเธอก่อนสิ่งที่เธอเรียกว่า “การเกิด” เพื่อสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในขั้นถัดไป เธอทำให้ตัวเองเกิดและใช้ชีวิตในโลกทางกายภาพ เพื่อที่เธอจะได้รู้จักตัวเอง (ในขั้นถัดไป) ผ่านประสบการณ์ของเธอเอง
𝗪𝗵𝗲𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 '𝘄𝗼𝗿𝗸' 𝗶𝘀 𝗱𝗼𝗻𝗲, 𝘆𝗼𝘂 '𝗱𝗶𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻,' 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗲𝘀𝘁𝗮𝗯𝗹𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆. 𝗬𝗼𝘂 𝗺𝗼𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗔𝗴𝗮𝗶𝗻 𝗶𝗻 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝘄𝗵𝗼 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲.
𝗬𝗼𝘂 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗶𝗼𝗿 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵' 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆 𝗮𝗻𝗲𝘄, 𝗶𝗻 𝗶𝘁𝘀 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻. 𝗬𝗼𝘂 𝗴𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵 𝗮𝗻𝗱 𝗹𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗦𝗲𝗹𝗳 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
เมื่อ “งาน” นี้เสร็จสิ้น เธอก็จะ “ตายอีกครั้ง” แล้วเข้าสู่แกนกลางของความเป็นเธอเพื่อสร้างตัวตนอันสมบูณณ์แบบของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เธอเคลื่อนผ่านอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ และด้วยการผ่านกระบวนการนั้นทำให้เธอตระหนักรู้ได้อีกครั้งอย่างสมบูรณ์ว่าเธอคือใครและเป็นอะไร เธอย้อนกลับสู่แกนกลางของความเป็นเธอก่อนสิ่งที่เธอเรียกว่า “การเกิด” เพื่อสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในขั้นถัดไป
เธอทำให้ตัวเองเกิดและใช้ชีวิตในโลกทางกายภาพ เพื่อที่เธอจะได้รู้จักตัวเอง (ในขั้นถัดไป) ผ่านประสบการณ์ของเธอเอง
𝗪𝗵𝗲𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 '𝘄𝗼𝗿𝗸' 𝗶𝘀 𝗱𝗼𝗻𝗲, 𝘆𝗼𝘂 '𝗱𝗶𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻,' 𝗼𝗻𝗰𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝗲𝘀𝘁𝗮𝗯𝗹𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆. 𝗬𝗼𝘂 𝗺𝗼𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗔𝗴𝗮𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗼 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲.
𝗬𝗼𝘂 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗶𝗼𝗿 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗯𝗶𝗿𝘁𝗵' 𝘁𝗼 𝗿𝗲-𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆 𝗮𝗻𝗲𝘄, 𝗶𝗻 𝗶𝘁𝘀 𝗻𝗲𝘅𝘁 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝘃𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻.
เมื่อ “งาน” นี้เสร็จสิ้น เธอก็จะ "ตายอีกครั้ง" แล้วเข้าสู่แกนกลางของความเป็นเธอเพื่อสร้างตัวตนอันสมบูรณ์แบบของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เธอเคลื่อนผ่านอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ และด้วยการผ่านกระบวนการนั้นทำให้เธอตระหนักรู้ได้อีกครั้งอย่างสมบูรณ์ว่าเธอคือใครและเป็นอะไร เธอย้อนกลับสู่แกนกลางของความเป็นเธอก่อนสิ่งที่เธอเรียกว่า “การเกิด” เพื่อสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในขั้นถัดไป
"𝗧𝗵𝗲 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗶𝗻𝘂𝗲𝘀.
กระบวนการเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป
"𝗘𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝗹𝗹𝘆.
ตราบชั่วนิจนิรันดร์ ♾️ ★
★ประมาณว่า ก่อนตายระดับการตระหนักรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ในขั้นมนุษย์-คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองจะเป็นพระเจ้าได้ยังไง-ไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์ (นี่หมายถึงการเริ่มต้นวัฏจักรใหม่แล้วนะครับ) หลังตายแล้ว ไปผ่านกระบวนการต่างๆดังที่กล่าวมาแล้ว เราก็กลับมาใหม่พร้อมแผนการในการมามีประสบการณ์ในโลกกายภาพถึงตัวตนในขั้นถัดไปของเรา อาจเป็นแผนการเพื่อยกระดับการตระหนักรู้และสำแดงความเป็นพระเจ้าที่มีอยู่ในตัวให้ขึ้นสู่ระดับดาวพระเคราะห์ (ช่วยทุกคนบนโลกให้มีความสุขทั้งทางกายทางใจ อะไรแบบนั้นครับ)
จากนั้น รอบต่อไป เราวางแผนต่อ เพื่อมีประสบการณ์ถึงตัวตนในขั้นถัดไปที่อาจเป็นระดับระบบสุริยะ (ดูแลสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สภาพแวดล้อม ดาวเคราะห์ทุกดวง ดาวฤกษ์ ฯลฯ ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในระบบ) จากนั้น รอบต่อไป ในระดับกาแล็คซี่ -> ระดับเซกเตอร์ (เป็นโซนที่มีหลายแกแล็คซี่อยู่) -> ระดับจักรวาล -> ระดับพหุจักรวาล -> ระดับที่ใหญ่กว่านั้น -> ระดับที่จินตานาการต่อไม่ได้ ->♾️
มาถึงตรงนี้ผมเองยังปวดตับเลย (หมายถึงปวดสมองน่ะครับ ฮ่าๆๆ 😆😅) –ผู้แปล–
"𝗧𝗼𝘁𝗮𝗹 𝗜𝗺𝗺𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗘𝘀𝘀𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗼𝗱𝘂𝗰𝗲𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗲𝗻𝗲𝗿𝗴𝘆 𝗮𝘁𝘁𝗲𝗻𝘁𝗶𝗼𝗻 (𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲 𝘃𝗶𝗯𝗿𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝗮𝗹 𝗮𝗱𝗷𝘂𝘀𝘁𝗺𝗲𝗻𝘁, 𝗼𝗿 '𝗾𝘂𝗶𝗰𝗸𝗲𝗻𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁') 𝗺𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗹𝗲 𝘀𝘂𝗯𝘀𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝘁 𝗿𝗲-𝗲𝗺𝗲𝗿𝗴𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝗲𝗶𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺 𝗼𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱.
การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้ (พระเจ้า) ที่แกนกลางของความเป็นเธอทำให้เกิดการปรับจูนทางพลังงาน (คือสิ่งที่เธอเรียกว่า การปรับแต่งคลื่นการสั่นสะเทือน หรือ “การเร่งระดับความเร็วของวิญญาณ”) ทำให้การปรากฏตัว (เกิดใหม่) ของเธอหลังจากที่แยกตัวออกมาจากสภาวะแห่งการหลอมรวมนั้น ไม่ว่าจะเป็นในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณหรือในโลกทางกายภาพ สามารถเป็นไปได้★
★เพราะโลกวิญญาณ กับ โลกทางกายภาพ มีพลังงานแตกต่างกัน เราจะไปอยู่ในระนาบไหน ก็ต้องปรับพลังงานในตรงกับระนาบนั้นเสียก่อน การหลอมรวมกับแก่นแท้เพื่อปรับพลังงาน จึงเป็นกระบวนการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หมายความว่า ไม่ว่ายังไง เราก็จะได้กลับไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอย่างแน่นอน รู้อย่างนี้แล้วหายกลัวตายกันยังครับ? 😁 –ผู้แปล–
"𝗧𝗵𝗲 𝗖𝘆𝗰𝗹𝗲 𝗼𝗳 𝗟𝗶𝗳𝗲 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗶𝗻𝘂𝗲𝘀 𝗲𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗱𝗲𝘀𝗶𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗔𝗹𝗹 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗜𝘀 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗜𝘁𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗶𝗻 𝗜𝘁𝘀 𝗢𝘄𝗻 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
วัฏจักรแห่งชีวิตนั้นดำเนินต่อไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ เพราะความปรารถนาของสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นคือการได้รู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ในการเป็นตัวเอง (ที่ยิ่งๆขึ้นไป)
"𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀, 𝗶𝗻 𝗳𝗮𝗰𝘁...
ซึ่งนี่จะนําไปสู่ความจริงของ...
𝗧𝗛𝗘 𝗡𝗜𝗡𝗧𝗛 𝗥𝗘𝗠𝗘𝗠𝗕𝗘𝗥𝗔𝗡𝗖𝗘
ความทรงจำที่ 9️⃣
𝗜𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗱𝗲𝘀𝗶𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗔𝗹𝗹 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗜𝘀 𝘁𝗼 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗜𝘁𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗶𝗻 𝗶𝘁𝘀 𝗢𝘄𝗻 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲. 𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗿𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻 𝗳𝗼𝗿 𝗮𝗹𝗹 𝗼𝗳 𝗟𝗶𝗳𝗲.
“เป็นความปรารถนาของสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นที่จะรู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ในการเป็นตัวเอง นี่คือเหตุผลของการมีอยู่ของสรรพชีวิตทั้งมวล”
"𝗥𝗲𝗺𝗲𝗺𝗯𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗼𝗹𝗱 𝘆𝗼𝘂, 𝗮 𝘀𝗼𝘂𝗹 𝗮𝗿𝗿𝗶𝘃𝗲𝘀 𝗮𝘁 𝗖𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗹𝗼𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗮𝘁𝗵 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱, 𝗮𝗻𝗱 𝗮𝘁 𝗖𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗹𝗼𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗮𝘁𝗵 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱.
𝗕𝗼𝘁𝗵 𝗽𝗮𝘁𝗵𝘀 𝗮𝗿𝗲 𝘂𝘀𝗲𝗱, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘄𝗵𝘆 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗮𝗿𝗲 𝘁𝘄𝗼 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱𝘀. 𝗣𝘂𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝘁𝗼𝗴𝗲𝘁𝗵𝗲𝗿, 𝘂𝗻𝗶𝘁𝗲𝗱 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲, 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗲𝗿𝗳𝗲𝗰𝘁 𝗲𝗻𝘃𝗶𝗿𝗼𝗻𝗺𝗲𝗻𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝗖𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲 𝗙𝗲𝗲𝗹𝗶𝗻𝗴, 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝗽𝗿𝗼𝗱𝘂𝗰𝗲𝘀 𝗔𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀.
จำสิ่งที่ฉันเคยบอกเธอได้ไหมว่า วิญญาณจะเข้าถึงการรู้อย่างสมบูรณ์ตามวิถีทางของโลกวิญญาณ และมีประสบการณ์อย่างสมบูรณ์ตามวิถีทางของโลกทางกายภาพ วิญญาณใช้ทั้งสองเส้นทาง และนั่นคือสาเหตุที่ทำไมถึงต้องมีทั้งสองโลก โดยทั้งสองโลกนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันที่แกนกลาง ทำให้เธอมีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบในการสร้างความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบ เพื่อก่อให้เกิดการตระหนักรู้ที่สมบูรณ์แบบ
"𝗥𝗲𝗺𝗲𝗺𝗯𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝘁𝗼𝗹𝗱 𝘆𝗼𝘂, 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝗔𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀—𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀, 𝗼𝗳 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝗱 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝗱 𝗙𝗲𝗲𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗖𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲𝗹𝘆 𝗪𝗵𝗼 𝗬𝗼𝘂 𝗥𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗔𝗿𝗲—𝗶𝘀 𝗮𝗿𝗿𝗶𝘃𝗲𝗱 𝗮𝘁 𝗶𝗻 𝘀𝘁𝗲𝗽𝘀. 𝗘𝗮𝗰𝗵 𝗽𝗮𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝗮 𝗹𝗶𝗳𝗲𝘁𝗶𝗺𝗲 𝗰𝗮𝗻 𝗯𝗲 𝗰𝗼𝗻𝘀𝗶𝗱𝗲𝗿𝗲𝗱 𝗼𝗻𝗲 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗼𝘀𝗲 𝘀𝘁𝗲𝗽𝘀."
จำสิ่งที่ฉันเคยบอกเธอได้ไหมว่า ห้วงขณะแห่งการตระหนักรู้อย่างแท้จริง —นั่นก็คือ การรู้ การมีประสบการณ์ และการรู้สึกถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอได้อย่างสมบูรณ์— จะเกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งการผ่านชีวิตในแต่ละชาติภพนั้นก็ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในขั้นตอนเหล่านั้น★
★ว่าง่ายๆก็คือ การเวียนว่าตายเกิดถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ในการบรรลุถึงการรู้แจ้ง –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗦𝗼 𝗜 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗴𝗮𝗶𝗻 '𝗮 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱 𝗼𝗳 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲'!
N : ดังนั้น การที่ผมกลับเข้าสู่สภาวะของการมีร่างกายก็เพื่อที่ผมจะได้ประสบกับ “โลกแห่งประสบการณ์”❗★
★หรือเพื่อจะได้รับประสบการณ์ทั้งหมดในทุกๆรูปแบบเท่าที่โลกทางกายภาพจะสามารถให้ได้ –ผู้แปล–
𝗚 : "𝗘𝘅𝗮𝗰𝘁𝗹𝘆. 𝗬𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗽𝘂𝘁 𝗶𝘁 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝘄𝗲𝗹𝗹.
G : ถูกเผง เธอพูดได้ดีมาก
"𝗕𝗲𝗳𝗼𝗿𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗮𝗸𝗲 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝗷𝗼𝘂𝗿𝗻𝗲𝘆 𝘁𝗼 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹𝗶𝘁𝘆, 𝘆𝗼𝘂 𝗳𝗶𝗿𝘀𝘁 𝗺𝗲𝗿𝗴𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗘𝘀𝘀𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗦𝗲𝗹𝗳 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲 𝗼𝗳 𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗕𝗲𝗶𝗻𝗴. 𝗬𝗼𝘂 𝗺𝗲𝗿𝗴𝗲, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗲𝗺𝗲𝗿𝗴𝗲, 𝘁𝗼 𝗷𝗼𝘂𝗿𝗻𝗲𝘆 𝗼𝗻𝘄𝗮𝗿𝗱 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘂𝘁𝗲𝗿𝗺𝗼𝘀𝘁 𝗲𝗱𝗴𝗲 𝘄𝗵𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗺𝗲."
ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับเข้าสู่โลกทางกายภาพ เธอจะหลอมรวมเข้ากับแก่นแท้แห่งตัวตนของเธออีกครั้งที่แกนกลางของความเป็นเธอก่อนเป็นอันดับแรก เธอหลอมรวมเข้าไป จากนั้นจึงแยกตัวออกมา เพื่อเดินทางต่อไปยังขอบนอกสุดด้วยเหตุผลที่เธอต้องไปที่นั่นเพื่อทำ★
★นั่นคือการไปให้ถึงขีดจำกัดของการเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราเท่าที่เราได้รู้มา จะเรียกว่าเป็นกระบวนการฟื้นคืนความจำก็ได้ครับ ว่าแท้จริงแล้วเราคือใคร –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗠𝗮𝘆 𝗜 𝗮𝘀𝗸 𝗮 𝗾𝘂𝗲𝘀𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗵𝗲𝗿𝗲? 𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗵𝗮𝗽𝗽𝗲𝗻𝘀 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝗜 𝗳𝗶𝗻𝗶𝘀𝗵 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝘁𝗲𝗽𝘀—𝘄𝗲'𝗹𝗹 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗹𝗶𝗳𝗲𝘁𝗶𝗺𝗲𝘀—𝗮𝗻𝗱 𝗮𝗿𝗿𝗶𝘃𝗲, 𝗮𝘁 𝗹𝗮𝘀𝘁, 𝗮𝘁 𝗔𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀? 𝗗𝗼 𝗜 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝗳𝗶𝗻𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗴𝗲𝘁 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝗺𝗮𝗶𝗻 𝗶𝗻 '𝗵𝗲𝗮𝘃𝗲𝗻'? 𝗗𝗼 𝗜 𝘀𝘁𝗮𝘆 𝗶𝗻𝘀𝗶𝗱𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗿𝗲? 𝗗𝗼 𝗜 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗧𝗼𝘁𝗮𝗹 𝗜𝗺𝗺𝗲𝗿𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗲𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝗹𝗹𝘆?
N : ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ❓ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมทำตามขั้นตอนทั้งหมดนั้นจนเสร็จสิ้นหมดแล้ว –เราจะเรียกขั้นตอนทั้งหมดนั้นว่า “การผ่านชีวิตในทุกชาติภพ”— แล้วเข้าถึงการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ได้ในท้ายที่สุด❓ ซึ่งในที่สุดผมก็จะได้อยู่ใน “สวรรค์” ตลอดไปเสียทีใช่ไหมครับ❓ ผมจะคงอยู่ภายในแกนกลางตลอดไป❓ ผมจะมีประสบการณ์ถึงการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าตลอดไปใช่ไหมครับ❓
𝗚 : "𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗻𝗼𝘁 𝗰𝗵𝗼𝗼𝘀𝗲 𝘁𝗼."
G : เธอจะไม่เลือกอย่างนั้นหรอก
𝗡 : 𝗪𝗵𝘆 𝗻𝗼𝘁?
N : ทำไมล่ะครับ❓
𝗚 : "𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗳𝘂𝗹𝗹𝘆 𝘀𝗲𝗹𝗳-𝗿𝗲𝗮𝗹𝗶𝘇𝗲𝗱, 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝗱𝗲𝘀𝗶𝗿𝗲 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗮𝘀 𝗮 𝗱𝗶𝘀𝗰𝗿𝗲𝘁𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗶𝘁𝘆."
G : หากเธอตระหนักรู้ถึงตัวเอง (จดจำได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ) ได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะก็ ความปรารถนาสูงสุดของเธอก็คือ #การได้มีประสบการณ์ถึงการรู้นั้นในฐานะความเป็นจริงทางกายภาพ
𝗡 : 𝗔𝗻𝗱--?
N : แล้วยังไงต่อครับ❓
𝗚 : "𝗔𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱."
G : แล้วเธอก็จะกลับสู่โลกทางกายภาพ
𝗡 : 𝗥𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗜 𝗰𝗮𝗺𝗲 𝗳𝗿𝗼𝗺.
N : กลับไปยังที่ที่ผมจากมา
𝗚 : "𝗥𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘄𝗵𝗲𝗿𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗺𝗲 𝗳𝗿𝗼𝗺."
G : กลับไปยังที่ที่เธอจากมา
𝗡 : 𝗜𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻, 𝗼𝗿 𝗶𝗻 𝗮 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝗮 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗹𝗶𝗳𝗲?
N : ด้วยร่างกายเดิม และประสบกับชีวิตแบบเดิมทั้งหมดใหม่อีกครั้ง หรือด้วยร่างกายใหม่ที่แตกต่างไป และประสบกับชีวิตแบบใหม่ที่ต่างไปครับ❓
𝗚 : "𝗜𝘁 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝗮𝘀 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝘀𝗵. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗱𝗲𝗰𝗶𝗱𝗲 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗿𝗶𝘃𝗲 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗯𝗶𝗴𝗴𝗲𝘀𝘁 𝗠𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝗙𝗿𝗲𝗲 𝗖𝗵𝗼𝗶𝗰𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗲𝘃𝗲𝗿 𝗶𝗺𝗮𝗴𝗶𝗻𝗲.
G : มันจะเป็นไปตามที่เธอปรารถนา เธอจะตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อเธอมาถึงห้วงขณะแห่งการเลือกอย่างเสรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอจะเคยจินตนาการได้
"𝗦𝗼𝗺𝗲 𝘀𝗼𝘂𝗹𝘀 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗮𝗰𝗵𝗶𝗲𝘃𝗲𝗱 𝗺𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘆 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗵𝗼𝘀𝗲𝗻 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝘁𝗼𝗼𝗸 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗹𝗮𝘀𝘁 𝘀𝘁𝗲𝗽𝘀 𝗼𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗮𝘁𝗵. 𝗢𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗵𝗼𝘀𝗲𝗻 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹𝗶𝘁𝘆 𝗶𝗻 𝗮𝗻 𝗲𝗻𝘁𝗶𝗿𝗲𝗹𝘆 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗯𝗼𝗱𝘆, 𝗹𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻 𝗲𝗻𝘁𝗶𝗿𝗲𝗹𝘆 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗹𝗶𝗳𝗲.
วิญญาณบางดวงที่บรรลุถึงความเป็นคุรุ (รู้แจ้ง) แล้วได้เลือกที่จะกลับไปมีประสบการณ์กับสภาวะนั้นในร่างเดิมที่ซึ่งพวกเขาได้ใช้มันเพื่อผ่านขั้นตอนสุดท้ายบนเส้นทางแห่งการบรรลุนั้น ส่วนวิญญาณดวงอื่น ๆ ที่ได้บรรลุ อาจเลือกที่จะกลับไปด้วยร่างกายที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
"𝗘𝗶𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘄𝗮𝘆, 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗻𝗼𝘄 𝗞𝗻𝗼𝘄 𝗳𝘂𝗹𝗹𝘆 𝗪𝗵𝗼 𝗬𝗼𝘂 𝗥𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗔𝗿𝗲. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝗹𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗔𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀. 𝗦𝗼 𝗮𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗮𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀, 𝘀𝗼 𝗰𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗞𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝗱 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴,
𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗪𝗵𝗼 𝗬𝗼𝘂 𝗔𝗿𝗲 𝗮𝘀 𝘄𝗲𝗹𝗹, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝘆𝗼𝘂 𝗥𝗮𝗯𝗯𝗶, 𝗮𝗻𝗱 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿, 𝗮𝗻𝗱 𝗧𝗲𝗮𝗰𝗵𝗲𝗿."
ไม่ว่าจะเลือกทางใด เธอก็จะตระหนักรู้ได้อย่างสมบูรณ์ว่าเธอคือใคร เธอจะใช้ชีวิตด้วยความตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ และด้วยการที่การตระหนักรู้ของเธอนั้นสมบูรณ์แบบ จึงทำให้ การรู้ และ การมีประสบการณ์ของเธอนั้นสมบูรณ์แบบตามไปด้วย★ ซึ่งคนอื่นๆอาจรับรู้และสัมผัสได้เช่นกันว่าเธอคือใคร และพวกเขาก็จะเรียกเธอว่า ปราชญ์ คุรุ หรือ อาจารย์
★ตรงนี้เหมือนสมการย้อนกลับครับ ; ก็คือ การรู้ การมีประสบการณ์ และการรู้สึกถึงตัวตนที่แท้จริงได้อย่างสมบูรณ์ ก่อให้เกิด การตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ ในทางกลับกัน หากเราตระหนักรู้ได้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว จึงส่งผลให้ การรู้ การมีประสบการณ์ และการรู้สึกถึงตัวตนที่แท้จริงได้อย่างสมบูรณ์ด้วยนั่นเอง –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗧𝗵𝗲𝘆 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗲𝘃𝗲𝗻 𝘀𝘄𝗲𝗮𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝗮𝗺 '𝗧𝗵𝗲 𝗢𝗻𝗲.'
N : พวกเขาอาจสาบานด้วยซ้ำว่าผมคือ “คุรุผู้รู้แจ้ง (พระผู้ไถ่/พระผู้ช่วยให้รอด/ศาสดา/องค์อวตาร/พระโพธิสัตว์ ฯลฯ)”
𝗚 : "𝗬𝗲𝘀. 𝗔𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗻𝗼 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗹𝗶𝗸𝗲 𝘆𝗼𝘂. 𝗧𝗵𝗲𝗻 𝗶𝘁 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗷𝗼𝗯 𝘁𝗼 𝗰𝗼𝗻𝘃𝗶𝗻𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝗶𝗻𝗮𝗰𝗰𝘂𝗿𝗮𝘁𝗲, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆𝗼𝗻𝗲 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗶𝘀 𝗹𝗶𝗸𝗲 𝘆𝗼𝘂, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗰𝗮𝗻 𝗮𝗹𝗹 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
G : ใช่ และพวกเขาอาจคิดว่าไม่มีใครอีกแล้วที่เหมือนเธอ จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของเธอที่จะโน้มน้าวพวกเขาว่า การคิดแบบนี้ไม่ถูกต้อง และพวกเขาทุกคนก็เป็นเหมือนกันกับเธอ ที่สามารถรู้และมีประสบการณ์ได้ถึงทุกอย่างที่เธอรู้และมีประสบการณ์ได้เช่นเดียวกัน
"𝗪𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗮𝗻𝗱 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗴𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝘀𝘁 𝗷𝗼𝘆, 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝘀𝗲𝗲𝗸 𝘁𝗼 𝘀𝗵𝗮𝗿𝗲 𝗶𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆𝗼𝗻𝗲. 𝗔𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗳 𝗴𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘂𝗽 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝗳 𝗱𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘀𝗼 𝗺𝗲𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗼𝘂𝗹𝗱 𝘀𝗵𝗼𝘄 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝘄𝗵𝗼 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗮𝗿𝗲.
สิ่งที่เธอรู้และมีประสบการณ์จะเป็นความเบิกบานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แล้วเธอก็จะต้องการหรือหาทางที่จะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับทุกคน และเธอก็จะไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับการต้องสละชีวิตทางกายภาพของเธอ หากการทำเช่นนั้นจะช่วยให้เธอสามารถแสดงให้คนอื่นๆเห็นหรือตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาคือใคร
"𝗜𝘁 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗹𝗼𝗼𝗸 𝗶𝗳 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗽𝗲𝗼𝗽𝗹𝗲 𝗮𝗿𝗲 𝘁𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗲𝘅𝗮𝗰𝘁𝗹𝘆 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗵𝗮𝗽𝗽𝗲𝗻𝗶𝗻𝗴. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗻𝗼 𝗼𝗻𝗲 '𝗱𝗶𝗲𝘀' 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻𝘀𝘁 𝗵𝗶𝘀 𝘄𝗶𝗹𝗹, 𝗻𝗲𝗶𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗮𝘁 𝗮 𝘁𝗶𝗺𝗲 𝗻𝗼𝗿 𝗶𝗻 𝗮 𝘄𝗮𝘆 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁 𝗼𝗳 𝗵𝗶𝘀 𝗰𝗵𝗼𝗼𝘀𝗶𝗻𝗴.
𝗔𝗻𝗱 𝘀𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝘂𝘀𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 '𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵' 𝗮𝘀 𝗮 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻, 𝗽𝗿𝗼𝗱𝘂𝗰𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗺𝗮𝗻𝘆 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝗮𝗻 𝗼𝗽𝗲𝗻𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗮 𝗠𝘂𝗰𝗵 𝗟𝗮𝗿𝗴𝗲𝗿 𝗥𝗲𝗮𝗹𝗶𝘁𝘆.
มันอาจดูเหมือนว่าคนอื่นกำลังพรากชีวิตของเธอไป แต่เธอจะรู้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้น เธอจะรู้ว่าไม่มีใครที่สามารถ “ตาย” โดยขัดต่อเจตจำนงของตัวเองได้ ไม่ว่าจะในเวลาหรือในลักษณะใดก็ตามที่เขาไม่ได้เลือก ดังนั้น เธอจึงใช้ “ความตาย” ของเธอเป็นห้วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ ที่ทำให้คนอีกหลายคนได้เปิดประตูไปสู่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก
𝗡 : 𝗪𝗲𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲𝗻, 𝗲𝗶𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘄𝗮𝘆—𝘄𝗵𝗲𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗜 𝗮𝗿𝗿𝗶𝘃𝗲 𝗮𝘁 𝗔𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗿 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗶𝗻𝘂𝗲 𝗼𝗻 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗺𝘆 𝗷𝗼𝘂𝗿𝗻𝗲𝘆 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲—𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗿𝘂𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗲𝘃𝗲𝗻𝘁𝘂𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗜 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗳𝗶𝗻𝗱 𝗺𝘆𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘂𝘁𝗲𝗿 𝗲𝗱𝗴𝗲 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 '𝗮𝗽𝗽𝗹𝗲,' 𝘄𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗜 𝗯𝗲𝗴𝗮𝗻, 𝘆𝗲𝘀?
N : ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าผมจะบรรลุถึงการตระหนักรู้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วหรือกำลังเดินทางอยู่ก็ตาม— มันเป็นความจริงใช่ไหมที่ในท้ายที่สุดแล้วผมก็ยังต้องไปยังที่ขอบด้านนอกสุดของ “แอปเปิล” อยู่ดี เพราะที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของผมใช่ไหมครับ❓
𝗚 : "𝗬𝗲𝘀. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝗳𝘂𝗹𝗹 𝗰𝗶𝗿𝗰𝗹𝗲."
G : ใช่ และเธอจะเดินไปจนครบรอบ★
★คืองี้ครับ แรกเริ่มเดิมที ก่อนที่จะเริ่มชีวิตในชาติแรกสุดของเรา เราอยู่ที่ขอบนอกสุด หรือ ดำรงอยู่ในสภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้น หรือ เป็นสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นอยู่ หรือ ดำรงอยู่ในสภาวะนิพพานนั้นอยู่แล้ว
จากนั้นเราได้แยกตัวออกมาจากสภาวะนั้นเพื่อเริ่มการเดินทางของการมีประสบการณ์ถึงตัวเองอีกครั้ง ก่อนอื่นก็ผ่านโลกวิญญาณ แล้วเข้าสู่ใจกลางเพื่อปรับพลังงาน จากนั้นจึงเข้าสู่โลกทางกายภาพ พอออกจากโลกทางกายภาพ ก็เข้าสู่ใจกลางเพื่อปรับพลังงาน เพื่อเข้าสู่โลกวิญญาณ จากนั้นก็เดินทางผ่านโลกวิญญาณ เพื่อผ่านกระบวนการฟื้นคืนความทรงจำว่าแท้จริงแล้วเราคือใครมาตั้งแต่แรก พอจำได้หมดแล้วเราจึงเข้าสู่สภาวะนิพพานอีกที ซึ่งเป็นสภาวะเดิมที่เราเคยเป็นหรือดำรงอยู่ในสภาวะนั้นมาตั้งแต่แรก
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือการเดินทางไปจนครบหนึ่งรอบครับ –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗔𝗻𝗱 𝗮𝗿𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝘁𝗲𝗹𝗹 𝗺𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝘁𝘂𝗿𝗻 𝗮𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗮𝗻𝗱 𝗴𝗼 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘄𝗵𝗼𝗹𝗲 𝗰𝘆𝗰𝗹𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻? 𝗔𝗻𝗱 𝗸𝗲𝗲𝗽 𝗼𝗻 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝗮𝗻𝗱 𝗳𝗼𝗿𝘁𝗵 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗻𝗱 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗻𝗱 𝗼𝘃𝗲𝗿?
N : พระองค์กำลังจะบอกว่า ผมจะหันหลังกลับ (ออกจากอีกด้าน) แล้วเดินไปจนครบรอบอีกที (กลับมาที่เดิม)❓ ไม่เพียงแค่นั้นแต่ผมต้องเดินวนจนครบรอบซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้อย่างไม่รู้จบด้วยงั้นหรือครับ❓
𝗚 : "𝗬𝗼𝘂 𝗺𝗮𝘆, 𝗶𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗵𝗼𝗼𝘀𝗲."
G : เธอจะทำแบบนั้นก็ได้ ถ้าเธอเลือก
𝗡 : 𝗦𝗼 𝗜 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗰𝗼𝘂𝗹𝗱 𝗯𝗲 𝗹𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗹𝗶𝗳𝗲𝘁𝗶𝗺𝗲, 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗻𝗱 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻?
N : ถ้าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกของผมเอง อย่างนั้นผมสามารถก็ใช้ชีวิตในชาติเดิมได้ซ้ำๆจริงๆน่ะสิครับ❓★
★ประมาณว่าชีวิตนี้ อายุ 60 แล้วตาย แต่พอกลับมาใหม่ก็ย้อนเวลากลับไปตอนที่ตนอายุ 18 เพื่อเอาใหม่อีกรอบ รอบนี้จะขอทำให้ดีกว่าเดิม ใครเคยอ่านนิยายหรือการ์ตูนแนวนี้ก็จะนึกตามออกครับ ซึ่งเรื่องนี้มีคำตอบนะครับ ว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ บทต่อไปครับ ฮี่ๆ 😁 –ผู้แปล–
𝗚 : "𝗪𝗲 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗮 𝗹𝗼𝘁 𝘁𝗼 𝘁𝗮𝗹𝗸 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝗵𝗲𝗿𝗲..."
G : ยังมีอีกหลายเรื่องเลยนะที่เราต้องพูดคุยกันที่นี่...
𝗡 : 𝗬𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗻 𝘀𝗮𝘆 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻.
N : พระองค์พูดถึงเรื่องพวกนั้นทีหลังก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ผมขอให้พระองค์ช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังก่อน
=========(((จบบทที่ 20)))=========
✴️ Note ✴️
อ่านทบทวนหัวข้อเหล่านี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจได้ตามลิงค์ครับ (เป็นสิ่งที่พระองค์เคยอธิบายไว้ในชุด "สนทนากับพระเจ้า")
"จุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง"
"นิพพาน"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา