28 มิ.ย. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แพลตฟอร์มสนันสนุนอีคอมเมิร์ซ Shopify

ในโลกของอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Shopify ได้กลายเป็นผู้เล่นชั้นนำที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ และธุรกิจทุกขนาดให้ประสบความสำเร็จในตลาดดิจิทัล
 
ด้วยแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ฟีเจอร์มากมาย และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม Shopify ได้ปฏิวัติวิธีการดำเนินธุรกิจทางออนไลน์
วันนี้เลยจะพามารู้จักกับบริษัท Shopify กัน
  • เริ่มต้น
Shopify Inc เป็นบริษัททำเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซข้ามชาติของแคนาดา มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ เมืองออตตาวา รัฐออนแทรีโอ
Shopify ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Tobias Lütke, Daniel Weinand และ Scott Lake
จุดเริ่มต้นของบริษัทสามารถย้อนไปถึงปี 2004 เมื่อ Lütke และ Weinand พยายามเปิดร้านค้าออนไลน์สำหรับอุปกรณ์สโนว์บอร์ดชื่อ Snowdevil
แต่พวกเขารูู้สึกไม่พอใจ กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่ในตลาด ดังนั้น Lütke ซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ จึงตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มของตนเอง
Lütke ใช้เฟรมเวิร์กเว็บแอปพลิเคชันโอเพ่นซอร์ส Ruby on Rails เพื่อสร้างร้านค้าออนไลน์ของ Snowdevil และเปิดตัวหลังจากพัฒนาไปสองเดือน
ต่อจากนั้น Snowdevil ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มในชื่อ "Shopify"
Shopify ได้สร้างภาษาเทมเพลตโอเพ่นซอร์สชื่อ Liquid ซึ่งเขียนด้วย Ruby on Rails และใช้มาตั้งแต่ปี 2006 และ Shopify ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2010
  • บริษัททำอะไร
Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง จัดการ และปรับปรุุงการดำเนินงานในร้านค้าออนไลน์ของตนได้ มีเครื่องมือและบริการมากมาย
เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ของการดำเนินการอีคอมเมิร์ซ ทำให้ผู้ประกอบการและธุรกิจขายสินค้า และบริการออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
หรือง่ายๆ คือ เป็นแพลตฟอร์มผู้ช่วยในการจัดการงานด้านต่างๆ ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเรา นั่นเอง
  • บริการของแพลตฟอร์ม Shopify จำแนกได้หลักๆ ดังนี้
- การสร้างร้านค้าออนไลน์
Shopify ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ของตนเองได้
มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ และเทมเพลตเว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้ให้เลือกมากมาย
ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างหน้าร้าน ที่ดึงดูดสายตาและเป็นมืออาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากมาย
- การชำระเงิน
Shopify ผสานรวมกับเกตเวย์การชำระเงินต่างๆ รวมถึงโซลูชันการชำระเงินของตัวเองที่เรียกว่า Shopify Payments
ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชำระเงินจากลูกค้า ได้อย่างปลอดภัยโดยใช้บัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และวิธีการชำระเงินอื่นๆ
Shopify รับรองว่าธุรกรรมได้รับการเข้ารหัสและป้องกัน เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ปลอดภัย
- การจัดการคำสั่งซื้อและการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ
Shopify มีเครื่องมือในการจัดการและปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจต่างๆ สามารถติดตามคำสั่งซื้อ พิมพ์ฉลากการจัดส่ง
และส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติถึงลูกค้าเกี่ยวกับการอัปเดตสถานะคำสั่งซื้อ
การผสานรวมกับผู้ให้บริการขนส่งทำให้กระบวนการจัดส่งง่ายขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้อย่างคล่องตัว
- การวิเคราะห์และการรายงานข้อมูล
Shopify มีเครื่องมือการวิเคราะห์และการรายงานเชิงลึก ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขาย พฤติกรรมของลูกค้า และประสิทธิภาพของร้านค้า
ผู้ค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการเข้าชม อัตราคอนเวอร์ชั่น และเมตริกสำคัญอื่นๆ ทำให้สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดและขับเคลื่อนการเติบโต
- การส่งเสริมการขายหลายช่องทาง
Shopify มีเครื่องมือหลายอย่างที่ช่วยให้ธุรกิจขยายช่องทางการขายนอกเหนือจากร้านค้าออนไลน์ อย่างเช่น การแนะนำการตลาดผ่านอีเมล การตลาดบนโซเชียลมีเดีย และ Google AdWords เป็นต้น
ผู้ค้าสามารถขายผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และตลาดออนไลน์อื่นๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการขาย รวมถึงการส่งเสริมแหล่งเงินทุน ให้กับร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
นอกจากนี้ยังมี App Store ของ Shopify ที่เป็นตลาดแอปที่ผู้ค้าสามารถค้นหาและติดตั้งแอป เพื่อขยายฟังก์ชันการทำงานของร้านค้าของตนเองใน Shopify ได้
และมีระบบหลังบ้านอย่าง Shopify POS เป็นระบบ ณ จุดขาย (POS) ที่อยู่บนคลาวด์ ระบบนี้ใช้ทำงานร่วมกันกับบริการที่กล่าวไว้ข้างต้น
อย่างเช่น บัตรของขวัญ, การติดตามสินค้าคงคลัง, รายงานและการวิเคราะห์, ส่วนลดและโปรโมชัน และโปรแกรมส่งเสริมความภักดีต่างๆ ล้วนดำเนินงานผ่าน Shopify POS
  • แพลตฟอร์ม Shopify มีช่องทางรายได้จากหลายช่องทาง ดังนี้
- โซลูชันการสมัครสมาชิก (Subscription solutions)
การสมัครสมาชิก
Shopify เสนอแผนการสมัครสมาชิกให้กับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ผู้ขายอิสระรายเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนเพื่อเข้าถึงและใช้งานแพลตฟอร์ม Shopify
รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสร้างเว็บไซต์ การจัดการสินค้า การปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ รวมถึงการวิเคราะห์ขั้นสูง เครื่องมือทางการตลาด ธีมที่กำหนดเอง การจดทะเบียนโดเมน และอื่นๆ โดยแต่ละระดับของสมาชิก ก็จะมีฟีเจอร์ให้ใช้ที่ต่างกันไปด้วย
โซลูชันการสมัครสมาชิกเป็น "ส่วนสำคัญของกระแสเงินสดของ Shopify"
- โซลูชันสำหรับผู้ค้า (Merchant solutions)
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
Shopify เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม สำหรับการซื้อแต่ละครั้งที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม ค่าธรรมเนียมเหล่านี้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแผนการสมัครสมาชิก
 
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการสั่งซื้อ และคิดเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมช่องทางการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมยังรวมถึง ค่าธรรมเนียมโซลูชันการชำระเงินของ Shopify, Shopify Payments หรือเกตเวย์การชำระเงินของบุคคลที่สาม
ค่าธรรมเนียมจาก Shopify Shipping และค่าธรรมเนียมจาก Shopify Capital ที่เป็นแหล่งเงินทุนให้แก่ธุรกิจ โดยที่ Shopify จะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากพวกเขา
รวมถึงพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม แอปบน Shopify และและค่าธรรมเนียมจากบริการย่อยๆ ในแพลตฟอร์ม
โซลูชันสำหรับผู้ค้าเป็น "รายได้หลักของ Shopify"
ในปี 2022 มีนักช็อปออนไลน์ที่ไม่ซ้ำกัน 561 ล้านราย ที่ซื้อของจากร้านค้าของ Shopify
Shopify ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ต่างๆ เช่น Mattel, Gymshark, Heinz, FTD, Netflix, Kylie Cosmetics, SKIMS, Supreme และอื่นๆ อีกมากมาย
รายได้ประจำปีของ Shopify ในปี 2022 อยู่ที่ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.42% จากปี 2021
  • สิ่งที่น่าให้ความสนใจและผลการดำเนินงานที่สำคัญของปีนี้
ปัจจุบัน Shopify ให้บริการได้ใน 175 ประเทศ
ยอดขายรวมทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นบน Shopify อยู่ที่ประมาณ 700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีจำนวนร้านค้าในแพลตฟอร์ม Shopify มีมากกว่า 1,000,000 ร้านค้า
ธีมที่ไว้ใช้ในการพัฒนาร้านค้าออนไลน์ของลูกค้า ในร้านค้าธีมของ Shopify มี 70 ธีม
แอปพลิเคชันใน App Store ของ Shopify มีมากกว่า 10000 แอป
บริษัทที่ทำงานร่วมกับ Shopify รายล่าสุด ได้แก่ Keen, Seiko, Herschel Supply, Accenture, Deloitte, Ernst & Young, KPMG, Pinterest และ IBM
รายรับในไตรมาสแรกปีนี้ของ Shopify อยู่ที่ 1.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2022
รายรับจาก โซลูชันสำหรับผู้ค้า (Merchant solutions) อยู่ที่ 1.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.1% เมื่อเทียบรายปี
รายรับจาก โซลูชันการสมัครสมาชิก (Subscription solutions) อยู่ที่ 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายปี
โดยฐานรายได้หลักอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ รองลงมาคือยุโรป
ในไตรมาสแรกปีนี้ Shopify ยังได้มีการขายสินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ให้กับ Flexport และถือหุ้นส่วนใน Flexport อยู่ 13% และมีการนำ ChatGPT API ของ OpenAI มาใช้ในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า
และยังมีการเปิดตัว Commerce Components ของ Shopify เป็นเครื่องมือสแต็คใหม่สำหรับการค้าปลีกระดับองค์กร
โดยภาพรวม Shopify Inc เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการค้าหลายช่องทางบนคลาวด์ ซอฟต์แวร์ของบริษัทช่วยให้ผู้ค้าสามารถออกแบบ จัดการ และขายผลิตภัณฑ์ของตนผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย
รวมถึงหน้าร้านบนเว็บและมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ สถานที่ขายปลีกจริง ร้านป๊อปอัพ และตลาดกลาง
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ค้าสามารถจัดการสินค้าและสินค้าคงคลัง สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ประมวลผลคำสั่งซื้อและการชำระเงิน จัดส่งคำสั่งซื้อ
และใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์และการรายงานทั้งหมดจากแบ็คออฟฟิศ บริษัทให้บริการแก่ร้านค้าของธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ระบบนิเวศของแอปที่กว้างขวาง ความสามารถในการปรับเปลี่ยนและความยืดหยุ่น การสนับสนุนลูกค้าที่แข็งแกร่ง เป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัท
แม้ว่าการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ การพึ่งพาแอปของบุคคลที่สาม ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม กฎหมายและข้อบังคับในหลายประเทศ และการปรับแต่งการออกแบบที่จำกัด อาจเป็นสาเหตุของความกังวล
และยังมีปัจจัยเสริมด้านลบอย่าง เงินเฟ้อ และการเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในสหรัฐอเมริกาที่เป็นฐานรายได้หลักของ Shopify อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
บริษัทมีโครงสร้างที่ความซับซ้อน บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด และประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา