30 มิ.ย. 2023 เวลา 01:52 • อสังหาริมทรัพย์
กรุงเทพมหานคร

ฟิล์มกรองแสงที่เหมาะกับบ้าน “Nordic Style”

บ้านนอร์ดิก เป็นอีกหนึ่งแบบบ้านในดวงใจของใครหลายๆ คน ทั้งกำลังเป็นที่นิยมและพูดถึงกันมากในเมืองไทย คนไทยในปัจจุบันชื่นชอบบ้านสไตล์ยุโรปกันมากขึ้น เนื่องจากมีรูปทรงที่สวย เรียบง่าย ดูหรูหรา และมีความทันสมัย ให้ความลงตัวในการพักอาศัยตอบโจทย์คนสมัยใหม่ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“Nordic” คือคำใช้เรียกพื้นที่แถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย คาบสมุทรจัตแลนด์ และเกาะไอซ์แลนด์ โดยบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ ซึ่งมีภูมิศาสตร์และอากาศเฉพาะตัว โดยมีฤดูหนาวยาวนาน และช่วงเวลากลางวันอันแสนสั้น ผู้คนแถบนั้นจะได้ทักทายกับไออุ่นของแสงอาทิตย์เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน และนั่นคือสาเหตุที่ชาวนอร์ดิกใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้รูปแบบการออกแบบบ้านจึงให้ความสำคัญกับความอยู่สบาย ผ่อนคลาย สามารถสัมผัสธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
แรงบันดาลใจจากการตกแต่งบ้านในรูปแบบดังกล่าวมีที่มาที่ไปจากรูปแบบการดำเนินชีวิต วัฒนธรรม รวมไปถึงแนวคิดของชาวนอร์ดิก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะปลูกสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง เช่น การออกแบบบ้านที่อยู่อาศัยรวมไปถึงการตกแต่งภายใน ก็มักจะคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ ที่เป็นทิวเขาและสภาพอากาศที่หนาวเย็นมีหิมะตกแทบจะตลอดทั้งปี การออกแบบและตกแต่งในโทนอบอุ่น
จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และแน่นอนว่า Nordic Style การตกแต่งรูปแบบดังกล่าวก็ได้แผ่ขยายอิทธิพลมาถึงเมืองไทยเราด้วย และวันนี้ใครที่ชืนชอบและถูกจริตกับบ้านสไตล์นี้ เรามีรายละเอียดให้ได้ศีกษาประกอบการตัดสินใจด้วยหละ
หลักการและรูปแบบการตกแต่งแบบ Nordic Style
ความชัดเจนที่สุดของการออกแบบ Nordic Style ก็คือ การเก็บเอาความเป็นธรรมชาติหรือรูปทรงของธรรมชาติมาใช้เกือบ 100% เราจึงได้เห็นความนุ่มนวลความอ่อนไหว และความอบอุ่น ในการตกแต่งแบบนี้มากกว่าการตกแต่งแบบโมเดิร์น โดยยึดหลักการคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งานอย่างสูงสุด เลือกใช้โทนสีธรรมชาติ และทั้งหมดทั้งมวลมีความเรียบง่าย น้อยแต่มาก และยังได้รู้สึกถึงการใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบที่คนเมืองกรุงโหยหา เปิดโล่งสเปซกว้างๆ ทำให้หลาย ๆ คนชื่นชอบนั่นเอง
ในส่วนของการเลือกใช้หรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ จะมุ่งเน้นความสมดุลของคู่สี ที่นำมาใช้ในห้องนั้น ๆ ทั้งหมดจะต้องมีความสมดุลกัน เช่น สีเนวี่บลู, สีแดง, สีเขียวขรึม, สีทอง ส่วนผ้าที่จะนำมาใช้ในการตกแต่งในสไตล์นี้จะต้องมีลวดลายเล็ก ๆ น้อย ๆ ประปรายไปตามเนื้อผ้า ไม่นิยมใช้ผ้าที่มีลวดลายใหญ่ รวมไปถึงผ้าที่เป็นริ้ว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ Nordic Design ก็คือการเลือกใช้ผ้าลายตารางหมากรุกแบบ Swedish Style ตามแบบฉบับของยุโรปเหนือ
สไตล์การตกแต่งภายในของบ้านนอร์ดิก นั้่นก็คืออีกจุดสนใจของผู้คนที่ชื่นชอบบ้านแนวนี้ คือคอนเซปต์แห่งความเรียบง่าย คุมโทน ที่เชื่อมโยงกับสีสันของธรรมชาติ อย่างเช่น การใช้โทนสีขาวเป็นสีพื้น สีเทาไล่เฉด สีเอิร์ธโทนอย่างสีน้ำตาลของไม้ เป็นต้น
จึงใช้สีที่มีความซอฟท์บางเบา ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย มักตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล เน้นความสบายตา ไม่มีความซับซ้อนยุ่งเหยิง สร้าง “บรรยากาศ” ของความเรียบง่าย สงบ อบอุ่นและผ่อนคลายแก่ผู้อยู่อาศัย จึงมักตกแต่งด้วยโทนสีกลาง ๆ นั่นเอง
จุดเด่นของ Nordic Design
จุดเด่นของการตกแต่งแบบนอร์ดิก ก็คือ การใช้ความเป็นธรรมชาติ เส้นสายต่างๆ ที่มีความอ่อนไหว ให้ความรู้สึกไม่แข็งทื่อจนเกินไป แต่การนำค่านิยม จากแถบสแกนดิเนเวียนซึ่งสภาพภูมิอากาศค่อนข้างเย็น มาประยุกต์ใช้กับการออกแบบสไตล์เขตร้อนชื้นของบ้านเรา
ส่วนของหลังคา จะเป็นลักษณะทรงจั่วแหลมลาดลงมาประมาณ 45 องศา แบบเดียวกับสไตล์หลังคาบ้านของคนไทยเรานั่นเอง และบ้านไสตล์นอร์ดิคจะมีกระจกเต็มสูงไปจนถึงจั่วบ้าน และไม่มีการตีฝ้ากั้นปิดทึบแบบไทย แต่จะใช้การตีฝ้าลูบลงเป็นสามเหลี่ยม ตามทรงหลังคา เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ในการมองเห็นวิวนอกบ้านได้ตลอดเวลาของการพักผ่อนภายในบ้าน เหมาะแก่การสัมผัสถึงธรรมชาติอันแท้จริง
แต่จุดต่างที่เด่นชัดมากกว่านั้นคือ หลังคาจะลาดปิดลงมาเจอกับผนังบ้านเลย โดยไม่มีส่วนของชายคาบ้านที่ยื่นล้ำเกินตัวผนังบ้าน และไม่มีรางรองน้ำฝนออกมาแบบหลังคาบ้านของไทย เนื่องจาก แถบนั้นจะมีฤดูหิมะตกเป็นฤดูกาลหลัก การใช้หลังคาทรงจั่วเทลงมาติดผนังบ้านเลยนั้น จะช่วยทำให้การไหลระบายของหิมะที่ตกมาอยู่บนหลังคา สามารถระบายถ่ายเทลงสู่พื้นดินได้ดีกว่า เพราะผู้คนในแถบนั้นไม่ต้องการให้มีหิมะปกคลุมอยู่บนหลังคาบ้านเป็นเวลานานนั่นเอง
ต่างจากสไตล์หลังคาบ้านของไทยเรา ที่มีหน้าฝนเยอะ หลังคาจึงต้องยื่นโผล่พ้นออกไปจากตัวบ้าน และมีการเสริมรางรองรับน้ำฝนที่จะช่วยในการระบายน้ำได้ดี และส่วนหลังคาที่ยื่นออกมา จะช่วยป้องกันฝนไม่ให้สาดเข้ามาภายในบ้านนั่นเอง
ลักษณะที่โดดเด่นต่อมาก็คือผนังบ้าน บ้านนอร์ดิก มักมีผนังหนึ่งด้านที่ปิดทึบเป็น ผนังอิฐ หรือผนังปูน ขะมีการฉาบตกแต่งตามแบบต่างๆ ที่เจ้าของบ้านชื่นชอบนั่นเอง แต่องค์ประกอบที่โดดเด่นจริงๆ ของส่วนผนังบ้านก็คือ กระจกที่มีจำนวนเยอะมากๆ เพราะถือเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นที่ช่วยเสริมให้บ้านดูมีสไตล์ เรียบหรู และดูโดดเด่นสะดุดตา เพิ่มความลงตัวให้บ้านนอร์ดิกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ข้อเสียของนอร์ดิกไตล์ในไทย
การสร้างบ้านสไตล์นอร์ดิกในเมืองไทยนั้น ก็ยังพบข้อเสียอยู่เหมือนกัน เนื่องด้วยสไตล์การใช้กระจกเป็นองค์ประกอบหลักนั้น กับอากาศสุดร้อนของไทย ทำให้ขัดกันอยู่ทีเดียว เพราะความร้อนจากแสงที่เข้ามา ก็นำความร้อนเข้าไปในบ้านด้วย และด้วยสไตล์นอร์ดิกที่ออกแบบให้เหมาะกับภูมิอากาศในต่างประเทศที่มีหิมะ จึงไม่มีช่องระบายอากาศเพื่อไม่ให้ความอบอุ่นภายในบ้านออกไปด้วย ทว่าเมื่อสร้างในบ้านเราแล้ว นี่ยิ่งทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในอาคารแทน ปัญหาหลักคือร้อนกว่า และอบกว่า
แต่วันนี้เรามีวิธีดีๆ มาแนะนำและจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและอยากมีบ้านสไตล์นอร์ดิก แต่กลับพบปัญหานี้ หรือกระทั่งผู้ที่มีบ้านสไตล์นี้อยู่แล้วซึ่งกำลังประสบปัญหาที่กล่าวมานั้น กำลังหาวิธีลดความร้อนให้บ้านของคุณอยู่ใช่ไหมละคะ
วิธีที่จะช่วยคุณได้
นั่นก็คือการเลือกติดฟิล์มกรองแสงกระจกนั่นเอง การติดฟิล์มกรองแสงกระจกที่ดีมีคุณภาพสูง และได้รับมาตรฐานนั้น จะสามารถช่วยให้บ้านที่มีกระจก หายร้อนได้เป็นอย่างดีเลยหละ เนื่องจากฟิล์มกรองแสง จะทำหน้าที่ช่วยกรองแสงแดดที่ส่องเข้ามายังตัวบ้าน ถ้าหากไม่มีฟิล์มติดที่กระจกก็จะทำให้แสงนั้นสามารถผ่านกระจกเข้ามาภายในบ้านของเราได้เต็มๆ อีกทั้งยังมาพร้อมรังสี UV รังสีอินฟราเรด และรังสีอันตรายอีกมากมาย ที่ส่งผลเสียกับผิวหนังและดวงตาได้เป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านคุณให้สีซีดเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันสมควรด้วย เพราะฉะนั้น เราควรติดฟิล์มกรองแสง เพื่อช่วยเป็นเกราะปกป้องแสงแดด ช่วยถนอมทรัพย์สินและเป็นการดูแลสมาชิกในบ้านไปด้วยนั่นเอง
ติดแอร์อย่างเดียวน่าจะเอาอยู่
เครื่องปรับอากาศก็เป็นคำตอบหนึ่งด้วย แต่หากคิดถึงความคุ้มค่ากับค่าไฟแล้วก็หนักเอาการอยู่ เพราะบ้านสไตล์นอร์ดิกนั่นเป็นทรงโปร่งสูง ทำให้แอร์ทำงานหนักจนกว่าจะทำให้เย็นได้ทั้งห้อง และต้องสู้กับความร้อนจากแสงแดดที่แผ่เข้ามาเป็นระยะด้วย ทั้งหมดนี้ หากติดฟิล์มกรองแสงก็ช่วยได้เช่นกัน เนื่องจากฟิล์มจะทำให้อุณหภูมิภายในบ้านไม่สูง และลดความร้อนไม่ให้แผ่เข้ามาสะสมในตัวบ้าน แอร์ก็จะทำให้บ้านเย็นเร็วขึ้นและทำงานน้อยลง ประหยัดค่าไฟได้เยอะทีเดียว
ไม่ใช่แค่นอร์ดิกธรรมดา
นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงยังทำให้บ้านสไตล์นอดิกส์นั่นดูโมเดิร์นเพิ่มขึ้นอีก จากเงาท้องฟ้าที่พาดผ่านตัวบ้าน ดูกลมกลื่นกับบรรยากาศรอบข้างยิ่งขึ้น เนื่องจากฟิล์มจะทำให้กระจกที่มองจากภายนอกนั้นดูทึบและเกิดเงาของสิ่งรอบข้างด้วย ทำให้บ้านธรรมดากลายเป็นนอร์ดิกโมเดิร์นสไตล์ขึ้นมา
ฟิล์มกรองแสงแบบไหนที่ใช่
เรามีเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ในการช่วยคุณเลือกสรรค์ฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารมาฝาก
1. เลือกฟิล์มยี่ห้อที่คุณภาพสูง มีมาตรฐาน ได้รับการการันตีคุณภาพ
2. ควรเลือกฟิล์มที่มีค่า SHGC ไม่เกิน 0.45% * SHGC = ประสิทธิภาพกันความร้อน
3. เลือกติดฟิล์มเซรามิค จะลดความร้อนได้ดีและสูงกว่าฟิล์มธรรมดาทั่วไป
4. อย่าเลือกฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าเพียงอย่างเดียว ให้เลือกที่ประสิทธิภาพ % การกันรังสี UV อินฟราเรด และรังสีอันตรายอื่นๆ ที่มาพร้อมแสงแดดได้ด้วย
5. เลือกติดฟิล์มกับร้านหรือตัวแทนจำหน่าย ที่มีความน่าเชื่อถือ มีการการันตีความชำนาญของทีมช่าง
6. เลือกร้านที่มีบริการหลังการติดตั้ง และอายุการรับประกัน
เพียงเท่านี้ คุณก็มีบ้านนอร์ดิกในฝันได้ไม่ยากและแถมช่วยให้บ้าน มีความน่าอยู่ลงตัวแสนอบอุ่น อบอวลไปด้วยความสุขกันทั้งครอบครัวแน่นอน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา