16 ก.ค. 2023 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

Joseph Bologne : "โมสาร์ทผิวสีแห่งฝรั่งเศส" ผู้สาบสูญจากหน้าประวัติศาสตร์

นักดนตรี, นักกีฬา, อัศวิน, เซเลบริตี้, และนักปฏิวัติ 5 บทบาทนี้คือสิ่งที่ Joseph Bologne ชายลูกครึ่งฝรั่งเศส-แคริบเบียนผู้นี้เป็นได้ในคน ๆ เดียว เขาคนนี้คืออัจฉริยะทางด้านดนตรีที่ผู้คนยุคหลังยกย่องให้เป็นโมสาร์ทคนที่สอง
อีกทั้งฝีดาบที่ไม่เป็นสองรองใครทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน ทว่าเมื่อการปฏิวัติฝรั่งเศสสิ้นสุดลง
เกียรติประวัติของเขากลับถูกล้างผลาญจนแทบจะไม่เหลือร่องรอยอันใด และนี่คือเรื่องราวชีวิตของอัจฉริยะอีกคนหนึ่งของยุคสมัยที่ถูกทำลายหายไปเพียงเพราะสีผิวของเขา
📌 มูแลตโตแห่งกัวเดอลุป
ในวันคริสมาสต์ของปี 1745 เรื่องราวชีวิตของอัจฉริยะผู้หนึ่งก็ได้เริ่มต้นขึ้นมาในเมืองกัวเดอลุป อาณานิคมแคริบเบียนฝรั่งเศส
Joseph ลืมตาขึ้นมาดูโลกในอ้อมอกของมารดาที่เป็นทาสชาวผิวสีในไร่อ้อยแห่งหนึ่ง บิดาของเขาหาได้ใช่คนผิวสีด้วยกันไม่ หากแต่เป็นผู้มั่งคั่งจากฝรั่งเศสที่มีสถานะเป็นเจ้าของไร่แห่งนี้
แต่ถึงแม้ว่าเด็กชายจะเกิดมาจากแม่ผิวสีก็ตาม แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ มิหนำซ้ำยังเอ็นดูบุตรชายมูแลตโตของตนเป็นอย่างดี จนกระทั่ง Joseph อายุได้ 7 ขวบ พ่อของเขาก็ได้ส่งเขาไปใช้ชีวิตและรับการศึกษาอยู่บนแผ่นดินใหญ่ที่ "ฝรั่งเศส"
📌 อัจฉริยะยอดนักดาบ
เมื่อ Joseph เติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นในวัย 13 ปี ก็ได้เข้าเรียนวิชาฟันดาบและขี่ม้าในสำนักดาบชื่อดังแห่งปารีส ซึ่งฝีดาบของเขาก็มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด โดยสามารถล้มนักดาบที่เก่งที่สุดในสำนักได้ตั้งแต่อายุ 15 และสามารถล้มปรมาจารย์ดาบอย่างอเล็กซงเดร ปิการ์ด (Alexandre Picard) ได้ต่อหน้าสาธารณชนตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน
1
ทำให้กิตติศัพท์ของ Joseph โด่งดังไปไกล และได้เข้าเป็นทหารหลวงหลังจากที่สำเร็จการศึกษา ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน หรือเซอร์วาเลียในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส โดยใช้ชื่อว่า Chevalier de Saint-Georges
1
Joseph ยังคงมีการประลองดาบตามสถานที่ต่าง ๆ ไปเรื่อยเสมือนดังทัวร์นาเมนต์ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งได้ปะลองมือกับนักดาบชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ฟิลิปที่ 2, ดยุคแห่งออร์เลอ็อง (Duc d'Orléans) รวมไปถึงนักดาบสายลับชื่อดังที่ถนัดด้านการปลอมตัวอย่างเชอวาเลียเดออง (Chevalière d'Éon) ด้วย
ความสามารถด้านฝีดาบของ Joseph เป็นที่โด่งดังมาก แม้แต่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่สองอย่างจอห์น อดัมส์ก็ยังรู้จักเขาและบันทึกลงในไดอารี่ว่า
"Joseph Bologne เป็นชายที่เยี่ยมยอดที่สุดในยุโรป ผู้เชี่ยวชาญทั้งการขี่ม้า วิ่ง ยิงปืน ฟันดาบ เต้นรำ และดนตรี"
1
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะที่ไร้ที่ติของชายผู้นี้
📌 "โมสาร์ทผิวสี" นักไวโอลินที่ดีที่สุดในโลก
ไม่มีใครรู้ และไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับอัจฉริยะภาพทางด้านดนตรีของ Joseph ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ความสามารถเกี่ยวกับดนตรีของเขาก็ปรากฏขึ้นมาในวัย 19 ปี โดยมีฝีมือการเล่นฮาร์ปชิคอร์ดและไวโอลินที่เยี่ยมยอดในระดับที่ปรมาจารย์ไวโอลินชาวอิตาเลียนอย่าง อันโตนิโอ ลอลลี่ (Antonio Lolli) และปรมาจารย์ไวโอลินชาวฝรั่งเศสอย่างฟร็องซัวส์ กอซเซค (François-Joseph Gossec) ต่างก็พากันประพันธ์เพลงให้เขาเล่น
ผลงานเพลงของ Joseph ยังคงปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ โดยเขาเริ่มประพันธ์เพลงเองตั้งแต่ปี 1770 และเริ่มต้นชีวิตนักดนตรีของ Concert des Amateurs ทั้งในฐานะนักโซโล่ไวโอลินและวาทยากร ซึ่งเขาได้ทำให้วงนี้กลายเป็นวงคอนเซอร์โตที่เยี่ยมยอดที่สุดในฝรั่งเศสและในทวีปยุโรป
ซึ่งแน่นอนว่ากิตติศัพท์ของเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนไปต้องตาราชินีแห่งฝรั่งเศส “พระนางมารีย์ อองตัวแนตต์” ผู้ที่จะมาเป็นผู้อุปถัมภ์เขาในด้านดนตรี และมอบหมายให้เขาไปกำกับโรงละครโอเปร่าแห่งปารีส แต่ด้วยปัญหาการเหยียดผิวทำให้ Joseph ไม่ได้ร่วมงานที่นั่น ซึ่งนอกจากวงดนตรีแล้ว Joseph ก็ยังแต่งโอเปร่าอีกหลายเรื่องด้วยกัน
ว่ากันว่าฝีมือของ Joseph นั้นสามารถเทียบชั้นกับอัจฉริยะนักดนตรีแห่งยุคอย่างโมสาร์ท (Mozart) ได้เลยทีเดียว ซึ่งทั้งคู่นั้นมีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกัน แต่ทั้งคู่จะเคยเจอหน้ากันหรือไม่นั้นก็ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของกันและกันอย่างแน่นอน
📌 ผู้ผลักดันการเลิกทาสในฝรั่งเศส
ท่ามกลางไฟปฏิวัติฝรั่งเศสที่กำลังลุกโซนขึ้นมา Joseph ซึ่งเป็นชาวผิวสีและถูกกดทับด้วยกฏหมายทาสเดิมในช่วงก่อนปฏิวัติ ก็ได้หันมาเข้าร่วมกับฝั่งปฏิวัติและได้รับยศเป็นผู้การควบคุมกองพันอเมริกัน ซึ่งเป็นกองพันทหารม้าที่มีแต่ทหารผิวสีจากอาณานิคมในแคริบเบียนโดยเฉพาะ
กองพันของเขามีส่วนร่วมในการรบและปกป้องเมืองลีลส์อยู่หลายครั้ง นอกจากหน้าที่ในฐานะทหารแล้ว Joseph เองก็มีหน้าที่ในฐานะนักปฏิวัติโดยมีส่วนสำคัญในการเลิกทาสทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส
โดยเขาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มนักเลิกทาสที่นำโดย ฌาร์ค ปิแอร์ บริโซ (Jacque Pierre Brissot) ซึ่งทำให้ประสบความสำเร็จในการเลิกทาสฝรั่งเศสเมื่อปี 1795
Joseph รับใช้คณะปฏิวัติจนถึงช่วงยุคสมัยแห่งความสะพรึงกลัวที่ซึ่งเขาถูกจำคุกด้วยข้อสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับพระนางมารีย์ อองตัวแนตต์ แต่ก็นับว่าโชคดีที่เขาสามารถรอดพ้นจากคมมีดกีโยตินมาได้ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยในวัย 59 ปี
เมื่อการปฏิวัติฝรั่งเศสสิ้นสุดลงในปี 1799 โดยการรัฐประหารของนโปเลียน นโปเลียนก็ได้ทำให้กฏหมายทาสที่ถูกยกเลิกไปมีผลกลับมาบังคับใช้ใหม่อีกรอบหนึ่ง พร้อม ๆ กับการพยายาม “ลบ” ตัวตนของอัจฉริยะผิวสีผู้เคยเป็นหน้าเป็นตาของประเทศออกจากประวัติศาสตร์
โดยการประกาศแบนผลงานเพลงของเขา รวมไปถึงการทำลายข้าวของและเผาบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย โดยตัวตนของ Joseph ยังคงหลงเหลืออยู่ผ่านการซ่อนและจัดเก็บรักษาเอาไว้ของผู้คนที่นับถือเขาทั้งในฝรั่งเศสและกัวเดอลุป
โดยเรื่องราวของ Joseph ถูกพูดถึงอีกครั้งในปี 1840 ผ่านละครของ Roger de Beauvoir
ซึ่งเน้นหาส่วนใหญ่เป็นนิยายมากกว่า ก่อนที่จะคืนชีพกลับมาในสังคมปัจจุบันอีกครั้งและเริ่มรู้จักการอย่างกว้างขวางขึ้นเมื่อราว 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง
📌 การฟื้นคืนชีพของ Joseph Bologne ในศตวรรษที่ 21
ถึงแม้ว่าตัวตนของ Joseph Bologne จะถูกลบไปจนแทบจะเลือนหายไป ตัวตนของเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในปัจจุบันโดยการศึกษาของนักไวโอลินจากนิวยอร์คนาม กาเบรียล บาแนต (Gabriel Banat) ซึ่งได้ตีพิมพ์ชีวประวัติของเขาในปี 2006
และกลายเป็นกระแสในช่วงปี 2013 โดยนักไวโอลินชาวอเมริกานาม เรเชล บาร์ตัน ไพน์ (Rachel Barton Pine) ซึ่งได้อัดเสียงบรรเลงเพลงคอนเซอร์โตไวโอลินของคีตกวีผิวสีในช่วงศตวรรษที่ 18-19 โดยผลงานการอัดเสียงครั้งนี้ของเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลระดับประเทศด้วย
นอกเหนือจากการฟื้นคืนชีพของบทเพลงที่ถูกแบนจนเลือนหายไปแล้ว เรื่องราวชีวิตของ Joseph Bologne ก็ยังถูกนำมาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์จอเงินโดยค่าย Searchlight Pictures ในชื่อ Chevalier ซึ่งได้ฉายในอเมริกาเมื่อเดือนเมษายนปี 2023 ที่ผ่านมา
แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เข้าโรงหรือให้บริการผ่านแอพสตรีมมิ่งในประเทศไทยเลย โดยผู้ที่สนใจสามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้จากทางยูทิวบ์(Youtube) โดยเป็นภาพยนตร์อิงชีวประวัติที่มีการเติมแต่งบิดเบือนจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ไปบ้าง แต่ก็ยังคงความน่าดูอยู่ไม่น้อย
นักดนตรี, นักกีฬา, อัศวิน, เซเลบริตี้, และนักปฏิวัติ ไม่ว่าจะบทบาทไหน
เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า Joseph Bologne เป็นอัจฉริยะที่เก่งในทุกด้าน นับว่าเป็นโชคดีของเขาที่พบเจอผู้คนมากมายที่ให้การยอมรับเขาโดยมองที่ความสามารถมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
ความสามารถและอัจฉริยะภาพของ Joseph Bologne ได้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญและเป็นเพชรเม็ดงามที่ประดับวงการดนตรีและแวดวงประวัติศาสตร์สืบต่อไปอีกนานเท่านาน
1
References :
โฆษณา