30 ก.ค. 2023 เวลา 11:02 • ไลฟ์สไตล์

ตรวจวันเวลาเกิด

บ่อยครั้งที่การตรวจดวงชะตา จะต้องประสบกับปัญหาเกี่ยวกับ วันเวลาเกิด ที่ไม่แน่นอน หรืออาจถึงขั้นไม่รู้ ในกรณีที่รู้เวลาเกิด แต่ไม่แน่นอน สามารถขึ้นผังดวงได้ แต่จะอ่านอะไรไม่ได้เลย เพราะผลการวิเคราะห์ดวงชะตา จะไม่ตรงกับความจริง นักพยากรณ์ที่เก่ง จะต้องสอบทานกับเหตุการณ์จริงในชีวิตของเจ้าชะตา ก่อนที่จะให้คำพยากรณ์ใดๆ ยิ่งในกรณีที่ต้องใช้ผังดวงเพื่อการปรับแก้ชะตา ยิ่งต้องการวันเวลาเกิดที่ถูกต้อง
เพราะถ้าไม่ใช่วันเวลาเกิดจริง ก็จะทำให้ผังดวงที่คำนวณได้ ไม่ถูกต้อง ซึ่งย่อมส่งผลให้ไม่สามารถนำไปใช้ในการปรับแก้ชะตาใดๆ ได้ ส่วนในกรณีที่ไม่รู้วันเวลาเกิดเลย ก็จะยิ่งเป็นปัญหาหนัก ทำให้ไม่สามารถแม้แต่จะขึ้นผังดวงได้เลย ซึ่งเป็นกรณีศึกษา ที่จะนำมาวิเคราะห์กันในบทความนี้ โดยจะนำเสนอเทคนิคบางอย่าง ในการตรวจทานหาเวลาเกิด ที่น่าจะเป็นสำหรับเจ้าชะตา โดยการสอบทานกับเหตุการณ์จริงในชีวิตของเจ้าชะตา
กรณีศึกษาที่หนึ่ง
(First case study)
กรณีศึกษาแรก เป็นตัวอย่างที่ไม่รู้เวลาเกิด โดยสมมติให้ เจ้าชะตาเกิดวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ.1955 แต่ไม่รู้เวลาเกิด การวิเคราะห์ขั้นต้น จึงต้องทำการประเมินหาช่วงเวลาเกิดก่อน โดยใช้หลักวิชา สี่ราศีแปดอักษร หรือ โป้ยยี่ซี้เถียว (八字四柱) ของจีน โดยดูจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อเจ้าชะตามีอาการเจ็บป่วยหลายโรคด้วยกัน กล่าวคือ หัวใจ, ไต, หัวเข่าเสื่อม, กระดูกพรุน, ตาต้อกระจก ซึ่งโดยปกติดวงชะตาเช่นนี้ มักจะมีดาวอสูรป่วยยิ่ม เข้ามาสถิตในดวง ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บหลากหลาย
รูปที่ 1 แสดงผังชะตาที่คำนวณด้วยวิชาสี่ราศีแปดอักษร
ผังดวงชะตาที่คำนวณจากวิชาสี่ราศีแปดอักษร แสดงในรูปที่ 1 พบว่า เจ้าชะตาเป็นคนดิถีไฟเปี้ย (丙) ดังนั้น หากจะมีดาวอสูรป่วยยิ่มในดวง จะต้องเป็นคนเกิดในช่วงยาม จื้อ (子) คือช่วงเวลา 23.00-01.00 น.ของคืนวันที่ 3-6-1955 โดยผลการวิเคราะห์ดวงมีดังนี้คือ
ดิถีไฟเปี้ย เกิดเดือนไฟจี๋ (已) ถือว่าถูกต้องฤดูกาล ทำให้ดิถีมีกำลัง แต่ไฟจี๋ถูกกระหนาบด้วยทองซิม (申) และดินบี่ (未) จึงทำให้เสียกำลังไปหลอมทอง และกำเนิดดิน ไฟจี๋จึงไม่เป็นคุณต่อไฟเปี้ย ซึ่งนั่งอยู่บนทองซิมด้วย ทำให้ฐานนั่งไม่มั่นคง เสียกำลังหลอมทองเช่นกัน เป็นสภาพขัดแย้งกับตัวเอง นอกจากนั้นไฟเปี้ยยังถูกกระหนาบด้วยดินโบ่ว (戊) และทองซิง (辛) ทำให้ยิ่งอ่อนกำลัง โดยเฉพาะดินโบ่วที่เป็นพลังหยางด้วยกัน ทำให้ไฟเปี้ยเสียกำลังจนหมดสิ้น ไม่อาจหลอมทองซิงได้
ยังดีที่ทองซิง ต้องเสียกำลังไปพิฆาตไม้อิก (乙) ที่เป็นพลังหยินด้วยกัน ทำให้ทองซิงหมดสภาพเช่นกัน ไม่อาจทำอะไรไฟเปี้ยได้ แม้ไม้อิกจะเสียกำลังไปพิฆาตดินบี่ แต่ทองซิงก็ถูกไฟจี๋หลอม จึงทำให้สภาพพลังใกล้เคียงกัน ในขณะเดียวกัน ทองซิมก็ต้องเสียกำลังไปกำเนิดน้ำจื้อ ที่ถูกดินโบ่วควบคุม ทำให้ดินโบ่วอ่อนกำลังลงบางส่วน ไฟเปี้ยจึงยังคงสภาพอยู่ได้ ผลวิเคราะห์ดวงนี้จึงสรุปได้ว่า ดิถีอ่อน มีกำลังน้อย ธาตุสำคัญจึงต้องใช้ธาตุส่งเสริม (ไม้) หรือคู่ธาตุ (ไฟ)
ซึ่งในกรณีนี้ ให้ใช้ไม้ ห้ามใช้ไฟ เพราะไฟจะมาเสริมกำลังให้ดินในดวงมีพลังมากขึ้น ทำให้ดิถียิ่งอ่อนแอลง การใช้ไม้เข้ามา นอกจากจะช่วยพิฆาตดินแล้ว ยังดึงกำลังน้ำที่ทองกำเนิดไปส่งเสริมไม้ ทำให้ทองในดวงลดบทบาทลงได้ด้วย ผลการวิเคราะห์ในส่วนนี้ แสดงให้เห็นว่า เมื่อใช้ยามเกิดดังกล่าว จะยิ่งทำให้ดิถีอ่อนกำลังลงมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่เจ้าชะตา เกิดอาการเจ็บป่วยหลายโรค
การวิเคราะห์วัยจรพบว่า ในช่วงอายุ 57-61 ปี มีไฟเต็ง (丁) จรเข้ามา แม้จะเป็นคู่ธาตุ แต่ไม่เป็นผลดีต่อดิถีดังกล่าวข้างต้น เพราะถูกดินในดวงดึงไปใช้หมด และยิ่งทำให้ทองในดวงเข้มแข็ง บั่นทอนดวงชะตาลงได้มาก ช่วงอายุ 62-66 ปี มีน้ำไห (亥) จรเข้ามา ต้องถือว่าเป็นอันตรายต่อดวง เพราะแม้จะเป็นน้ำหยิน แต่เมื่อได้กำลังเสริมจากทองในดวง จะยิ่งมีกำลัง ที่สำคัญวัยจรจะคงอยู่ครั้งละ 5 ปี ทำให้ตลอดช่วงอายุดังกล่าว ดวงชะตาจะยิ่งอ่อนแรงลง
ที่สำคัญอายุเข้าใกล้ 64 ซึ่งมีราศีปีจร กีไห (己亥) ที่มีน้ำไหจรเข้ามาเสริม แม้จะมีดินกีคุมไว้ เมื่อผนวกกับวัยจรน้ำไห ก็ยังไม่ควรประมาท ยังดีที่ภาวะแปรธาตุทำให้ราศีกีไห กลายเป็นไม้ ที่เป็นธาตุสำคัญ จึงพอเอาตัวรอดได้ การปรับแก้ดวงชะตา จึงต้องอิงกับธาตุสำคัญ คือ ไม้ ดังกล่าว จะช่วยทอนกำลังน้ำไห มากำเนิดไม้ ทำให้ดวงชะตาแข็งแกร่งขึ้น เพราะไม้จะไปเสริมดิถีไฟในดวงนั้น
การอิงธาตุไม้ ให้หันหัวนอนไปทางทิศตะวันออก หรือ ตะวันออกเฉียงใต้ ใส่เสื้อสีเขียวอ่อน หรือ เขียวขาว ไม่ควรใส่สีเขียวเข้ม กางเกงหรือกระโปรง เป็นสีน้ำตาลเปลือกไม้ได้ ซึ่งธาตุสำคัญนี้ จะใช้เป็นตัวเช็คกับเหตุการณ์จริงได้ด้วย หากวัยจรหรือปีจรใด มีธาตุพิฆาตหรือทอนธาตุสำคัญ ก็มักจะเกิดเรื่องร้ายได้
การวิเคราะห์ปฏิกิริยากำเนิด พบว่า น้ำจื้อเป็นทอ หรือปฏิกิริยาก่อเกิด, ทองซิมเป็นแป่ หรือปฏิกิริยาป่วย, ไฟจี๋เป็นลิ่มกัว หรือปฏิกิริยามั่นคง และ ดินบี่เป็นซวย หรือปฏิกิริยาเสื่อม เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์ดาวเทพอสูรในดวง จะพบว่า เปี้ยจี๋เป็นลกซิ้ง หรือ ดาวเพทวาสนา และ กัวลก หรือ ดาวเทพเสริมชะตา, เปี้ยซิมเป็นบุ่งเชียง หรือ ดาวเทพบัณฑิต, เปี้ยจื้อเป็นเปาท้อ หรือ ดาวเทพปรับตัว และป่วยยิ่ม หรือ ดาวอสูรเจ็บป่วยด้วย
เปี้ยบี่เป็นกิมออ หรือ ดาวเทพโชคลาภ, บี่จื้อเป็นท้อฮวย หรือ ดาวเทพดอกท้อ, ซิมจื้อเป็นเจียงแช หรือ ดาวเทพขุนพล, บี่จี๋เป็นเอียะเบ้ หรือ ดาวเทพสัญจร, จี๋บี่เป็นเทียนเต็ก หรือ ดาวเทพสุริยัน, โบ่วจื้อเป็นหลักสิ่ว หรือ ดาวเทพเสน่ห์, เปี้ยซิมเป็นจับอักไต่ไป่ หรือ ดาวสูรอาภัพ เมื่อเทียบปฏิกิริยากำเนิด
จะได้ว่า มีดาวเทพที่มีกำลังเพียง 4 ดวง คือ ลกซิ้ง, กัวลก, เอียะเบ้, เทียนเต็ก ขณะที่ดาวอสูรเจ็บไข้ ตกปฏิกิริยาก่อเกิด จึงทำให้มีความเจ็บป่วยในชีวิตจริงหลายโรค ถือว่าเป็นโชคดีที่ ดาวอสูรอาภัพ ก็หมดบทบาทไปด้วย ทำให้ยังไม่ถึงกับล้มหายตายจาก เป็นการยืนยันเวลาเกิดดังกล่าวอีกชั้นหนึ่ง
รูปที่ 2 แสดงผังชะตาทักษาสัตตเลข และผังเรือนชะตา
เนื่องจากยามจื้อ คาบเกี่ยวระหว่างวันที่ 3-6-1955 และ 4-6-1955 เพื่อตรวจหาให้แน่นอนว่า เจ้าชะตาเกิดวันใดแน่ จึงต้องใช้หลักวิชามหาทักษาสัตตเลข มาช่วยทำการวิเคราะห์ ในกรณียามจื้อ เมื่อเทียบกับยามอัฐกาล จะคาบเกี่ยวอยู่ 2 ช่วงเวลาคือ 22.31-24.00 และ 24.01-01.30 น. โดยต้องคิดเป็นคืนวันที่ 3-6-1955 จึงถือเป็นวันศุกร์ ทำให้เกิดดาวพระเคราะห์ 2 ดวงเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ดาวพุธ 4 และดาวอาทิตย์ 1
ซึ่งจากการเปรียบเทียบผังชะตาจากดาวยามทั้งสอง พบว่า ดาวพุธ 4 จะให้ผลการวิเคราะห์ดวง ที่เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงความจริงมากกว่า โดยเทียบกับตำแหน่งของอวัยวะที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บดังกล่าวข้างต้น (ดังแสดงในรูปที่ 2) จะพบว่า มีดาวไม่ดี ที่มีพลังร้ายไปสถิตอยู่ตลอดทั้งเรือนชะตา จึงเป็นสาเหตุให้สุขภาพไม่ดี มีโรคภัยข้าเจ็บหลากหลาย
ดาวที่มีพลังร้าย คือ ดาวมรณะ 1 ดาวหินะ 7 ดาวอริ 5 และ ดาวพยาธิ 5 ที่ถือเป็นกลุ่มดาวเรือนนอก ที่ส่งผลชัดเจน จึงใช้เป็นตัวเลขสีแดง ขณะที่ดาวพลังร้ายเรือนใน คือ ดาวมรณะ 6 ดาวหินะ 6 ดาวอริ 5 ดาวพยาธิ 2 จะส่งผลแบบแอบแฝง จึงใช้เป็นตัวเลขสีส้ม
ดาวพลังร้ายที่สถิตอยู่บริเวณศีรษะ คือ 671 เป็นดาวพลังร้ายหมด จึงเป็นเหตุให้มีปัญหากับอวัยวะบริเวณศีรษะทั้งหมด ในที่นี้คือ ตาต้อกระจก ให้ดีควรไปตรวจสมองเพิ่ม เพราะมีแนวโน้มเป็นโรคสมองเสื่อมได้ด้วย ดาวพลังร้ายที่สถิตอยู่บริเวณทรวงอก คือ 12 เป็นต้นเหตุของโรค หัวใจ ดาวพลังร้ายที่สถิตอยู่บริเวณช่องท้องคือ 51 เป็นต้นเหตุของโรคไต ดาวพลังร้ายที่สถิตอยู่แขนขวาคือ 712 แขนซ้ายคือ 2 ขาขวาคือ 5 และ ขาซ้ายคือ 512 ล้วนเป็นต้นเหตุของโรคหัวเข่าเสื่อม กระดูกพรุน
รูปที่ 3 แสดงผังชะตาของวันที่ 16 กันยายน ค.ศ.1971 เวลา 17.45 น.
อีกข้อมูลหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนเวลาเกิดดังกล่าว คือจากผังมหาทักษาในปูมชะตา (รูปที่ 2) พบว่า ดาวสถิตในภูมิกาลากิณีของเจ้าชะตา คือ 8733 ซึ่งพบว่า มีเพียงดาว 8 เท่านั้น ที่มีการทอนกำลังจากภูมิศรีไปเพียง 25% ยังคงกำลังในการส่งผลร้ายอีก 75% กล่าวโดยสรุปแล้ว ต้องยอมรับว่า ภูมิกาลากิณีของผังชะตานี้ ยังมีกำลังมาก เมื่อพิจารณาเทียบกับภูมิอายุ ที่ส่งผลเกี่ยวกับสุขภาพ
ก็จะให้ผลวิเคราะห์ที่ใกล้เคียงกัน เพราะประกอบด้วยดาว 1877 ซึ่งเป็นดาวกาลากิณีไป 3 ดวงด้วยกันคือ 877 ทำให้เจ้าชะตา มีสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ เจ็บไข้ได้บ่อย สอดคล้องกับสภาพในชีวิตจริง กล่าวโดยสรุปแล้ว เจ้าชะตาควรจะเป็นคนที่เกิด วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน ค.ศ.1955 (พ.ศ.2498) ช่วงเวลา 23.00-24.00
กรณีศึกษาที่สอง
(Second case study)
กรณีที่สอง เป็นตัวอย่างที่วันเวลาเกิด ได้ผังดวงชะตาที่ไม่ตรงกับเหตุการณ์ในชีวิตจริง สมมติให้ เจ้าชะตาเกิดวันที่ 16 กันยายน ค.ศ.1971 เวลา 17.45 น. ผังดวงชะตาที่คำนวณจากวิชาสี่ราศีแปดอักษร แสดงในรูปที่ 3 ซึ่งพบว่าผังดวงไม่ตรงกับเหตุการณ์จริง และอาจเป็นเหตุผล ที่เจ้าชะตา นำวันเกิดดังกล่าว ไปใช้ในการตรวจดวงชะตา แล้วไม่ตรง จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้
โดยในชีวิตจริง เจ้าชะตามักประสบอุบัติเหตุ ที่ทำให้เจ็บปวดกล้ามเนื้อ และยังเป็นคนที่มี sixth sense หรือ สัมผัสพิเศษ ที่แข็งแกร่งและค่อนข้างแม่นยำมาก แต่ผังดวงที่ได้จากวันเวลาเกิดดังกล่าว ไม่พบว่ามี สภาพดวงที่ส่งผลให้เกิดบทบาทในชีวิตจริงดังกล่าว ทั้งสองสภาพที่ยกมา ซึ่งในหลักวิชาแปดราศีสี่อักษร การเกิดอุบัติเหตุ จะบ่งบอกด้วยดาวอสูรบาดเจ็บ หรือ เอี่ยวยิ่ม ขณะที่สัมผัสพิเศษจะดูที่ดาวเทพจันทรา หรือ ง่วยเต็ก ซึ่งสามารถนำมาเป็นเกณฑ์ในการตรวจทานหาวันเวลาเกิด ที่ให้ผังดวงตรงกับชะตาชีวิตจริง
โดยจากผังดวงจากวันเวลาเกิดดังกล่าว ได้ดิถีเป็น กะซิ้ง (甲辰) ซึ่งเอี่ยวยิ่ม ต้องใช้ราศีบนดิถี หรือ หลักวัน เป็นตัวเทียบหา โดยเอี่ยวยิ่มของไม้กะจะอยู่ที่ราศีล่างตัวเบ้า (卯) ซึ่งไม่มีในผังดวง จึงใช้เลื่อนวันที่เกิดเดินหน้าไปทีละวัน จะพบว่า วันที่ 18 จะได้ดิถีเป็น เปี้ยโง่ว (丙牛) ซึ่งโง่วเป็นเอี่ยวยิ่มของเปี้ย เมื่อได้เกณฑ์ถูกต้องหนึ่งตัวแล้ว ก็ให้ลองขึ้นผังดวงจากวิชาสี่ราศีแปดอักษร แสดงในรูปที่ 4
รูปที่ 4 แสดงผังชะตาของวันที่ 18 กันยายน ค.ศ.1971 เวลา 17.45 น.
ผลการวิเคราะห์จากผังในรูปที่ 4 พบว่า ดิถีเป็นไฟเปี้ย (丙) เกิดเดือนทองอิ้ว (酉) ถือว่าดิถีไฟเสียกำลังไปหลอมทอง ยังดีที่ดิถีเป็นไฟหยาง แต่ทองฤดูกาลเป็นทองหยิน จนเสียกำลังไม่มาก อีกทั้งดิถียังนั่งอยู่บนไฟโง่ว (牛) และมีไฟเต็ง (丁) ขนาบทั้งซ้ายขวา จึงทำให้ดิถีมีกำลังมาก แม้ไฟโง่ว จะถูกขนาบด้วยทองอิ้ว แต่ทองทุกตัวล้วนมีไฟเต็งนั่งทับอยู่ ทำให้หมดสภาพสิ้นกำลัง ที่จะมีอิทธิพลใดในดวง
ขณะที่ทองซิง (辛) ก็ไม่อาจมีบทบาทเช่นกัน เพราะนั่งอยู่บนน้ำไห (亥) ทำให้ถูกทอนกำลังไปเกิดน้ำไหด้วย โดยภาพรวมแล้ว ดวงนี้ต้องถือว่า ดิถีมีกำลังมาก สภาพเช่นนี้ ไม่เป็นผลดี เพราะดิถีแข็งหรืออ่อนเกิน ล้วนไม่ดุลยภาพ โดยดิถีที่แข็งจะส่งผลให้ เกิดความดื้อรั้น กร้าวร้าวได้ ในกรณีนี้ ธาตุสำคัญ จึงต้องใช้ ตัวที่มาทอนกำลังดิถี คือ ธาตุที่ดิถีต้องไปกำเนิด ในที่นี้ ดิถีเป็นไฟ จึงต้องไปเกิดดิน เมื่อดินเข้ามา จะช่วยทอนกำลังของไฟในดวง และยังช่วยกำเนิดทอง ที่ไปเกิดน้ำอีกทอดหนึ่ง
ทำให้อุณหภูมิของดวงลดความร้อนแรงลง ช่วยปรับให้ดวงเข้าสู่ดุลยภาพได้ อีกทั้งดินยังถือเป็นสติปัญญาของดิถีไฟด้วย เพราะการถ่ายเทออก จะทำให้ปลอดโปร่งไม่อุดตัน จิตใจย่อมลดความเร่าร้อน มีความสงบพอที่จะใช้สติปัญญาได้มากขึ้น การปรับชะตา ให้อิงธาตุดิน คือ นั่งอิง หรือ หันหัวนอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ตะวันตกเฉียงใต้ ใช้เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ ที่มีสีเหลืองเป็นองค์ประกอบ
ผลการวิเคราะห์ 12 เฉี่ยงแซ (长生) หรือ ปฏิกิริยากำเนิด พบว่า ในดวงมี ทองอิ้วเป็นซี่ (死) หรือ สิ้นสุด ไฟโง่วเป็นตี่อ้วง (帝旺) หรือ จุดสูงสุด และ น้ำไหเป็นเจ๊าะ (绝) หรือ สูญสลาย ต้องถือว่าภาพรวมมี ปฏิกิริยาที่ไม่ดีมากกว่าดี แม้จะมีปฏิกิริยาดีสูงสุด คือ ตี่อ้วง แต่ก็มีปฏิกิริยาไม่ดีสูงสุดเช่นกัน คือ เจ๊าะ
การที่มีปฏิกิริยาที่มีบทบาท ในด้านการสิ้นสุด สูญสลาย จึงต้องทำใจเอาไว้ให้มาก เพราะชีวิตมีโอกาสประสบพบเจอกับเรื่องผิดหวังได้บ่อยครั้ง เป็นดวงชะตา ที่อาจเรียกได้ว่า บทจะดีก็ดีสุดยอด บทจะเสียก็จบสิ้นได้เช่นกัน จึงไม่ควรคาดหวังกับอะไรมากจนเกินไป
ผลการวิเคราะห์ ซิ้ง-สัวะ (神-殺) หรือ ดาวเทพ-อสูร พบว่า ในดวงมี เปี้ยอิ้ว เป็น เอียงกุ่ย หรือ ดาวเทพช่วยเหลือ (เปิดเผย), เปี้ยโง่ว เป็น เอี่ยวยิ่ม หรือ ดาวอสุรบาดเจ็บ, อิ้วเปี้ย เป็น เทียนเต็ก หรือ ดาวเทพสุริยัน และ อิ้วโง่ว เป็น ง่วยเต็ก หรือ ดาวเทพจันทรา ในดวงมีดาวเทพ 3 ดวง และ ดาวอสูร 1 ดวง แต่เมื่อวัดกำลังแล้ว ดาวเทพที่มีกำลังจริงมีเพียง 2 ดวง คือ เทียนเต็ก กับ ง่วยเต็ก และดาวอสูร 1 ดวง คือ เอี่ยวยิ่ม
เนื่องจาก ดาวเทพช่วยเหลือหมดสภาพ จึงไม่อาจทอนกำลังของดาวอสูรบาดเจ็บได้ ยังดีที่มีดาวเทพสุริยัน ที่ถือเป็นดาวเทพผู้พิทักษ์รักษามีกำลัง จึงยังพอต้านดาวเอี่ยวยิ่มได้บ้าง แม้จะมีอุบัติเหตุบ่อยครั้งบ้าง แต่ก็ไม่บาดเจ็บอะไรมากนัก ในขณะที่ธาตุสำคัญเป็นธาตุดิน ซึ่งหมายถึงกล้ามเนื้อ เมื่อประสบอุบัติเหตุ จึงมักจะเจ็บเกี่ยวกับ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น รวมปลายถึงกระดูกได้ด้วย
ซึ่งลักษณะดวงเช่นนี้ ต้องถือว่า มีเทพยาดาพิทักษ์รักษาประจำตัว มิได้โดดเดี่ยว มีสิทธิ์ที่จะเป็นดวงวิญญาณ ที่อาสามากระทำการบางอย่างในโลกมนุษย์แห่งนี้ เพราะมีดาวเทพจันทรา ที่เป็นดาวสัมผัสพิเศษ ที่มีกำลังแรงสูงสุด สถิตอยู่ในพื้นดวงโดยตรง ถือเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษแรงกล้า สามารถรับรู้เรื่องราวเหนือธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ
บทสรุป
(Conclusion)
กล่าวโดยสรุปแล้ว หลักการตรวจทานวันเวลาเกิดข้างต้น จะสามารถช่วยหาวันเวลาเกิดที่ถูกต้อง สำหรับแต่ละดวงชะตาได้ เพียงแต่อาจมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน จากตัวอย่างทั้งสองที่ยกมาข้างต้น ต้องถือว่า ยังเป็นกรณีที่ไม่ยุ่งยากมากนัก แต่ไม่ว่าจะยากง่ายเพียงใด ก็ต้องอาศัยหลักการเดียวกัน คือ ใช้ดาวเทพ-อสูร ในการหาบทบาทที่ตรงกับชะตาชีวิตจริง โดยพิจารณาจากอิทธิพลของดาวเทพ-อสูรทั้งหลาย ที่จะส่งผลเป็นบทบาทดังกล่าว
(มิติทางปัจจัยสภาพ ep.8 ตรวจวันเวลาเกิด)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา